สามวันผ่านมา
ทุกวันรุ่งขึ้นรัญชิดาจะต้องตื่นแต่เช้าตรู่ เร่งรีบแต่งตัวและลงมารับประทานอาหารเช้าพร้อมปฐพี
เพื่อเดินทางเข้าพื้นที่ไร่ด้วยกัน ซึ่งหลังจากเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำส่ายภายในห้องหนังสือคืนนั้นแล้ว
เธอก็แทบจะไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีก หรือพูดอีกทีก็คือเธอคอยหลบหน้าเขานั่นเอง
ตัวเขาก็คงรู้จึงปล่อยให้เธอทำงานอยู่กับคนงาน
ส่วนเขาคอยยืนดูห่าง ๆ จนกระทั่งเธอและคนงานช่วยกันพลิกหน้าดินจนหมดแปลง
ช่วงรอหน้าดินแห้งหญิงสาวต้องมารับหน้าที่เป็นผู้ช่วยนงนุชลงบัญชีวัสดุอุปกรณ์ภายในห้องลงงาน..ห้องลงงานคือพื้นที่สี่เหลี่ยมอยู่อีกซีกหนึ่งของเพิงพัก
โดยมีผนังปูนกั้นสามด้านเปิดโล่งด้านหน้า มีโต๊ะทำงานอยู่สองโต๊ะระบุหัวหน้าคนงานชายและหัวหน้าคนงานหญิง
รัญชิดานั่งโต๊ะทำงานของอาคำมูลที่ระบุหัวหน้าคนงานชาย
นั่งคู่กับนงนุชที่ลงมือสอนให้เธอตรวจนับจำนวนวัสดุอุปกรณ์รวมทั้งวัตถุดิบต่าง ๆ
แล้วลงจำนวนดิบ ก่อนจะส่งเป็นเอกสารต่อสำนักงานปานเทวาซึ่งตั้งอยู่ในเมือง ได้ลงยอดบัญชีหลักเพื่อใช้ในการตรวจสอบต่อไป
“หวังว่าคราวนี้นายหญิงคงไม่คิดว่านายใหญ่มองจับผิดอีกนะคะ”
นงนุชสังเกตเห็นนายหญิงสาวย่นคิ้ว จึงเอ่ยถาม จากนั้นใบหน้าของหัวหน้าคนงานหญิงปรากฏความเบิกบาน
เมื่อสายตาจ้องจับไปที่คนตัวใหญ่ผู้เป็นสาเหตุ
แววตานงนุชซุกซ่อนความขบขัน
ในเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นทีไรก็จะเจอกับดวงตาคมของนายหนุ่มที่ยืนดูงานอยู่นอกอาคาร
พอเธอสะกิดบอกนายหญิงสาว อีกฝ่ายกลับบอกว่าเขาแค่มองจับผิดตนเท่านั้น ความแปลกใจกับท่าทางที่เห็นสองนายคอยจด
ๆ จ้อง ๆ กันอยู่ และไม่พูดไม่จาแทบจะไม่เข้าใกล้กันเลย สร้างความสนใจใคร่รู้แก่เธอยิ่งนัก
จนต้องคอยลอบมองอากัปกิริยาทั้งสองฝ่ายเป็นระยะ ๆ
“เขาอาจจะมองใคร
แล้วบังเอิญหันมาทางนี้ก็ได้ค่ะพี่นุช” รัญชิดารู้สึกอึดอัดประสมกับความขัดเขิน
เธอรู้ว่าเขาลอบมองเธออยู่ เพราะเงยหน้าครั้งใดก็จะสบกับนัยน์ตาคมทุกที
เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าการมองของเขามันมีความหมายอย่างไรเท่านั้น
“เอาเถอะค่ะ
ฉันแค่ล้อเล่น” นงนุชหัวเราะเบาๆ ขณะเห็นนายหญิงสาวแสร้งก้มหน้าให้ความสนใจกับการลงงานวัสดุอุปกรณ์ในสมุดบัญชี
ส่วนชายหนุ่มที่ถูกพาดพิง
เขาเปลี่ยนจากมองแปลงปลูกไปให้ความสนใจคนง่วนกับการลงบัญชี ทุกวันนี้ปฐพีต้องเผชิญกับความสับสนเพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ ในโอกาสที่เขาใกล้ชิดกับภรรยาสาว ซึ่งภรรยาจำเลยคนนี้กำลังทำให้ความตั้งใจของเขาไขว้เขวเพราะเผลอใจหวั่นไหว
จนต้องตอกย้ำใจตัวเองบ่อยครั้งว่าเขามิใช่เจ้าของหล่อนอย่างแท้จริง
“นาย! ระวังดินครับ!” เสียงร้องเตือนของคนงานชาย ดึงสติสัมปชัญญะของปฐพีกลับคืนมา
ร่างสูงใหญ่เบี่ยงตัวหลบก้อนดินที่กระเด็นมาเกือบถึงตัว
เขาเหม่อมองรัญชิดาจนเพลิน อีกทั้งสะดุดตาสีหน้ากลั้นยิ้มของนงนุช ที่คล้ายจะหยอกเย้าผู้ช่วยสาวคนใหม่อย่างออกรส
ภาพตรงหน้าทำให้เขาสนใจจนลืมว่าตนยืนอยู่ท่ามกลางแปลงดินที่คนงานกำลังผสมปุ๋ยกัน
“ไม่เป็นไร
ทำต่อไปเลย” ปฐพีเอ่ยบอก ไม่ถือสาขณะคนงานวางจอบในมือเพื่อมาขอโทษขอโพย เพราะนั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียศูนย์
ได้เท่ากับการหันมาสบสายตาอ่านใจของชายผู้ผ่านโลกมาค่อนชีวิต‘อาคำมูล’ และก่อนที่เขาจะถูกอ่านไปมากกว่านี้
เขารีบเดินหนีเสียดีกว่า
คำมูลมองชายหนุ่มที่เขารักเสมือนลูก
พร้อมพออกพอใจกับสัญชาตญาณการคาดเดาของตน ด้วยการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมานาน
ทำให้คำมูลพอจะมองออกว่าภายในแววตาของนายหนุ่ม มันฉายถึงความรู้สึกอย่างไรต่อภรรยาในนาม
ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายตาชายผู้ดูแลปฐพีตั้งแต่วัยเด็ก
จนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่มเจ้าของไร่ที่แข็งแกร่ง
ซึ่งนอกจากความทะนงองอาจเป็นที่เคารพยำเกรงของเหล่าคนงานแล้ว
ปฐพียังเป็นชายหนุ่มสมบูรณ์เพียบพร้อม
เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในพื้นที่ที่อยู่ติดเขาใหญ่ไม่ผิดแผกกับผู้เป็นบิดาเลย
‘นี่แหละหนา ที่เขาเรียกว่าต้องเสน่ห์นาง’ คำมูลเปรยขึ้นในใจขณะยกมือขึ้นขยับหมวกปีก สายตาจับตามแผ่นหลังคนร่างสูงใหญ่
ที่รีบเดินหนีห่าง เพราะกลัวความลับปิดไม่มิดของตนจะถูกเปิดเผย
พักเที่ยง..รัญชิดาชะเง้อมองหาปฐพี
แต่ครึ่งชั่วโมงผ่านไปปฐพีก็ยังไม่มีวี่แววจะมา เมื่อชายหนุ่มขู่เธอว่าถ้ายังขืนให้เขาต้องออกแรงตามมากินข้าว
เขาจะทิ้งให้เธอหิ้วท้องรอกินมื้อเย็นทีเดียวที่บ้านไร่
ฉะนั้นวันนี้เธอจึงเป็นฝ่ายมานั่งรอ
หญิงสาวเอนหลังพิงเสาซีเมนต์ที่ค้ำเพิง
สายตากวาดมองสำรับอาหารฝีมือแสนอร่อยของป้ามาลัย
จากนั้นสังเกตเห็นคนงานกินเสร็จกันไปหลายคน และเริ่มมองหามุมนอนหลับพักเอาแรง
“ไปอยู่ที่ไหนของเขานะ
ทีเมื่อวานทำมาขู่” เสียงหวานบ่นอุบ ต่อเมื่อต้องนั่งรอเฉย ๆ
ใจมันก็พลอยล่องลอยไปหาค้างองุ่นนั้นอีก ตอนทำงานเธอมองเห็นมันอยู่ลิบ ๆ
ว่ามีผลพวงขึ้นดกเพียงใด และใจถวิลหาเช่นนี้หญิงสาวจึงคิดว่าไหน ๆ ปฐพียังไม่มา
และตัวเธอเองยังไม่หิว ก็น่าจะถือโอกาสไปเยี่ยมเยือนองุ่นค้างนั้นสักหน่อยดีกว่า
ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นยืน
พร้อมก้าวฉับ ๆ ไปค้างเป้าหมายทันที ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าค้าง ที่ดูจะมีพวงองุ่นดกมากกว่าเก่า
หญิงสาวไม่รอช้าเพราะโอกาสจะแวะมามีน้อย เธอเข้าไปฝังตัวอยู่ข้างในและเอื้อมเด็ดผลพวงใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
ปฐพีเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปเพิงพัก
ใจนึกเป็นห่วงว่าอีกคนจะนั่งทนหิวจนไส้กิ่วไปเสียก่อน ทว่าเท้าที่กำลังก้าวถี่กลับหยุดลงหน้าค้างองุ่น
เมื่อสายตาสะดุดกับร่างที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น
ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่าร่างที่อยู่นั้นเป็นใคร เพราะมีเพียงคนเดียวที่ชอบแวะเวียนมาฝังตัวอยู่ในค้างนี้
“รัญชิดา”
เสียงอ่อนโยนเรียกผู้ที่กำลังเพลินกับผลองุ่นเบา ๆ และเห็นว่าผู้ถูกเรียกหันกลับมาทำตาโตตกใจ
“คุณปฐพี..”
รัญชิดาอุทานเสียงแผ่ว เผลอปล่อยองุ่นร่วงจากมือ ขณะบ่นในใจ ‘มากินองุ่นค้างนี้ทีไรจะต้องเจอเขายืนอยู่ข้างหลังทุกทีเลย’
“ฉันแค่เดินผ่านมา
ไม่ตั้งใจทำให้เธอตกใจ” น้ำเสียงชายหนุ่มอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง
ซึ่งตัวเขาเองยังนึกแปลกใจ
“ฉันใช้เวลาในค้างองุ่น
รอกินข้าวพร้อมคุณค่ะ” รัญชิดาให้เหตุผล
ใจก็คิดวิตกจะถูกเขาต่อว่าหรือเปล่าที่ชอบมาวุ่นวายกับค้างองุ่นแห่งนี้
เพราะดูเหมือนเขาจะหวงค้างนี้แตกต่างจากค้างอื่น
ซึ่งไม่รู้ว่าเธอเข้าใจไปเองหรือเปล่า
“ฉันเดินไปดูแปลงงานทางฟากโน้นเพลินไปหน่อย
คราวหน้า ถ้าเห็นว่าเลยเวลาไปมากเธอก็กินไปก่อนก็ได้”
“คุณเลยเวลาแบบนี้ไม่ได้
ถึงเวลากินก็ต้องมากิน อาหารมีให้มื้อเดียวถ้าไม่กินต้องหิ้วท้องรอกินรอบเย็น
รอไหวก็เอาสิ” เธอแสร้งทำน้ำเสียงขึงขังขู่เลียนแบบ ซึ่งคนฟังชะงักงันเลยทีเดียว
‘ผู้หญิงคนนี้กล้าย้อนรอยคำพูดของเขา’ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาขณะนึกถึงถ้อยคำที่เคยใช้ขู่อีกฝ่าย
หลังจากต้องตามกันมากินข้าวสองวัน
“ทำงานอยู่บนพื้นที่กว่าห้าพันไร่
ใครจะทนหิวไหวล่ะ” เขาว่า และนึกสนุกกับการเปิดฉากด้วยอารมณ์ขัน
ที่ผ่านมาปฐพีจำต้องหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้กับรัญชิดาอย่างในห้องหนังสืออีก
จนกระทั่งตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าจะหนีอย่างไรก็ไม่พ้นความถวิลหาใบหน้านวลอยู่ดี
‘ไม่โกรธหรือนี่’ รัญชิดาก้มหน้ายิ้ม
นอกจากชายหนุ่มมาดเข้มไม่ถือสาคำยอกย้อนแล้วยังทำท่าเห็นด้วยกับเธออีก
“นายหญิงรัญ
อยู่แถวนี้หรือเปล่า?”
เสียงคำมูลดังใกล้เข้ามา
ทำให้ทั้งสองหยุดสนทนาและหันไปมองการมาของเขา ร่างบึกบึนของหัวหน้าคนงานผู้อาวุโสกว่าปรากฏอยู่หน้าค้าง
เธอส่งยิ้มหวานขอบคุณในความห่วงใยของเขา
“อยู่กับนายหรอกหรือครับ
ผมเห็นอาหารกลางวันยังวางอยู่เหมือนเดิม เลยเป็นห่วง” คำมูลอธิบาย ใบหน้าของเขาค่อย
ๆ คลายริ้วรอยกังวลลง
“เรากำลังจะไปกินอยู่พอดี”
ปฐพีกล่าว และบอกคำมูลว่า “กินข้าวเสร็จแล้ว
ผมตั้งใจจะเข้าเมืองไปดูวัตถุดิบมาเพิ่ม อาจจะกลับเข้าไร่ช้าหน่อย
อาช่วยคุมแปลงด้านตะวันตกด้วย”
รัญชิดามองคำมูลพยักหน้าตอบรับ
และสังเกตเห็นดวงตาดำเป็นประกาย
“ส่วนเธอ
จะไปด้วยก็ได้” เขาบอก
ชายหนุ่มก้าวนำออกจากค้าง
ไม่ปล่อยโอกาสให้คนฟังได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ซึ่งตัวเธอก็กำลังงง ๆ
กับเจตนาที่เขาชวนเมื่อครู่ ว่าอยากให้เธอไปด้วยจริง ๆ
หรือเพียงบอกให้รับรู้ว่าเขาจะไปไหนเท่านั้น
“ชวนกันทั้งทีก็ไม่รู้จักพูดชวนกันตรง
ๆ” เธอบ่นไล่หลัง ก่อนส่งยิ้มและเดินผ่านคำมูลเพื่อตามคนตัวใหญ่ไป
ในช่วงเวลานั้นเองเธอจับความกังวลบนใบหน้าหัวหน้าคนงานชายผู้อาวุโสได้ชัดเจน และพลอยให้นึกสงสัยเกิดอะไรขึ้นกับองุ่นฟากนั้นกันแน่
และเรื่องชวนสงสัยก็ไม่ได้มีเพียงเรื่องไร่องุ่น
แต่ยังมีเรื่องอัฐิของปรเมศร์ที่ทุกคนไม่เคยพูดถึงเมื่อถามก็ไม่มีใครกล้าให้คำตอบ ที่สำคัญคือเธอมักเห็นปฐพีเดินหายไปทางด้านหลังบ้านไร่ทุกคืน
เธอเคยถามนาง แต่นางก็บอกเพียงว่าทางนั้นคือทางไปธารน้ำตก
เธอเห็นชายหนุ่มหายไปทางธารน้ำตกทุกคืนและกลับมาด้วยใบหน้าเศร้าหมองทุกครั้ง
เย็นวันหนึ่งขณะเธอช่วยนางและป้ามาลัยจัดผักในครัว
เธอได้เลียบเคียงถามถึงผักพริกม้าที่นางเคยพูดไว้
แต่นอกจากนางไม่ตอบคำถามยังจะลุกเดินหนีหน้าตาเฉย ส่วนป้ามาลัยกลับชวนเธอคุยเรื่องผักพื้นบ้านชนิดอื่นไปเสียอย่างนั้น
โดยทำทีไม่รับรู้ว่าเธอต้องการคำตอบใด
ฉะนั้นการที่ปฐพีไม่เคยพูดถึงเรื่องที่เขาหายไปท้ายบ้านไร่ทุกคืน
และทุกคนพยายามเลี่ยงตอบคำถามของเธอ นับวันมันจึงกลายเป็นความสงสัยมากขึ้น และความสงสัยนี้ก็นำพาให้เธอคอยหาโอกาสไปเยือนธารน้ำตก
เพื่อค้นหาคำตอบที่พวกเขาพากันเก็บงำเป็นปริศนาคาใจ
ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ
ทำมือขาย: 200 + 40 = 240 บาท
ยอดโอนยืม ราคาปก 319 + 40 =359
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่งร้านรับคืนหนังสือแล้วโอนคืนลูกค้า 319-31=288 บาท
เงื่อนไขราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ตัวอย่างการยืม
เช่น นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว
จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น