“ท่านพี่จะบอกอะไรข้า ไม่ขอผ่านมัมมี่ตัวเป็น ๆ
แล้วรึ” น้ำเสียงพระนางคิยาติดงอนเล็กน้อย เมื่อเท้าความถึงถ้อยคำกระทบใจ
พระนางใช้นิ้วมือลูบผ้ากระโปรง รอฟังคำแก้ตัวจะมีมาว่าอย่างไร
“โธ่ คุณ” อาทิตย์หัวเราะ เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมีผลต่อมัมมี่ที่ฟัง
แต่ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่มีใครที่ไม่กลัว
ก็คงมีแต่เขานี่แหละที่เฉยได้อย่างน่าประหลาด “ผมจำเป็นต้องพูดแบบนั้น เพื่อให้มธุรดาเลิกสนใจหีบหิน
คุณอย่าใส่ใจมันเลยเพราะเวลานี้มีเรื่องน้องชายของผมที่ต้องสนใจมากกว่า”
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายท่านพี่” พระนางเลิกหยอกเย้าเขา
เพราะเห็นสีหน้าปริวิตก
“ขึ้นไปคุยกันข้างบนดีกว่า” พูดจบ
เขาก็สาวเท้าเดินนำ
พระนางเดินตามชายหนุ่มขึ้นมาบนห้องที่จัดให้ตนพัก
อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวร่างเนรมิตก็กลับสู่ร่างมัมมี่เหมือนเดิม อาทิตย์มองร่างพันด้วยผ้าลินินอย่างครุ่นคิด
“ท่านพี่ มีเรื่องใดไม่สบายใจ”
เมื่ออยู่ในร่างเดิม พระนางจะสามารถจับความรู้สึกสิ่งรอบตัวได้ง่าย
“คำสาปแช่งของคุณมีว่าอย่างไร” อาทิตย์ไม่ตอบ
กลับย้อนถามอีกเรื่องหนึ่ง
“ถ้าผู้ที่อ่านคาถาเรียกคาของข้ามิใช่องค์ฟาโรห์อัคเคนาเตน
คนผู้นั้นจะตาย” น้ำเสียงราชินีอียิปต์กล่าวอย่างเครียดเคร่ง
อาทิตย์รู้สึกเกรงในอำนาจอาถรรพ์คำสาปแทนน้องชาย
“ผมเริ่มคำนึงถึงคำสาปสุสานก็ตอนได้รับโทรศัพท์จากอังเดร
เขาโทรมาบอกว่านนทัชหายตัวไปพร้อมม้วนปาปิรุส พวกเขาไม่ได้แจ้งทางกองคดีอียิปต์เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่
จึงออกตามหากันเอง และตอนนี้ก็พบแต่ศพคนงานที่ติดตามนนทัช เขาถูกงูพิษกัดนอนตายอยู่กลางทะเลทราย
ผมใจหายมาก แต่เห็นว่ามธุรดายังอยู่ก็เลยไม่ได้เล่าให้ฟัง” เขามองร่างมัมมี่พระนาง
พลางกล่าวเสียงอ่อน “คำสาปของคุณทำงานแล้ว คิยา”
“ไม่
ข้าขอยืนยันว่าคำสาป ยังมิได้ทำร้ายผู้ใด” พระนางเปลี่ยนจากดวงตาแข็งกร้าวเป็นฉงน
มองผ่านผ้าพันออกมา
“แต่มีคนตายแล้ว” อาทิตย์ยังคงกล่าวตามที่รับรู้
“การตายของคนผู้นั้นข้าไม่อาจรู้สาเหตุ
แต่มิใช่คำสาปปาปิรุสของข้าแน่นอน” มัมมี่พระนางส่ายหน้าปฏิเสธ
อาทิตย์เห็นว่าตนพูดกล่าวหาอีกฝ่ายทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด
จึงจำต้องเก็บคำถามหลากหลายไว้ก่อน
“ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องชาย เห็นทีผมคงต้องพาคุณเดินทางไปอียิปต์”
อาทิตย์รู้ว่าเพื่อนของนนทัชยังค้นหากันอยู่ในอียิปต์ แต่เขาคิดว่าถ้าได้ราชินีอียิปต์นำทางน่าจะพบน้องชายได้เร็วกว่า
“ก่อนอื่น ผมต้องทำให้คุณเดินทางได้สะดวก แต่..” อาทิตย์พินิจว่ามัมมี่ตนนี้คืนชีพขึ้นมาไม่มีข้อมูลอะไรจะทำบัตรประจำตัวได้เลย
“แต่อะไรหรือท่านพี่” พระนางเห็นเขาเงียบไปนาน
จึงเอ่ยถาม
“ไว้ผมจะบอกอีกที ตอนนี้คุณกลับเข้าหีบไปก่อนเถอะ”
‘เข้าหีบเข้าหีบ เฮ้อ’ คิยายังไม่เข้าใจอีกหลายอย่าง
แต่ก็จำต้องกลับเข้าหีบ
วันต่อมาอาทิตย์ก็พามัมมี่พระนางเดินทางมาสำนักพิมพ์
เพราะคิดวิธีทำให้พระนางเดินทางไปอียิปต์ในสถานะบุคคลธรรมดาได้แล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเขาต้องพึ่งพาคู่หมั้นของน้องชาย
มธุรดาเคยเป็นเลขาของเขามาก่อน เขารู้ว่าหญิงสาวจะต้องช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้แน่
ราชินีคิยาแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าสดใส
พระนางแหงนหน้ามองอาคารสูงราวกับพีระมิด จะต่างก็ตรงตึกนี้รายล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับให้ความร่มรื่นดุจโอเอซิส
ไม่ใช่ทะเลทรายอันร้อนระอุ
พระนางเยื้องย่างเข้ามาภายในสถานที่แปลกตาที่องค์พระสวามีบอกว่าเป็นสถานที่ทำงาน
พระนางเดินตามเขามาหยุดตรงประตูเหล็กสี่เหลี่ยม เขากดนิ้วลงตรงปุ่มที่เรียงเป็นแถวยาวจากนั้นบานประตูเปิดออก
ปล่อยคนจำนวนหนึ่งเดินออกมา บางคนเลี้ยวซ้ายบางคนเลี้ยวขวา มุ่งหน้าลับหายไปคนละทิศละทาง
พระนางมองกลุ่มคนเหล่านั้นจนลับ จึงได้หันกลับมาหาเขา เมื่อได้ยินเขาบอกว่า
“เราต้องเข้าไปในลิฟต์”
“เจ้าสิ่งนี้มันจะพาเราขึ้นข้างบนใช่ไหม” พระนางเอ่ยถาม
“ใช่ มันช่วยให้เราถึงที่หมายเร็วขึ้น” เขาให้คำตอบ
ทั้งสองเข้ามาอยู่ภายในแล้วประตูลิฟต์ก็เลื่อนปิดสนิท
อาทิตย์กดปลายนิ้วลงบนปุ่มกลมมีหัวลูกศรชี้ขึ้น กล่องสี่เหลี่ยมเคลื่อนที่ ผ่านไปชั่วอึดใจ
ประตูช่องแคบได้นำพามาสู่ชั้นที่มีผนังเป็นกระจก ด้านหน้าทางเข้าระบุอักษรที่สามารถอ่านได้ว่า
‘สำนักพิมพ์พันทิวา’
พระนางคิยามองทุกอย่างและจดจำทุกอย่างที่ผ่านตาได้โดยง่ายแม้ไม่ได้อยู่ในร่างมัมมี่
นั่นเพราะสติปัญญาที่ได้รับพรจากเทพธอธนั่นเอง
อาทิตย์พาเดินผ่านผู้คนนับสิบ ซึ่งต่างประนมมือไหว้เขาหากทิ้งสายตามาที่พระนาง
จนแอบสงสัยว่าพระนางนั้นมีเขาวัวโผล่บนเศียรเหมือนเทพีฮาธอร์หรือเปล่าหนอ
“พวกเขาเป็นพนักงาน” อาทิตย์ชะลอฝีเท้าและเบี่ยงตัวก้มลงมากระซิบ
บอกเล่าว่ากลุ่มคนที่มีงานเอกสารกองพะเนินอยู่บนโต๊ะเป็นคนงาน
พระนางคิยาช้อนตามองปลายจมูกโด่ง ไล่เลยไปถึงริมฝีปากหนาที่แฝงความเย้ายวนใจต่ออิสตรีที่พบเห็น
นี่ถ้าองค์พระสวามีอยู่ในยุคเก่า คงไม่ปล่อยให้พระนางนอนเหงาอยู่ในหีบ ทุกค่ำคืนเขาจะต้องมาหา
ลูบไล้ ประโลมจุมพิต และดื่มด่ำรสเสน่หาจากเรือนร่างของราชินีสาว จนกระทั่งพระวรกายเหนื่อยอ่อน
จึงจะโอบกอดและหลับใหลไปพร้อมกัน
“ฉันเคยจ้างคนงานด้วยเมล็ดพันธุ์อาหาร” พระนางนึกย้อนไปถึงยุคอียิปต์โบราณ
ฟาโรห์จ้างคนงานขนหินสร้างวิหารและสุสานด้วยวัตถุดิบประกอบอาหารแต่ละมื้อ
“สมัยนี้คนงานได้รับค่าจ้างเป็นเงิน
เพื่อไปซื้ออาหาร” ทั้งสองเหมือนเล่าเรื่องราวในยุคตนสู่กันฟัง ขณะเดียวกันก็หยุดฝีเท้าหน้าห้องที่บานประตูปิดสนิท
อาทิตย์เอ่ย
“สำนักพิมพ์พันทิวามีนนเป็นเจ้าของ ส่วนมธุรดาเป็นบรรณาธิการบริหารหรือผู้ช่วยนนอีกที”
“ส่วนคุณเป็นนายทุน” พระนางกล่าวคาดเดา
“ก็ผมมีกิจการเงินทุน ก็ต้องออกทุนนะสิ”
เขามีอารมณ์ขัน จากนั้นก็เล่าคราว ๆ ว่างานสารคดีอียิปต์โบราณเป็นความฝันของนนทัช
น้องชายของเขาปรารถนาเผยแพร่สิ่งที่ได้ค้นพบในโลกอดีต ส่วนเขาผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลต้องสืบสานกิจการของครอบครัว
ฉะนั้นไม่ว่าเขาจะมีความฝันอะไรมันก็ไม่สำคัญ
“รา” พระนางกล่าว
“อะไรนะ?” เขาย้อนถาม แต่พอเพ่งพิศรอคำตอบ เขากลับเผลอจ้องมองคนหน้าสวยที่มีร่างเล็กแต่เซ็กซี่เหลือเกิน
เหตุใดหนอ พักนี้เขาจึงชอบมองคนตรงหน้านัก อาทิตย์สงสัยตนเอง
‘ท่านพี่ มองข้า แววตาของท่านกำลังปรารถนาข้า’ พระนางใช้พลังจิตกระซิบกระซาบเข้าโสตประสาทอีกฝ่ายผู้หญิงหน้าตาเคร่งเครียดผมที่รวบเป็นมวยดูยุ่งเหยิงจนดูแก่เกินวัย
เงยหน้าจากภาพถ่ายเรียงรายหลายใบบนโต๊ะมาทักทาย “สวัสดีค่ะคุณอาทิตย์ วันนี้เข้ามาเซ็นเอกสารหรือคะ”
“เปล่าครับ ผมมาหาคุณรดา” อาทิตย์แจ้งเจตจำนง
“อ๋อ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวอุ๊ไปเรียนคุณรดาให้ค่ะ
พอดีคุณปิติพลมาขอพบคุณรดาอยู่ค่ะ”
อาทิตย์ย่นคิ้ว เมื่อได้ยินชื่อแขกของว่าที่น้องสะใภ้
“คุณปิติพลมานานหรือยัง” เขาเอ่ยถาม
“สักพักแล้วค่ะ นั่นออกมาแล้วค่ะ”
ประตูห้องเปิดออก อุ๊ หรืออุไรวรรณ เลขาหน้าห้องของมธุรดาบอกกล่าวแล้วเดินนอบน้อมสวนทางชายวัยสี่สิบเข้าไปในห้อง
ปิติพลมีธุรกิจสิ่งพิมพ์ก้องฟ้าเมืองไทยเช่นกัน
แต่ลูกค้าเก่าจะรู้ว่าเขามีเบื้องหลังค้าวัตถุโบราณ
ร่างใหญ่ที่ยังดูหนุ่มกว่าวัยหยุดชะงักฝีเท้า ขณะออกจากห้องมาพบแหล่งเงินทุนของสำนักพิมพ์
“สวัสดีครับคุณอาทิตย์
ถือเป็นวันโชคดีหรือเปล่าครับ ที่ผมได้พบบุคคลที่จะพบตัวได้ยากมาก”
อาทิตย์จับตามองดวงตาเจ้าชู้ที่มองผ่านเขาไปยังคนข้างหลัง
แววตานั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ผมชอบอยู่เงียบๆ ครับ” ปากก็พูด
มือก็ดึงรั้งแขนเรียวมายืนเคียงกัน ซึ่งเจ้าของแขนก้มลงมองมือเกาะเกี่ยวหวงแหนอย่างงุนงง
“มีโอกาสเราคงได้พบกันอีกนะครับ”
ปิติพลหันมาให้ความสนใจชายหนุ่มทุนหนา หลังจากถูกเรือนร่างสวยยวนตาตรึงความสนใจไปชั่วครู่
อาทิตย์ไม่ได้สนใจว่าปิติพลจะเดินห่างไปแค่ไหนแล้ว
เพราะมัวขุ่นเคืองกับสายตาเจ้าชู้นั่น เห็นแล้วพาลให้รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
มธุรดาโผล่มาต้อนรับอดีตเจ้านายกับหญิงคนรัก
พร้อมเอ่ยเชื้อเชิญ “เข้ามาก่อนค่ะ คุณอาทิตย์พาคิยามาข้างนอกแบบนี้
แล้วคิยาหายดีแล้วหรือจ๊ะ” ประโยคหลังมธุรดาหันมาถามหญิงสาว
“หายดีแล้วค่ะ” คิยามองออกว่ามธุรดามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อองค์พระสวามี
พระนางจึงนิ่งเฉยไม่ยินดียินร้าย ซึ่งลึก ๆ พระนางอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่าง
ที่ให้ความรู้สึกซับซ้อนและไม่น่าไว้ใจ
“พอเค้าหายป่วย ก็อยากออกมาเปิดหูเปิดตา
ผมจึงพามาสำนักพิมพ์ คุณรดายุ่งอยู่หรือเปล่า” อาทิตย์พาราชินีอียิปต์เข้ามานั่งตรงเก้าอี้รับแขก
เขามองผ่านโต๊ะทำงานของบรรณาธิการบริหารเต็มไปด้วยเอกสารภาพถ่ายพอ ๆ กับลูกน้องนอกห้อง
“ไม่ค่ะ เออ แต่ก็นิดหน่อยค่ะ เพราะคุณนนไม่อยู่”
มธุรดาเดินมานั่งโซฟาเดี่ยว หลังจากพยักหน้าบ่งบอกเลขาหน้าห้องออกไป
อาทิตย์ไม่อ้อมค้อมทันทีที่อยู่กันสามคน
เขาก็เปิดประเด็นแต่งประวัติให้มัมมี่พระนาง ว่าเขาพบคิยาโดยบังเอิญตอนไปเที่ยวทะเลใต้
หญิงสาวมีสีหน้าตื่นกลัวประสาทหวาดผวาตลอด
บอกว่าตนถูกจับข้ามประเทศมาเพื่อขายบริการในซ่องโสเภณี และต้องการความช่วยเหลือ
อาทิตย์ไม่อาจละเลยการช่วยเหลือจึงได้นำเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมาซ่อนตัวไว้ในคอนโดแห่งหนึ่ง
แน่ใจว่าไม่มีใครออกตามหาจึงพามาอยู่ด้วยที่บ้าน
“ผมยังไม่อยากเปิดเผยประวัติของคิยา
จึงยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง” เขาประวิงเวลาดูท่าทีมธุรดา
ซึ่งภายใต้แววตาสงบไม่อาจคาดเดาความคิดของหญิงสาว แต่ที่พอจะรู้แน่คือ อดีตเลขาหรือว่าที่น้องสะใภ้คนนี้เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด
"คุณอาทิตย์เล่ามาทั้งหมดนี้
ต้องการบอกอะไรกับรดาหรือคะ”
มธุรดาพยายามฟังและจับต้นชนปลายก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร
“ผมต้องการให้คิยากลับประเทศ
คิยาต้องการไปพบครอบครัว” อาทิตย์หันมองคนนั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ เห็นกำลังให้ความสนใจแสงแดดยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่างกระจกใส
ใบหน้าสวยนั้นเบิกบานดุจกลีบดอกไม้เมื่อยามต้องแสงตะวัน ดูเหมือนพระนางอียิปต์ชอบแสงสว่างเหลือเกิน
อาจเพราะยามเป็นมัมมี่อีกฝ่ายไม่สามารถสัมผัสมันได้
“คิยาเป็นคนรักของคุณอาทิตย์ คุณก็พาไปได้นี่คะ”
มธุรดาพูด พลางชำเลืองมองหญิงสาวที่สนใจบรรยากาศภายในห้อง
มากกว่าเรื่องราวของตัวเอง
“แต่คิยาไม่มีประวัติอะไรจะทำเอกสารเดินทางได้
ผมไม่อยากให้มีการซักประวัติ อีกอย่างผมไม่อยากเป็นข่าว
ที่สำคัญครอบครัวของคิยาจะได้รับอันตราย” อาทิตย์ยังพยายามแต่งเรื่องต่อ
“ถ้าอย่างงั้น รดาจะช่วยยังไงละคะ” หญิงสาวขยับมาใกล้เขา
เพื่อประจันหน้ากับเขา โดยไม่ทันสังเกตผู้หญิงอีกคนที่มีปฏิกิริยาหวงแหน
“ผมอยากให้คุณรดา สร้างประวัติให้คิยา”
“สร้างประวัติหรือคะ”
มธุรดางุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน
“ครับ ถ้าคิยามีประวัติถูกต้อง
เราก็จะเดินทางไปอียิปต์พร้อมกับกรุ๊ปทัวร์เพื่อนของคุณ”
“อียิปต์?” มธุรดาเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย
“ครอบครัวของคิยาอยู่อียิปต์”
น้ำเสียงจริงจังของชายหนุ่มเริ่มอ่อนลง
เหมือนเด็กนักเรียนที่กำลังจะถูกจับได้ว่าพูดโกหก
“มิน่า ถ้าไม่นับว่าผิวพรรณขาวลออตา
คิยาก็ดูสวยลึกสวยคมเหมือนสาวชาวใต้ ดีเลย ถ้างั้นรดาขอไปด้วยนะคะ รดาอยากไปพบคุณนนเหมือนกัน"
“เออ ผมว่ารดาอยู่รอนนที่นี่ดีกว่า”
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรไปมากกว่านั้น มือเรียวของบรรณาธิการสาวเอื้อมมาจับต้นแขนของเขา
พร้อมกับส่งยิ้มหวานเป็นสัญญาณยุตินิทานหลอกเด็ก
“คุณอาทิตย์ไม่ยุติธรรมกับรดาเลย
รดาอุตส่าห์นั่งฟังนิทานหลอกเด็กของคุณด้วยความอดทน
แล้วยังรับปากจะช่วยเหลือคนโกหกไม่เก่งอีก ขอไปด้วยคนแค่นี้ก็ไม่ได้หรือคะ”
“ผมก็รู้อยู่แล้ว ว่าปิดบังคุณไม่ได้” เขาถอนใจเฮือก
มธุรดายิ้ม เธอเอ่ยถามเป็นงานเป็นการ
ไม่มีการจับผิดลองเชิงกันอีก “คุณอาทิตย์ต้องบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคิยา
รดาจะได้ช่วยถูกทิศถูกทาง ไม่เอาประวัติปลอม ต้องเรื่องจริง ไม่งั้นเลิกพูดกัน”
เธอต่อรองแถมขู่
“ผมขอโทษ” ร่างใหญ่ทิ้งหลังพิงพนัก
รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก มากกว่าจะหนักใจ
ถึงนาทีนี้เรื่องราวของคิยาจะเหลือเชื่อเพียงใด
แต่เขาเชื่อว่ามธุรดาจะยอมรับมันได้ อย่างน้อยคนที่ส่งพัสดุมัมมี่มาก็คือคู่หมั้นของตัวเอง
“รดายกโทษให้คุณอาทิตย์เสมอค่ะ
ฉะนั้นเริ่มเล่าเรื่องจริงได้แล้วค่ะ”
อาทิตย์เล่าให้มธุรดาฟังอย่างที่ได้รับฟังมาจากเจ้าของเรื่อง
ว่าม้วนปาปิรุสที่อยู่กับนนทัช มันระบุทางไปสุสานราชินีคิยา ส่วนมธุรดาก็คอยลอบมองผู้หญิงข้างกายชายหนุ่ม
ริมฝีปากได้รูปสวยเผยยิ้มอย่างจืดเจื่อน
ไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่จะมานั่งคุยกับมัมมี่ แต่หญิงสาวจำต้องทำใจให้เหมือนปกติ
ยับยั้งอาการตื่นตระหนกไว้สุดกำลัง
มัมมี่หัวใจพันทิวากาล
ทำมือขาย: 150 + 40 = 190 บาท
ยอดโอนยืม ราคาปก 175 + 40 = 215
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่งร้านรับคืนหนังสือแล้วโอนคืนลูกค้า 175-17=158 บาท
เงื่อนไขราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ตัวอย่างการยืม
เช่น นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว
จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น