วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ : บทที่ 14 หัวใจใบบาง


นิยายเปิดเช่าและขาย

เรื่องไร่เสน่หาจองจำหัวใจ

 

องุ่นในไร่ปานเทวาส่วนใหญ่เป็นพันธุ์คาดินัล เมื่อผลแก่จัดจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงเข้มและม่วงแดงในบางสายพันธุ์ เวลาที่องุ่นสีเข้มพวงโตพวกนี้อยู่ท่ามกลางใบสีเขียวขอบหยัก มันช่างดูงดงามนัก
รัญชิดาก้มลงมองพวงองุ่นในมือแล้วหวนคิดถึงใบองุ่นทรงกลมขอบใบหยักคล้ายรูปหัวใจ ช่อผลเป็นกระจุกแยกแขนงในตำแหน่งของมือจับ พร้อมกับเหตุการณ์ที่เธอต้องผจญในค้างองุ่นแห่งนั้น
เนื่องด้วยปฐพีมีนัดรับประทานอาหารเย็นกับเพื่อนบ้าน เธอจึงต้องรีบเก็บงานแล้วไปยืนรอเขาที่รถตามคำสั่ง จังหวะมองไปยังค้างองุ่นบริเวณนั้นสะดุดตาเถาองุ่น ใบสีเขียวขอบหยักของมันต้องลมจนพลิ้วไหว ทำให้ใจของเธอคำนึงถึงค้างองุ่นสุดโปรดขึ้นมา และถ้าเธอรู้ว่าการไปเยือนค้างองุ่นแห่งนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เธอคงไม่คิดไป
ซึ่งในขณะนี้ระหว่างที่ปฐพีตั้งหน้าตั้งตาขับรถกลับบ้านไร่ เธอก็ลอบมององุ่นพวงใหญ่ที่ยังมีใบติดขั้วอยู่ในมือ พลางถอนใจกับอาการเจ็บแปลบที่เริ่มลุกลามตามแขนขา ถ้าเธอมีความยั้งคิดต่อการกระทำใด ๆ มากกว่านี้เธอคงไม่ต้องเจ็บตัว
รถจอดลงตรงหน้าบ้านไร่หญิงสาวก้าวลงโดยไม่รอฟังว่าปฐพีถามอะไรเธอด้วยซ้ำ ร่างเล็กกลั้นใจกับความเจ็บปวดเดินตรงดิ่งเข้าไปในครัว เธอวางพวงองุ่นในอ่างล้าง แล้วมานั่งลงเก้าอี้หัวโล้นทรงเตี้ยที่เธอมักเห็นป้ามาลัยนั่งโขกพริกตรงนี้อยู่บ่อย ๆ
ในเมื่อยังไม่มีใครเข้ามาเธอจึงถลกแขนเสื้อที่มีดินแห้งติดอยู่หน่อย ๆ เพื่อดูรอยฟกช้ำที่สร้างความเจ็บแปลบอยู่บริเวณต้นแขน ท่วงท่าเอี้ยวตัวเพิ่มความปวดบริเวณข้อเท้าเข้าไปอีก สงสัยข้อเท้าแพลงด้วย เจ็บจัง เสียงโอดคราญยังไม่ทันดังออกมาจากปาก ป้ามาลัยที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็เอะอะเสียงดังขึ้นมาเสียก่อน ร่างท้วมกระวีกระวาดวางกระจาดผักในมือแล้วมานั่งลงตรวจตราบาดแผลถลอกตามแขนขาของเธอ
 “ไปทำอะไรมาคะถึงได้เขียวไปหมดแบบนี้ ดูสิตรงนี้มีเลือดซึมด้วย  ท่าทางเจ็บขนาดนี้นายใหญ่รู้หรือเปล่าคะ” ป้ามาลัยพลิกแขนและขาตรวจตราอย่างถ้วนถี่ ปากก็พร่ำบอกว่านายสาวมีบาดแผลตรงนั้นตรงนี้
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะป้ามาลัย อีกอย่างฉันซุ่มซ่ามเอง เรื่องแค่นี้ไม่อยากไปรบกวนคนอื่น” รัญชิดาพูดไม่เต็มเสียงนัก เพราะเธอไม่อยากให้เขารู้ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ฝืนความเจ็บปวดนั่งรถมากับเขาด้วยท่าทางปกติ
ที่จริงตอนอยู่ในรถ เธอก็พอจะดูออกถึงแววตาสงสัยของปฐพี แต่เพราะเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวปกปิดทุกส่วนสัด จึงทำให้เขาไม่เห็นว่าภายใต้เนื้อผ้าเธอได้ซ่อนบาดแผลเหล่านี้ไว้
“คนอื่นที่ไหนกันคะ นายใหญ่น่ะสามีคุณนะคะ เชื่อป้าเถอะ บอกนายให้พาไปให้หมอตรวจดูสักนิด”
“คุณปฐพีทำงานเหน็ดเหนื่อยมากพออยู่แล้ว อย่าไปรบกวนเขาเลยค่ะ แค่นี้ฉันรักษาตัวเองได้จริง ๆ” เพราะถ้าเขาเกิดคิดว่าเธอเรียกร้องความสนใจ เธอคงรู้สึกแย่ลงไปอีก
“คุณไม่เชื่อป้าเลย” ป้ามาลัยนิ่วหน้ากับความดื้อดึงของนายหญิงสาว มืออวบอูมอ่อนโยนเอื้อมจับแขนเรียวพลิกซ้ายพลิกขวาอีกครั้ง ดูรอยบอบช้ำที่เริ่มเผยออกมาเป็นจ้ำ ๆ ป้าแม่บ้านเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาดังๆ
“ฉันจัดการกับบาดแผลพวกนี้ได้ค่ะ ป้ามาลัยเชื่อฉันเถอะนะคะ อีกอย่างมันก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากด้วย” รัญชิดาจำเป็นต้องพูดปดเพื่อให้ผู้อาวุโสตรงหน้าสบายใจ แต่รอยยิ้มแห้ง ๆ บนใบหน้าบ่งบอกได้ดีว่าเธอฝืนร่างกายแค่ไหนขณะลุกเดินกะเผลกไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตากไว้ริมหน้าต่าง และย้อนมาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำแข็งสองก้อนมาห่อผ้าไว้ เธอจะต้องจัดการกับรอยพวกนี้ก่อนที่ปฐพีจะมาเห็น แต่มันคงช้าไปเสียแล้ว
“เสียงเอะอะอะไรกันป้า ได้ยินไปถึงข้างบน” ปฐพีซึ่งเปลี่ยนจากชุดทำงานมาสวมชุดธรรมดา มองไปที่ร่างเล็กซึ่งกำลังยืนตัวแข็งอย่างประเมินสถานการณ์ หลังจากจอดรถเขาก็ตั้งใจจะถามว่าหญิงสาวเก็บพวกองุ่นพวงใหญ่มาได้อย่างไร เพราะผลพวงขนาดนี้คงอยู่สูงเอาการ แต่อีกฝ่ายไม่หยุดฟัง เขาจึงได้แต่มองอย่างสงสัยตามหลังร่างที่เร่งฝีเท้าเข้ามาในครัว
รัญชิดาหยุดมือกำลังประคบรอยช้ำที่แขน เธอพยายามเบี่ยงตัวหลบสายตาคมที่จ้องเขม็ง และนั่นยิ่งทำให้เขาเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหา แล้วคว้าผ้าออกมาจากมือของเธอ
“ป้ามาลัยออกไปก่อน” คำสั่งขึงขัง โดยไม่ละสายตาจากห่อผ้าในมือ ซึ่งป้าแม่บ้านก็ยิ้มในหน้า พึงพอใจที่เห็นผู้เป็นนายสาวจะได้รับการดูแลจากสามี เมื่ออยู่กันเพียงสองคนแล้ว ปฐพีรั้งร่างเธอให้นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิมส่วนเขาทรุดกายลงชันเข่า จากนั้นยึดแขนเธอไว้พร้อมถลกแขนเสื้อขึ้นอีก เห็นรอยถลอกจนเลือดซิบและรอยเขียวช้ำเริ่มขยายเป็นวงกว้าง
“เจ็บตัวอย่างนี้ยังคิดปิดบังฉันอีกหรือรัญชิดา” เขาทำเสียงดุใส่ขณะสายตากวาดหารอยแผลอื่นไปทั่วร่าง และหยุดอยู่ที่รอยเขียวคล้ำเป็นจ้ำ ๆ บริเวณท้องแขนลากลงมาจนถึงข้อศอก
ภายในกายสาวเกิดอาการร้อนวูบวาบ เพราะใบหน้าหล่อเหลาก้มตรวจตราชิดใกล้ ระยะห่างระหว่างลมหายใจเป่ารดมันไม่เกินคืบเลย..จนเธอรู้สึกตกประหม่าและทำให้เผลอเบี่ยงตัวกะทันหัน
“โอ้ย..”
เสียงร้อง ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอยังมีบาดแผลบริเวณอื่นอีก
“เจ็บตรงไหนอีก!” เสียงเข้มคาดคั้น ทำให้หญิงสาวไม่กล้าปฏิเสธ ปฐพีมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ลงมาตรงข้อเท้า เมื่อนิ้วแกร่งของเขาบรรจงแตะลงมาแผ่วเบา แค่นั้นก็เพียงพอที่ร่างเล็กจะชักเท้าด้วยความสะดุ้งเจ็บ
“ขอโทษฉันไม่ตั้งใจทำให้เธอเจ็บ เอาล่ะบอกฉันสิ เธอไปโดนอะไรมา” น้ำเสียงเขานุ่มนวลขึ้น แม้สีหน้ายังกังวล
รัญชิดาที่เอาแต่นั่งก้มหน้าช้อนตาขึ้นมอง เธอสะดุดใจกับน้ำเสียงอ่อนโยนของเขา
“มันเป็นความเผอเรอของฉันเองค่ะ” เธอกล่าว ก่อนจะเล่าว่าช่วงเวลายืนรอเขาที่รถ เธอนึกอยากได้องุ่นกลับมากินที่บ้านไร่ พอไปถึงค้างเหลือบไปเห็นพวงองุ่นลูกใหญ่แต่อยู่สูง จึงไปแบกบันไดที่พาดไว้ใกล้บริเวณแถวนั้นมาปีน
เด็ดพวงองุ่นมาได้ถึงช่วงจะไต่ลง เธอไม่ทันดูให้ดีว่าบันไดขั้นหนึ่งผุจนรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหว พอวางเท้าลงไปมันจึงหักกลางท่อนทำให้ร่างเธอเสียหลักพลัดตก ข้อเท้าข้างหนึ่งซ้นจนเขียวช้ำ ซ้ำต้นแขนยังฟาดลงกับขั้นบันไดที่หักเป็นแผลช้ำในเข้าไปอีก เพราะความกังวลว่าใครจะมาเห็นแล้วไปรายงานให้เขารู้ เธอจึงรีบลุกขึ้นค่อย ๆ ลากบันไดไปพาดไว้ที่เดิม จากนั้นก็รีบรุดมารอเขาที่รถโดยทำตัวปกติ
“โดยที่เก็บความเจ็บปวดนี้ไว้ตลอดทาง” ปฐพีพูดเสริม เขามองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมรำพันในใจ รัญชิดา เธอคิดว่าฉันใจจืดใจดำขนาดนี้เชียวหรือ
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เสร็จแล้วจะทายาให้” เขาไม่รอให้อีกฝ่ายได้ฉงนใจในคำสั่ง สั่งเสร็จก็ลุกขึ้นช้อนร่างคนเจ็บไว้ในวงแขน ไม่นำพาเสียงอุทานและมือที่ปัดป่ายปฏิเสธ
“ฉันยังเดินไหวค่ะ ปล่อยฉันลงเถอะ” คำขอร้องสลายไปกับสายลม เพียงเพราะเขาก้าวพ้นประตูครัวออกไป หูมันก็ไม่รับฟังอะไรแล้ว มีแต่จะเร่งฝีเท้าตรงดิ่งขึ้นบันไดสู่ชั้นบน
สาวใช้สองคนหอบหิ้วถุงของใช้ของนายสาวเข้ามาทันเห็นฉากหวานเจ้านายพอดี จึงพากันวิ่งหลบมุมแอบดู ต่างปิดปากหัวเราะคิก ไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินมาหยุดอยู่เบื้องหลัง แต่ทว่านอกจากแม่บ้านผู้คุมกฎมิได้เดินเข้ามาเพื่อตักเตือนแล้ว ยังมีทีท่าแอบลุ้นเรื่องเจ้านายไม่ต่างจากเจ้าสองตัวยุ่งเช่นกัน

ประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมกับเสียงผ่อนลมหายใจโล่งอกที่ปฐพีอุ้มเธอมาส่งลงแค่บนเตียง เพราะถ้าเขาเกิดใจดีช่วยถอดเสื้อผ้าและพาเธอเข้าห้องน้ำอาบน้ำให้เสร็จสรรพ เธอก็ไม่รู้จะสู้ปฏิเสธเขาอย่างไรดี
ร่างเปลือยที่ยืนภายใต้กระแสน้ำเกิดอาการผ่อนคลายขึ้นมาก แม้ว่าจะต้องทนกับความเจ็บแสบที่ผิวถลอกถูกสายน้ำลากผ่าน มือเรียวเริ่มขยับลูบไล้ไปตามฟองสบู่เบา ๆ เพราะบาดแผลทำให้ไม่สามารถถูเนื้อถูตัวได้ตามปกติ แต่ก็สบายเนื้อสบายตัวขึ้นมากเมื่อผิวกายสะอาดและหอมสดชื่น
รัญชิดาห่มร่างอรชรของตนด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูและก้าวออกมา ก็แทบอยากจะหันหลังกลับ และฝังตัวอยู่ในห้องน้ำเสียมากกว่า
“มานั่งตรงนี้ซิ จะทายาให้” ชายหนุ่มนั่งรอคอยให้หญิงสาวออกมา ใช้มือหนาตบลงบนเบาะ บังคับกลาย ๆ ให้ผู้ที่มีสีหน้ายับเหมือนอยากจะกลับเข้าไปในห้องน้ำได้มานั่งลงข้าง ๆ ตน
“คะ?” หญิงสาวทำหน้าเหวอ ขณะเอ่ยถาม ตกใจที่โผล่หน้ามาเจอกันแล้วยังจะถูกสั่งให้ไปนั่งด้วยกันอีก ทั้งที่เธอนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวเนี่ยนะ!
 “ก็บอกว่าจะทายาให้ไง” น้ำเสียงลากต่ำของปฐพี ฟังคล้ายตัดรำคาญ แต่จริงแล้วเขากำลังข่มใจอย่างหนักอยู่ต่างหาก ไอ้ที่คิดว่าตัวเองใจแข็งพอก่อนที่จะเข้ามานั่งรออีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ สรุปล้มเหลวไม่เป็นท่า กับนาทีที่คนสวยเดินออกมาพร้อมผิวกายหอมแล้วยังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เผยทั้งเรียวแขนเรียวขาอีกทั้งเนินอกอวบ เพียงแค่นั้นอุณหภูมิภายในก็พุ่งสูงส่งผลให้กายชายร้อนฉ่าไปหมด
รัญชิดาปฏิเสธความหวังดีของเขาด้วยการยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เธอคิดว่าถึงแม้จะเจ็บแสบไปทั้งร่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำอะไรเองไม่ได้ ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมาช่วยทายา
ดวงตาคมจ้องค้าง เข้าใจอากัปกิริยาปฏิเสธของหญิงสาว แต่ในเมื่อเขาตั้งใจทำสิ่งใดแล้วใครก็ห้ามไม่ได้ โดยเฉพาะเจ้าของเรือนร่างสวยที่เขามีสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ไวเท่าความคิด ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดตรงดิ่งมาอุ้มร่างที่ยืนตัวแข็ง แล้วพามานั่งตักด้วยกัน โดยที่ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะผลักไส
“คุณทำอย่างนี้ทำไมคะ?” มือพยายามผลักอกกว้างให้อยู่ห่าง ปากก็เอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเขาจะลงแรงบังคับเธอแบบนี้ทำไมในเมื่อบาดแผลแค่นี้เธอดูแลตัวเองได้ ที่สำคัญเธอก็เป็นผู้ก่อมันขึ้นมาเองไม่เกี่ยวกับเขาเสียหน่อย
“เพราะเธอเป็นสมบัติของน้องชายฉัน และฉันมีหน้าที่ดูแลเธอให้ดี” พูดออกไปแล้วปฐพีก็แทบอยากจะบีบขวดยาล้างแผลให้แตกคามือ เขาจำเป็นต้องสร้างกำแพงเพื่อป้องกันใจที่เริ่มไขว้เขวของตัวเอง เพราะก่อนหน้าเขาเคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นสมบัติของของปรเมศร์ที่เขาต้องดูแลรักษาอย่างดี แต่นับวันความปรารถนาที่ซุกซ่อนและรอวันเผยตัวนั้นมันจะสลายความคิดให้จางลง
สมบัติของน้อง ได้ฟังเหตุผลจบ เหมือนความน้อยใจจะพุ่งชนจนจุกอก มือเรียวไร้เรี่ยวแรงผลักไส พร้อมกับร่างที่ค่อย ๆ เลื่อนลงจากตัก โดยที่เขาไม่คิดรั้ง แค่นี้เอง..แค่เธอเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของน้องชาย เขาจึงต้องดูแลรักษาด้วยหน้าที่
คำพูดไม่กี่คำแต่สะกดให้เธอนิ่ง ปล่อยให้เขาได้กระทำตามตั้งใจอย่างเงียบ ๆ หากว่าตัวยาฆ่าเชื้อและยาสมานแผลที่ถูกทาบทามาบนผิวหนัง นอกจากจะแตะโดนแผลทีไรให้ได้สะดุ้งทุกครั้งครา ยังมีนิ้วมือร้อนฉ่ามาลูบไล้ให้หวั่นไหวเข้าไปอีก 
รัญชิดาเคยคิดถามตัวเองว่าทำไมต้องหวั่นไหวทุกครั้งที่ใกล้ชิดกับปฐพี ทั้งที่ก่อนหน้าเคยสนิทสนมกับอัคนีแต่กลับไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้เลย ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองต่างกันสุดขั้ว อัคนีนั้นสุภาพและให้เกียรติ ไม่เคยจะจาบจ้วงถือสิทธิ์แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่รักกัน ต่างจากปฐพีที่เผด็จการเอาแต่ใจ ไม่ว่าเขาต้องการให้เธอทำอะไรเขาก็มักถือสิทธิ์โดยไม่สนว่าเธอจะยินยอม
แต่น่าโมโหที่ลึกในใจเธอกลับรู้สึกพอใจผู้ชายดิบเถื่อนอย่างปฐพี เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจใบบางของเธอ หรือปฐพีมีธาตุบางอย่างที่เธอเผลอดูดซับมาหล่อเลี้ยงใยบาง ๆ โดยไม่รู้ตัว
ดวงหน้าสวยก้มลงนิดขณะหางตาแอบชำเลืองมองชายหนุ่มผู้นั่งหน้าขรึมอยู่เบื้องหลัง โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังตกอยู่ในอารมณ์พลุกพล่านนานแล้ว
“แอบมองแบบนี้ คิดจะมีปัญหากันหรือไง” คำขู่ดังขึ้นเย้าแหย่ แล้วปฐพีก็แทบปล่อยขำเมื่อเห็นอาการสะดุ้งของหญิงสาว
“ฉันแค่มองว่าคุณทาเสร็จหรือยัง” เสียงใสเอ่ยสั่นเครือเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะจับได้ พลันนึกถึงร่างกายที่ยังนุ่งน้อยห่มน้อยอยู่ “คือฉัน..อยากใส่เสื้อผ้าแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวใส่ก็ได้ ยังเหลือข้อเท้าอีก ยังไม่ได้นวดยาเลย” ปฐพีเอ่ยอย่างไม่ยีหระ และถ้ารัญชิดาจะรู้จักเขามากกว่านี้ ก็จะรู้ว่าคนอย่างเขาไม่เคยทำอะไรชักช้า เพียงได้เอ่ยถึงตำแหน่งทายา มือหนาก็คว้าหัวไหล่หญิงสาวให้หันหน้ามา แล้วจับยกเท้าเรียวขึ้นพาดหน้าตัก เพื่อนวดยาบริเวณข้อเท้าต่อ
รัญชิดาผวาเฮือก.. เมื่อถูกจับหมุนร่างอย่างตุ๊กตายาง แล้วขายังถูกวางไว้บนหน้าตักของเขาเหมือนปลาพาดเขียง โดยอีกฝ่ายไม่คำนึงเลยสักนิด ว่าจับตัวเธอโยกย้ายกะทันหันแบบนี้ ผ้าชิ้นเดียวที่พันกายเธออยู่มันจะคลายตัวหลุดลุ่ยขนาดไหน
“อุ้ย!” รัญชิดาแทบคว้าตะปบผ้าแล้วขมวดปมไว้เหมือนเดิมไม่ทัน หญิงสาวตกใจ แต่พอชำเลืองมองผ่านไรผมที่ตกมาบังหน้าผากของเขา สังเกตเห็นมุมปากหนายกยิ้มก็ให้นึกโมโห
“คุณแกล้งฉัน” เธอต่อว่าอีกฝ่ายที่ยังเผยยิ้มไม่หุบ ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าขรึมของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาก
“ฉันไม่ได้แกล้ง ก็ถ้ารอให้เธอหันมาเองอีกนานกว่าเธอจะได้ใส่เสื้อผ้า หรือว่าอยากจะใส่อยู่อย่างนี้” เขาเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วถามยียวน ขณะที่หญิงสาวชักสีหน้างอนใส่ “ก็ดีนะ ฉันชอบให้เธอใส่แบบนี้มากกว่าชุดไหน ๆ เสียอีก”
ประกายในแววตาดำบ่งบอกความสำราญใจเป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้หญิงสาวชักเท้าออกจากหน้าตักของเขาทันทีที่การนวดยาเสร็จสิ้น ก่อนเค้นถ้อยคำที่สร้างความเสียดแทงใจต่อคนฟังออกมา
“ถึงฉันจะใส่ชุดอะไรยังไง คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาชอบ เพราะฉันเป็นสมบัติของคุณปรเมศร์ ไม่ใช่ของคุณ ลืมไปแล้วหรือคะ คุณปฐพี” คำพูดฉอด ๆ กับน้ำเสียงเน้นย้ำเหมือนเยาะ ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังสีหน้าเบิกบานถึงกลับบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ยอกย้อนฉันหรือ..”
“ฉันไม่ได้ยอกย้อน ฉันแค่ให้คุณนึกทบทวน กลัวว่าคุณจะลืมว่าตัวเองมีสิทธิ์แค่ดูแล” ใบหน้าสวยหวานเชิดขึ้นเล็กน้อย ก็เขาเองที่ชอบตอกย้ำเธอด้วยคำพูดนี้อยู่เสมอ แล้วจะมาทำท่าไม่พอใจ
ปฐพีมองว่าผู้หญิงคนนี้คิดใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันกับเขาตลอดเวลา อยากรู้นักว่าถ้าเขาคิดจะใช้สิทธิ์สามีปราบพยศโดยไม่สนคำพูดที่ป่าวประกาศออกไป หญิงสาวปากดีคนนี้จะทำยังไง
มือหนาคว้าร่างนุ่มเข้ามาโอบจนแทบเกยตักอีกครั้ง คราวนี้มิใช่เรื่องบาดแผลแต่เป็นเรื่องที่เขาจะต้องบ่งบอกสิทธิ์ที่มีเหนือตัวหญิงสาวอย่างชัดเจน
“รัญชิดา ดูเหมือนฉันควรจะทบทวนสิทธิ์ที่ฉันมีเหนือตัวเธอให้ชัดเจนกว่านี้นะ  จริงอยู่ที่ว่าเหตุผลที่ฉันพาเธอมาที่นี่ก็เพราะนายเล็ก แต่อย่าลืมว่าเธออยู่ในสถานะเมีย เมียที่ฉันมีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย คงไม่ต้องให้บอกว่าสถานะความเป็นผัวของฉันมันทำอะไรกับเธอได้บ้าง”
ร่างเล็กเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะกลัวเหลือเกินกับดวงตาดุดันคู่นี้ เธอรู้ว่าเขากำลังบอกอะไรกับเธอเพียงเพราะเธอยอกย้อนในจุดที่ปิดกั้นอารมณ์ของเขา ผู้ชายคนนี้จริงจังกับชีวิตมากเขาจึงไม่มีวันยอมให้ใครมาอยู่เหนือความคิดของเขาได้ คิดแล้วเธอไม่น่าไปปลุกเสือป่าให้ลุกขึ้นมาขย้ำตัวเองเลย
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เธอรีบเอ่ยบอก ก่อนที่เขาจะทำอะไรกับเธอมากไปกว่านี้  เพราะดวงตาที่เห็นดุดันเมื่อครู่มันกำลังเปลี่ยน เปลี่ยนชนิดที่ใจสาวบริสุทธิ์อย่างเธอสะท้านไปทั้งร่าง
“เข้าใจว่าอะไร ไหนพูดมาซิ” เสียงเครียดขรึมกระซิบชิดแก้มนวล ด้วยหวังให้อีกฝ่ายสะท้านหวั่นไหวเล่น แต่การที่ชายหนุ่มเข้ามาสัมผัสความหอมกรุ่นจากกายสาวใกล้ ๆ แบบนี้ กลับทำให้เลือดในกายชายพลุ่งพล่านขึ้นไปใหญ่
“เข้า..เข้าใจ ว่าฉันเป็น..” คำพูดตะกุกตะกัก อีกทั้งมือต้องคอยผลักคอยดันตัวออกห่างจากการกอดรัด ที่ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดลอดจากวงแขนของเขาไปได้
“เป็นอะไร?” ปากเอ่ยคาดคั้นเพื่อหวังคำตอบให้กระจ่างแล้ว ปลายจมูกยังถูไถบนนวลแก้ม ส่วนมือทั้งสองของเขาก็ใช่ย่อย ลากขยับสัมผัสไปทั่วแผ่นหลังนุ่มเนียนที่โผล่พ้นขอบผ้าขนหนู
“เป็น..เป็น สิทธิ์ของคุณค่ะ” เอ่ยจบ รัญชิดาก็แทบหยุดหายใจ เมื่อถูกคนปากร้ายจ้วงจูบทันควัน เธออยากจะผลักไสเขา แต่เพราะปมผ้าที่ขมวดไว้คลายออกมือจึงต้องรีบกุมไว้ก่อนที่มันจะหลุดออกจากร่าง ส่วนอีกมือก็ต้องคอยรั้งชายผ้าด้านล่างเอาไว้ไม่ให้มันเลื่อนออกจากจุดสงวน ฉะนั้นเธอจึงไม่หลงเหลือมือข้างใดเลยที่จะขัดขวางการจู่โจมอันร้อนร้ายของเขา
ก๊อก..!!! เสียงเคาะประตูเหมือนระฆังหมดยก ปฐพีถอนริมฝีปากจากเธอทันที ก่อนจะได้ยินเสียงนางรายงานเข้ามา
“บ้านไร่แสงจันทร์มากันแล้วค่ะนาย” เหมือนนางจะรู้ว่าผู้เป็นนายทั้งสองจะอยู่ด้วยกันที่นี่ ถึงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องของปฐพีก่อนหน้านั้น
รัญชิดารีบผละออกห่างทันทีที่ปฐพีปล่อยเธอเป็นอิสระ จากนั้นเธอรีบลุกเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับปิดล็อกประตู เธอคาดเดาว่าเขาคงไม่ตามเข้ามาหรอก แต่ก็กันไว้ก่อน ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนแปลงอารมณ์ได้ทุกวินาที
“อย่าหลบอยู่นานนักล่ะ รีบแต่งตัวแล้วตามลงไปต้อนรับแขก เร็วนะ”
เสียงเขาสั่งทิ้งท้ายก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวออกไปจากห้อง และปล่อยให้เธอที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างใน ได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น รัญชิดารำพันในใจ ขอบใจมากนาง เธอมาได้ทันเวลาพอดี
 ราคาขาย: 200 + 40 = 240 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)

 
ราคาเช่า : เช่าเหมา  7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ไร่เสน่หาจองจำหัวใจราคาปก 319x10%=31 บาท + ค่าส่ง 40 = 71บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง ยอดยืม 31 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 319 บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
 
 

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น