วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ : บทที่ 1 หนี้หัวใจ

นิยายเปิดเช่าและขาย

ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ

รถโฟร์วีลสีดำเงาแล่นผ่านธรรมชาติซึ่งกำลังสร้างสรรค์ความงดงามให้กับพื้นที่ชนบท ด้วยภาพขุนเขาตั้งตระหง่านราวท้าอำนาจแห่งท้องฟ้าถูกแสงสีแดงส้มของยามตะวันรอน ทาบทามาบนยอดสูงที่ปกคลุมด้วยกำมะหยี่สีเขียว ภาพตระการตาเบื้องหน้าทำให้หญิงสาววงหน้าเรียวล้อมกรอบด้วยผมยาวเป็นลอน ปรากฏนัยน์ตาเปล่งประกายความหวาน ขณะเฝ้ามองภูมิทัศน์อันงดงามแห่งขุนเขาด้วยความหลงใหล
“คาดหวังอะไรกับป่าเขาแห่งนี้อยู่หรือไงรัญชิดา”
เสียงห้าวดังแทรกบรรยากาศอันเงียบสงบ
รัญชิดา เกียรติกุล สาวสวยร่างเล็กสมส่วน วัย 23 ปี สวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนขับผิวขาวงามผุดผาด ต้องหลุดจากภวังค์ธรรมชาติกลับมานั่งตัวตรง เลิกสนใจภูมิทัศน์ตระการตาโดยทันที ก่อนจะคิดค่อนขอดตอบกลับเขาในใจจะให้เธอคาดหวังอะไรกับโชคชะตาที่กำหนดให้เธอต้องมาถูกจองจำชีวิตอยู่ที่นี่
นัยน์ตาอ่อนหวานค่อย ๆ ชำเลืองไปทางสารถีหนุ่ม..ปฐพี ปานเทวา เจ้าของไร่องุ่นชื่อดังวัย 36 ปี ซึ่งบัดนี้เธอได้กลายมาเป็นภรรยาจำเลยของเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หญิงสาวพินิจใบหน้าคมเข้มหล่อเหลามีไรเคราเขียวจาง ๆ และเพ่งพิศชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลลายทางกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม ก่อนลงมติในใจว่าชุดที่เขาสวมใส่ยิ่งเสริมบุคลิกให้เขาดูบึกบึนสมชายชาตรีที่มีวิถีชาวไร่อยู่ในชนบท
 “อีกไม่นานเราจะเข้าเขตไร่ปานเทวา” ชายหนุ่มเปรยขึ้น
“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว เพราะไร้อารมณ์จะสนทนาด้วย โดยเฉพาะเมื่อต้องทนฟังคำพูดแดกดัน
“ตอบรับสั้น ๆ เหมือนยากที่จะทำใจเหลือเกินนะ”
ถ้อยคำนี้ทำให้รัญชิดาชำเลืองมองริมฝีปากหนา ที่ขบเม้มราวใช้ความคิดตลอดเวลาด้วยความขัดใจ
ก่อนหน้าเธอทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตมาเป็นอย่างดี แต่นาทีนี้เธอแทบกลั้นโทสะไว้ไม่ได้ เมื่อต้องมาผจญน้ำเสียงและถ้อยคำบ่งบอกถึงความดูแคลน ต่อเมื่อฉุกคิดว่าชีวิตของเธอต้องถูกเขาตีตราเป็นเจ้าของอย่างถูกต้องตามกฎหมายเช่นนี้แล้ว การตอบโต้กันมันไม่มีผลดีอะไร เธอจำต้องยับยั้งชั่งใจ
ซึ่งชะตาชีวิตที่ต้องตกมาเป็นภรรยาทางนิตินัยของเขา เกิดจากจดหมายฉบับหนึ่ง ที่เขายื่นมาให้ในวันที่ขอพบเธอและมาพร้อมคำกล่าวหา ว่าเธอเป็นต้นเหตุให้น้องชายของเขา ที่กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดเสียใจ และจากเขาไปเร็วกว่าที่ควร
 ผู้ชายอย่างคุณไม่คู่ควรกับฉันหรอกค่ะ เลิกแอบมองฉันเสียที เพราะมันน่ารำคาญ!’
ลายมือในจดหมาย รัญชิดาจำได้ดีว่าเป็น..ลายมือของใคร เธอเข้าใจว่าการกระทำนี้เป็นความหวังดี ที่มุ่งหวังเพียงให้ชายหนุ่มผู้นั้นเลิกแอบมองเธอ โดย..ผู้หวังดี ไม่รู้เลยว่าเพียงข้อความสั้น ๆ แต่ได้ส่งผลให้ชายหนุ่มนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมที่ชื่อ ปรเมศร์ ปานเทวา ตายด้วยหัวใจสลาย และเหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นหนี้แค้นในใจของผู้เป็นพี่ชาย
เหตุเพราะจดหมายฉบับหนึ่ง ชีวิตเธอจึงพบกับการเปลี่ยนแปลง..ในวันนั้นปฐพีเรียกร้องให้เธอชดใช้หนี้หัวใจ ด้วยการยื่นเงื่อนไขเรื่องหนี้สินของครอบครัวแลกกับอิสรภาพ
รัญชิดาปรารถนาให้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดจากจดหมายฉบับนั้นจบลงด้วยดี อีกทั้งเพื่อเงินที่จะใช้ไถ่ถอนบ้านกลับคืนมาในเมื่อธนาคารได้ขีดเส้นตายให้กับการผ่อนผันหนี้สินแล้ว
เธอตัดสินใจจดทะเบียนสมรสตามเงื่อนไขของปฐพี ท่ามกลางคำถามและความไม่เข้าใจของแม่ประภาผู้เป็นมารดาเลี้ยงและไขนภาผู้เป็นน้องสาวต่างมารดา.. ว่าเหตุใดเธอจึงยอมเป็นภรรยาของชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
เธอให้เหตุผลกับบุคคลทั้งสองว่าไม่อยากให้อัคนีต้องมารับภาระหนี้สินของครอบครัว อยากเปิดโอกาสให้เขาได้พบกับหญิงสาวมีคุณสมบัติพร้อมนำพาชีวิตคู่เดินไปสู่อนาคตที่งดงามร่วมกัน มากกว่ามาปักใจกับผู้หญิงมีแต่ตัว ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีเช่นเธอ
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงแววตาอ่อนโยนของอัคนี ช่างแตกต่างจากแววตาแข็งกร้าวของชายอีกคนที่ทำราวเธอเป็นนักโทษฉกรรจ์ ตั้งแต่สิ้นสุดการลงนามไม่มีพิธีการหรือแม้แต่สักขีพยานญาติผู้ใหญ่ มีเพียงนายทะเบียนผู้ต้องเป็นพยานตามหน้าที่ เขาก็ตั้งท่าบงการชีวิตเธอทันที
“ทำสีหน้าให้ดีหน่อยสิ ทำยังกับว่าการเป็นเมียเจ้าของไร่ในชนบทเป็นเรื่องขมขื่นใจไปได้”
เสียงห้วนติดรำคาญเอ่ยขึ้นอีก คราวนี้รัญชิดาไม่อาจนิ่งเฉย เพราะเห็นเขาคอยฟาดฟันเธอด้วยวาจาเผ็ดร้อนตลอดเวลา ในเมื่อเธอต้องมาอยู่กับเขาซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขทุกอย่าง เขายังจะอยากได้อะไรจากเธออีก รัญชิดามองสบดวงตาคมด้วยอารมณ์คุกรุ่น ก่อนพูดยอกย้อนกลับไป
“ผู้หญิงทุกคนที่เจอชะตาเล่นตลกแบบฉัน ก็คงมีสีหน้าไม่ต่างกันนักหรอกค่ะ”
แม้ปฐพีจะพอใจกับปฏิกิริยาโต้ตอบจากคนนิ่งเงียบมานาน แต่วูบหนึ่งเขาอดฉุนไม่ได้เมื่อได้ยินคำว่า ชะตาเล่นตลก
“ชะตาเล่นตลกหรือ?” เสียงแข็งของปฐพีเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นเช่นกัน เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดถึงชะตาเล่นตลกกับตนเอง แล้วชะตาชีวิตน้องชายของเขาที่ถูกเจ้าหล่อนลิขิตให้พบกับความตายล่ะ
“หึ ก็คงตลกจริง ๆ อย่างเธอว่า เพราะจู่ ๆ นางฟ้าก็ตกสวรรค์ ต้องมาชดใช้หนี้กรรมกับสามีชนบท”
“ช่างน่าอดสูด้วยสินะคะ เพราะฉันต้องมาอยู่ชดใช้หนี้กรรมที่เกิดจากความรักที่น่าสมเพชโดยยังไม่ทันตั้งตัว” รัญชิดาพูดย้อนแบบไม่ทันได้คิด ความรักที่น่าสมเพช ฉันพูดไปได้ไงนี่  พูดออกไปแล้วเธอแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก เพราะไม่เพียงใบหน้าขึงตึงจะโกรธยิ่งกว่าเดิม แต่ท่าทางคุกคามของเขายังบ่งบอกว่าเธอกำลังจะได้รับผลอย่างใดอย่างหนึ่งย้อนกลับมาแน่นอน
“ความรักที่น่าสมเพชงั้นเรอะ!” ปฐพีเบี่ยงรถหลบจอดข้างทาง ก่อนจะปล่อยมือจากพวงมาลัยและหันมากระชากต้นแขนเรียว ออกแรงเพียงนิดร่างเล็กกว่าก็ติดมือให้ได้เผชิญหน้ากัน
“คุณปฐพี!” เธอกรีดร้องเรียกชื่อของเขา เมื่อท่อนแขนถูกมือหนาคว้าตะปบลงมาอย่างหนัก
“เจ็บ.เจ็บนะคะ ปล่อย..”
เนื้อนวลปรากฏรอยแดงตามแรงกดของนิ้วแกร่ง ทำให้นาทีนั้นรัญชิดาคิดได้ว่าคำพูดที่เปล่งออกไป มันกลายเป็นผลร้ายต่อเธออย่างมหาศาล เพราะเพียงร่างเธอปะทะกับอกกว้าง ริมฝีปากอิ่มก็ถูกเขาบดขยี้..!  อื้อ.. ดวงตากลมโตเบิกกว้าง สองมือพยายามดิ้นรนผลักไสร่างใหญ่ ที่ทำให้เธอแทบขาดอากาศหายใจถ้าเขาไม่ถอนจูบร้ายนั้นออกไปเสียก่อน
“นี่คือการเตือน จำไว้รัญชิดา ชีวิตที่เหลือของเธอจะต้องอยู่กับนายเล็กที่นี่ อยู่กับความรักของเขา ที่เธอดูแคลนว่ามันน่าสมเพช!” ปฐพีกล่าวเสียงห้วนดัง และแม้จะเห็นริมฝีปากอิ่มบวมช้ำเป็นสีแดงก่ำ ชายหนุ่มก็ไม่คิดสงสาร ในเมื่อมันคือโทษทัณฑ์ที่อีกฝ่ายกล้ามาลองดีกับเขา
 “คุณ!” รัญชิดาตกตะลึงกับจูบแรกที่เธอเคยปรารถนาจะสัมผัสมันจากชายคนรักด้วยใจอ่อนหวาน แต่มันกลับกลายเป็นจูบพิฆาตประหัตประหารจากชายหนุ่มที่มีใจขุ่นแค้นในตัวเธอ
..เจ็บเหลือเกิน หญิงสาวโอดครวญด้วยความเจ็บปวด หลังยกมือขึ้นจับริมฝีปากแล้วสัมผัสได้ถึงความบอบช้ำของมัน ดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอแต่เธอจะไม่ยอมให้มันหลั่งไหล เพราะเธอจะไม่ยอมอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายร้ายกาจคนนี้ มือเรียวเลื่อนลงแล้วกำแน่น เก็บคำพูดทั้งหมดทั้งมวลเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร รังแต่จะทำให้เธอได้พบความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเวลาที่ชายตรงหน้ากำลังถลึงตาขึงโกรธ มันยิ่งทำให้เธอนึกกลัวเขาจับใจ นาทีต่อมาเสียงหญิงสาวหวีดร้องอีกครั้ง เมื่อร่างของตนถูกแรงมหาศาลผลักไสกระแทกพนักพิง โอ้ย!’ ส่งผลให้ทั้งร่างเจ็บร้าวไปหมด
“ฉันขอย้ำนะรัญชิดา ชีวิตที่เหลือของเธอมันขึ้นอยู่กับฉัน ฉะนั้นอย่าได้พูดพล่อย ๆ ให้ฉันไม่พอใจอีก” คำขู่ของปฐพีบ่งบอกถึงบทลงโทษส่งให้ร่างบอบบางกว่าอยู่ในอากัปกิริยานิ่งงัน ก่อเกิดความสะใจ ดวงตาคมวาวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวยใสซึ่งกำลังเปล่งประกายความตื่นตระหนก พลันนึกอยากควักดวงตาแสนเสน่ห์นั่น เพราะความมีเสน่ห์ของมันดุจเพชฌฆาตที่พรากชีวิตน้องชายของเขาไป เพียงเพราะเผลอใจไปหลงใหลมัน
ปรเมศร์แอบหลงใหลผู้หญิงคนนี้มาก ซึ่งปฐพีรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะแม้เขาจะเดินทางไปศึกษาสูตรไวน์ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ปรเมศร์ก็ส่งอีเมลเขียนเล่าเรื่องของเจ้าหล่อนราวกับเป็นบันทึกประจำวัน บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงในฝันคนนี้ซึ่งก็ทำให้เขานึกเป็นห่วงน้องมาก ด้วยไม่อยากให้คนป่วยพบกับความผิดหวังเข้าไปอีก
แต่เขาก็ไม่อาจห้ามความรักของน้องชายได้ แม้เป็นเพียงการแอบรักเขาข้างเดียว เพราะเห็นว่าความรักครั้งนี้ทำให้ปรเมศร์มีความสุข แต่แล้วสิ่งที่เรียกว่า..ความรัก! กลับมาทำร้ายตัวปรเมศร์เอง เมื่อปรเมศร์ได้รับจดหมายลับ จดหมายฉบับนั้นดุจจดหมายมรณะ เพราะมันได้กระชากหัวใจของปรเมศร์ออกจากร่าง ฉีกทึ้งจนขาดวิ่น ด้วยเหตุผลว่าปรเมศร์เป็นผู้ชายที่ไม่มีคุณสมบัติคู่ควร!
“ฉันแลกเธอมาด้วยเงินเป็นล้าน ฉะนั้นฉันไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง แต่ขอให้เธอจำใส่ใจให้ดี เสน่ห์ร้อนร้ายของเธอมันจะยุติลงที่นี่ กับหนุ่มชาวไร่ที่เธอฟาดฟันชีวิตเขาด้วยจดหมายบ้า ๆ นั่น!
รัญชิดาพยายามปลอบใจให้เข้มแข็ง เก็บกลืนความขมขื่นลงไป ถึงน้อยใจฟ้าที่ลิขิตให้มาพบผู้ชายใจร้ายคนนี้สักแค่ไหน เธอก็ยอมรับว่าไม่อาจปฏิเสธจำนวนเงินที่เขาหยิบยื่นมาให้
“รัญชิดา ฟังให้ดีนะ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อน้องชายของฉัน นายเล็กจะต้องได้พบกับความสมหวัง”
ปฐพีพูดจบ เขาส่งสายตาคมดุขณะคิดถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมาพัวพันกับหญิงสาว นั่นเพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้ความรักของปรเมศร์เป็นสิ่งไร้ค่า ลดทอนวันเวลาที่ปรเมศร์จะมีชีวิตอยู่สั้นลง ไม่ว่ารัญชิดาจะคิดถึงเรื่องฟ้าลิขิตชะตาตัวเองไว้เช่นไร แต่เขาก็ถือว่าได้ทำตามหัวใจร่ำร้องของปรเมศร์ ซึ่งนอนรอความหวังอยู่ในเส้นทางข้างหน้าแล้ว เพราะความตั้งใจนี้เป็นความสุขเดียวจะมอบให้กับปรเมศร์ได้ แม้ว่าผู้เป็นน้องชายจะจากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม
โฟร์วีลเคลื่อนตัวอีกครั้งเตรียมพุ่งทะยานไปตามเส้นทางเดิม ชั่วขณะรถเก๋งสีดำและรถกระบะขับตามอีกคันได้ชะลอตัวผ่านไปช้า ๆ  ไอ้เมธี ปฐพีมองผ่านกระจกเคลือบสีชาของรถคันสีดำ เห็นใบหน้าของคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง จากนั้นสายตาทั้งคู่จ้องจับสังเกตกันมันเต็มไปด้วยแววอาฆาต!
 
ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ
ทำมือขาย: 200 + 40 = 240 บาท 
ยอดโอนยืม ราคาปก 319 + 40 =359
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่งร้านรับคืนหนังสือแล้วโอนคืนลูกค้า 319-31=288 บาท 

เงื่อนไขราคาเช่า : เช่าเหมา  7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ตัวอย่างการยืม เช่น นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ 
 
 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น