วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ : บทที่ 8 เมล็ดพันธุ์แห่งความรัก


 
 
 
 

นิยายเปิดเช่าและขาย

เรื่องไร่เสน่หาจองจำหัวใจ

 

 
 มื้อกลางวันจบสิ้นลง และนางก็ได้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างกลับบ้านไร่แล้ว อาคารเรียบโล่งจึงกลายเป็นสถานที่นอนหลับพักผ่อนของคนงานหญิง ส่วนคนงานชายไปหางีบนอนตามร่มเงาไม้ใหญ่ ทุกคนต่างใช้เวลาหลังอาหารพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อตื่นมาสู้งานช่วงบ่ายอย่างเต็มแรง
รัญชิดาเหลียวหาไม่เห็นปฐพี เธอจึงใช้โอกาสนี้เดินไปยังค้างองุ่นที่มองเห็นอยู่ลิบ ๆ ไม่นานหญิงสาวเข้ามาหยุดยืนในค้างองุ่นสีม่วงเข้มที่มีเพียงแห่งเดียวในไร่ฟากตะวันออก เห็นเถาองุ่นเลื้อยพันเหมือนมีแขนและมือทำหน้าที่ยึดเกาะค้างซึ่งเป็นแบบเสาคู่ ใบสีเขียวห้าแฉกติดกับผลสีม่วงจนช่อแน่น  แต่ละช่อล้วนมีผลโตเต็มเต่งน่ากิน
หลายนาทีผ่านไปรัญชิดามัวชื่นชมองุ่นที่ออกพวงบานสะพรั่งสวยงาม จนลืมเลือนใครบางคนเสียสนิท
ปฐพีก้าวเดินด้วยความหงุดหงิดใจ เขาหายไปคุยธุระกับอาคำมูลเพียงครู่เดียว รัญชิดากลับหายไปจากเพิงพักโดยไม่บอกกล่าว ตรงแปลงปลูกก็ไม่มีตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่เสียที่ไหน ช่างไม่รู้บ้างเลยว่าความเป็นสาวของตัวเองจะไม่ปลอดภัยบนพื้นที่ไร่ที่มีคนงานชายเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะเป็นคนงานในไร่ของเขาก็เถอะ ไม่มีสิ่งใดยืนยันความปลอดภัยให้กับเจ้าหล่อนได้ทั้งนั้น
เท้าที่ก้าวหยุดลงกับร่างเงาของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในค้าง อยู่นี่เอง ปฐพีผ่อนหายใจโล่งอก ขณะสายตาคมจับจ้องคนเด็ดองุ่นใส่ปากอย่างเพลิดเพลิน ตอนแรกเขาตั้งใจเอ่ยเรียก แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ
 ทั่วบริเวณเงียบสงบจนรัญชิดาไม่คิดเอะใจว่าจะมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง  มือเรียวเด็ดองุ่นใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย อาคำมูลบอกว่าองุ่นไร่ปานเทวาได้รับการดูแลอย่างดี ด้วยการใส่ปุ๋ยชีวภาพไม่เป็นภัยต่อธรรมชาติ และจะงดฉีดยาเมื่อผลโตเต็มที่พร้อมจะเก็บเกี่ยว ข้อมูลที่เธอได้รับจากหัวหน้าคนงานชาย ทำให้เธอไม่หวั่นพิษภัยจากองุ่นผลสด ๆ ที่ทยอยเด็ดใส่ปากนี้เลย
ส่วนชายหนุ่มหลงมองเพลินกับร่างอรชรที่เคลื่อนตัวพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติ แต่แล้วจู่ ๆ เกิดโมโหตัวเองขึ้นมา ก็สู้อุตส่าห์วางท่าไม่สนใจใยดี หากหนีไม่พ้นมนต์เสน่ห์อันเย้ายวนใจนี้จนได้
รัญชิดาเอื้อมเด็ดองุ่นลูกนั้นลูกนี้ระหว่างเอี้ยวตัวจะเด็ดองุ่นผลโต พลัน..สายตาสะดุดกับร่างสูงของใครบางคน เธอตกใจปล่อยเสียงอุทานออกมา
“อุ้ย!” ซึ่งอาการสะดุ้งนั้น ส่งผลให้องุ่นที่เอื้อมเด็ดจากขั้วร่วงหล่นลงมาติดอยู่กลางร่องอก!
ภาพตรงหน้าสั่นประสาทชายหนุ่มที่ดวงตาคมเบิกกว้างร่างทั้งร่างแข็งเกร็งไปหมด ขณะหยุดสายตากับนิ้วเรียวล้วงหยิบองุ่นออกจากร่องอวบอิ่ม และกว่าที่เขาจะหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนสาวเจ้าเงยหน้าขึ้นมาสบตานั่นล่ะ
“เออ ฉันตั้งใจ มาบอกให้เธอเริ่มงานช่วงบ่ายได้แล้ว” ปฐพีรู้ว่าเสียงของเขามันไม่เข้มแข็งอย่างที่เคยเป็นเสียเลย ซึ่งชายหนุ่มพยายามปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าภายในกายชายของเขานั้น มันกำลังเกิดปัญหาบางอย่าง
“ค่ะ ฉันกำลังจะไป” แม้รัญชิดาจะพยายามรักษาระดับเสียงให้ปกติ แต่เธอรู้ว่าไม่อาจปิดบังความเขินอายที่มันต้องฉายชัดในแววตาของเธอแน่ ฉะนั้นจึงคิดเดินเลี่ยงเพื่อหนีสถานการณ์อึดอัดใจนี้เร็วที่สุด
มือเรียวกำองุ่นต้นเหตุไว้ ก่อนจะก้าวผ่านเขาไปเพียงนิด แต่แล้วจู่ ๆ แขนเธอถูกเขารั้งไว้  
“องุ่นปานเทวา อร่อยหรือเปล่า”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม ทันทีที่เธอหันกลับไปหา และนั่นก็ทำให้เธอเกิดใจสั่นเมื่อใบหน้าดันอยู่ห่างกันแค่คืบ
“อร่อยค่ะ”
“อร่อย..ถ้าอย่างงั้นองุ่นลูกนี้ ฉันขอนะ” พูดจบ ปฐพีไล้นิ้วมือมาตามท่อนแขน เลื่อนปลายนิ้วแกร่งลงมาหาผลองุ่นที่อยู่ในกำมือ มุมปากหนากระตุกยิ้มนิดกับอากัปกิริยานิ่งงันของหญิงสาวที่ทำราวถูกสาปเป็นหิน ขณะที่เขาโน้มใบหน้าลงต่ำ เพื่องับผลองุ่นใส่ปาก
กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาว เพิ่มอารมณ์ละมุนละไมกลางใจชายหนุ่ม  จนปฐพีต้องหักห้ามไม่ให้ตนต้องเข้าใกล้ภัยเสน่หามากไปกว่านี้ ฉะนั้นเมื่องับองุ่นจากมือนุ่มเข้าปากได้ เขาก็เคี้ยวตุ้ย ก่อนจะเงยขึ้นสบตากันจากนั้นร่างใหญ่หันหลังและเดินจากไปเสียดื้อ ๆ
ส่วนคนที่ยืนตะลึงงันได้แต่ปล่อยลมหายใจโล่งอกที่สถานการณ์น่าหวาดหวั่นผ่านไปเสียได้ นี่ถ้าเขาเข้าใกล้เธอกว่านี้ ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่ออีก
ต่อเมื่ออาการตะลึงอันตรธานหายก็กลับมีอาการคันหัวใจเข้ามาแทน เพราะหญิงสาวเพิ่งรับรู้สักครู่เองว่า หนุ่มมาดเข้มอย่างปฐพีก็มีมุมหวานเหมือนกัน มุมปากเผยยิ้มก่อนที่เธอจะเคลื่อนตัวตามเขาไป

ตะวันคล้อยตัวลงต่ำบ่งบอกเวลาใกล้เลิกงานเต็มที คนงานต่างทยอยเข้ามานั่งพักตามร่มเงาไม้ใหญ่ จะเหลือแค่บางส่วนยังคงเก็บงานคั่งค้างให้เสร็จ
รัญชิดาวางงานลงบ้าง ร่างเล็กเคลื่อนตัวเข้ามานั่งพักใกล้กับกลุ่มคนงานหญิง ที่เข้ามาพักผ่อนใต้เงาไม้ก่อนเดินทางกลับ ระหว่างนั้นเธอสังเกตเห็นอากัปกิริยากระซิบกระซาบของเหล่าคนงาน ถึงจะชินตามาทั้งวันแต่เธอก็อดครวญขึ้นในใจไม่ได้ว่า เรื่องที่ถูกหยิบยกมาสนทนากลางวงคงหนีไม่พ้นเรื่องของเธอกับปฐพี
“นายหญิงของเราสวย น่ารัก” คนงานหญิงคนหนึ่งพูดกระซิบ ๆ แต่ก็ดังพอ ที่รัญชิดาจะได้ยิน
“ใช่ ดูสิ วันนี้นายใหญ่ของเรา หวง จนไม่เป็นอันไปตรวจงานฟากโน้นต่อเลย” คนงานหญิงอีกคนพูดเสริม ซึ่งก็เรียกเสียงคิกจากเพื่อนรอบข้าง
“ก็น่าหวงอยู่หรอก ทั้งสาว ทั้งสวย อย่างกับดารา ยิ่งดวงตานะ ฉันนี่ชอบแอบมองจริง ๆ เหมือนตุ๊กตาบาบี้เลย” คนงานหญิงคนนี้กำลังท้องอ่อน ๆ จึงมีความเชื่อตามโบราณว่า ถ้าตั้งท้องแล้วผู้เป็นแม่ได้มองสิ่งสวยงาม เมื่อยามลูกคลอดออกมาก็จะมีรูปกายงามเช่นกัน
“เอ้า..เร่งมือหน่อยเร็ว ใกล้ถึงคราเก็บเกี่ยวแปลงกลางแล้ว แปลงแถบนี้ต้องเสร็จก่อนสิ้นสุดสัปดาห์นะ” เสียงนงนุชดังบอกคนงานที่ยังเก็บงานอยู่ และดังพอให้เหล่าคนงานหญิงที่กำลังกระซิบกระซาบกันอย่างเบิกบานต้องก้มหน้าหยุดเสียงนินทาโดยบัดดล จากนั้นหัวหน้าคนงานหญิงเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ  แล้วเอ่ย
“อย่าถือสาคำพูดคำจาของคนงานเลยนะคะนายหญิง พวกเขาชื่นชมคุณทั้งนั้น”
“ค่ะ ฉันไม่คิดอะไรกับพวกเขาหรอกค่ะ เขินมากกว่า” ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆ หญิงสาวที่ไม่ประสีประสางานในสวนในไร่อย่างเธอ จะได้รับความรู้สึกชื่นชมจากคนงานไร่องุ่นแห่งนี้
“พวกเขาก็ทั้งชื่นชมทั้งแปลกใจล่ะค่ะ เพราะจู่ ๆ นายหญิงของนายก็มาทำงานในไร่กับพวกเขาแบบนี้” นงนุชกล่าว พร้อมกับพาดพิงถึงสิ่งที่ค้างคาใจ ว่าเหตุใดชายหนุ่มเจ้าของไร่จึงได้ใช้งานภรรยาของตนดุจคนงานคนหนึ่ง ก่อนหน้านั้นนงนุชพยายามหาโอกาสไถ่ถามเพื่อหาคำตอบจากคำมูล แต่ดูเหมือนหัวหน้าคนงานคนสนิทของนายหนุ่มคงไม่ยอมปริปากบอกเล่าโดยง่าย จะเหลือนายหญิงสาวเท่านั้นแหละที่จะไขข้อข้องใจนี้ได้ แต่แล้วโอกาสอันน้อยนิดก็ถูกทำลาย
“พี่นุช แปลงปลูกของนายหญิงเป็นยังไงบ้าง?” เสียงห้วนดังของปฐพี ทำให้ผู้หญิงทั้งสองหันไปมองเขาเป็นจุดเดียว เห็นร่างชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ  นงนุชจึงผุดลุกขึ้นแล้วก็ทำให้เธอลุกตาม
“ยังไม่ถึงครึ่งเลยค่ะ” นงนุชเอ่ยตอบ แล้วรายงานแปลงที่นายหญิงขุดพลิกหน้าดินนั้น ถ้าไร้ผู้ช่วยแบบนี้จะไม่ทันลงแปลงปลูกอาทิตย์หน้า ก่อนจะเสริมท้ายด้วยการกล่าวชื่นชมนายหญิงสาวให้เขาฟัง “นายหญิงรัญมาทำงานวันแรก ได้แค่นี้ก็นับว่าดีแล้วค่ะ”
แววตาของหัวหน้าคนงานหญิงเปล่งประกายความชื่นชม ในขณะที่หนุ่มเจ้าของไร่เก็บทุกอาการไว้ภายใต้สายตาเรียบนิ่ง แม้ว่ารัญชิดาจะสังเกตเห็นประกายในแววตาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกของเขาได้
ส่วนทางด้านชายหนุ่มนั้น เขากำลังต่อต้านความรู้สึกพอใจที่ดิ่งลึกอยู่ภายใน เมื่อได้ยินถึงความเอาใจใส่ต่องานในไร่ของหญิงสาว ขณะกล่าวกับหัวหน้าคนงานหญิงด้วยเสียงเรียบ
“ก็ดี แต่นี่ก็แค่การเริ่มต้น” ความหมายของเขาคือ หลังจากวันนี้หญิงสาวจะต้องเรียนรู้ทุกขั้นตอนในการทำไร่องุ่น ตั้งแต่การเพาะเมล็ด จนกระทั่งปลิดผล เขาชำเลืองมองใบหน้าสวยมีฝุ่นดินติดอยู่หน่อย ๆ ก่อนจะหันกลับไปสั่งการกับหัวหน้าคนงานอีกครั้ง “เสร็จจากพลิกหน้าดิน ระหว่างรอให้ดินแห้ง พี่นุชช่วยสอนบัญชีวัสดุให้กับนายหญิงด้วย”
“ค่ะ” สีหน้าแววตาของนงนุชที่ตอบรับคำสั่ง เต็มไปด้วยความฉงน.. ให้ทำงานในไร่แล้วยังให้ช่วยเช็กบัญชีวัสดุอีก ตกลงนายหญิงเป็นภรรยาหรือว่าคนงานธรรมดากันแน่?
เมื่อลับร่างของนงนุชที่ขอตัวกลับไปตรวจตราวัสดุ ซึ่งคนงานจะนำไปเก็บก่อนจะพากันเดินทางกลับที่พัก ปฐพีเบนสายตากลับมาจ้องจับใบหน้าของเธอ
“เตรียมตัวกลับได้แล้ว”
 “ค่ะ” เธอตอบรับสั้น ๆ ตามเคย แอบค่อนขอดชายหนุ่มในใจว่าเขาจะรักษามาดเผด็จการของตนไปถึงไหน จากนั้นก็นึกแปลกใจกับความรู้สึกของตนที่ว่าก่อนหน้าเคยรู้สึกหวาดหวั่นกับสายตาคู่คมของปฐพี แต่ในตอนนี้เธอกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว
หมดเวลาการทำงาน รถกระบะบรรทุกคนงานเพื่อพากลับที่พักต่างทยอยกันขับออกจากไร่ รัญชิดาแหงนมองท้องฟ้าในยามพระอาทิตย์อัสดงแผ่รังสีอ่อน ๆ ลงมา เธอรำพันขึ้นในใจ ในที่สุดวันแรกของการเป็นสาวชาวไร่องุ่นของเธอ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ระหว่างนั่งรถกลับบ้านไร่ด้วยกัน ปฐพีไม่ได้พูดแดกดันเรื่องที่เธอเป็นสาวไฮโซไม่เคยเหยียบดินอีก แต่กลับนั่งนิ่งคล้ายกำลังใช้ความคิดไปพร้อมดวงตาจับนิ่งอยู่ที่เส้นทาง
รัญชิดาลอบสังเกตใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม ตั้งแต่ได้พบกันเธอปักใจว่าชายหนุ่มคนนี้ร้ายกาจเหลือทน แต่มาวันนี้เธอกลับเห็นว่าเขาไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่คิด คงเพราะวันนี้เขาได้เผยมุมที่นุ่มนวลออกมาบ้าง แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ก็ทำให้เธอมองเห็นเหตุผลที่ว่า นิสัยเผด็จการนั้นมันบ่มเพาะมาจากความรับผิดชอบมากมายที่มีมายาวนาน และมันหล่อหลอมให้เขามีบุคลิกแข็งกร้าว
คำมูลได้เล่าให้เธอฟังว่า ปฐพีทุ่มเทให้กับกิจการงานไร่ตั้งแต่บิดาของเขายังมีชีวิตอยู่ ชายหนุ่มไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตกับการเที่ยวหาความสำราญเหมือนวัยรุ่นทั่วไปนัก ชีวิตลูกผู้ชายผูกติดอยู่กับความรับผิดชอบ ทุกคนที่อยู่ในความดูแลของเขาจะไม่เคยถูกละเลยแม้ยามป่วยไข้ นั่นเพราะ ปฐพีถือว่าทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองเป็นหน้าที่ในความรับผิดชอบของเขาเสียทั้งหมด
“เหนื่อยหรือ?” ปฐพีเอ่ยถาม เพราะเห็นริ้วรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้าหญิงสาว
“ไม่ค่ะ” รัญชิดาส่ายหน้าเล็กน้อย เพราะมัวปล่อยความคิดล่องลอยไปไกล คงทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอกำลังเหนื่อยล้ากับการทำงาน
“ทุกคนชื่นชมเธอ” เขาเอ่ยขึ้นมาอีกคล้ายชวนคุย ทั้งที่ทิ้งดวงตานิ่งไปข้างหน้า
“ฉันก็ชื่นชมกับกำลังใจของพวกเขาค่ะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส พลางมองว่าชายผู้นี้ช่างคาดเดาความคิดได้ยาก
“เก็บกำลังใจให้ดีแล้วกัน เพราะหลังจากนี้เธอยังต้องเรียนรู้งานอื่นอีกมาก”
“ค่ะ” ตอบแล้ว เธอก็ครวญขึ้นในใจ ต่อไปจะเจอคำสั่งอย่างไรของเขาอีกหนอ มันจะถึงขนาดที่ว่าต้องล้มหมอนนอนเสื่อเลยหรือเปล่า 
ปฐพีชวนคุยอีกสักพักเขาก็เงียบไป เหมือนต้องการใช้สมาธิกับเส้นทางข้างหน้าด้วยความตั้งมั่นจะไปสู่จุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุด จนกระทั่งรถเข้าไปจอดบนลานด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมแห่งหนึ่ง
“ลงมาสิ” เสียงปฐพีดังพอให้คนกำลังนั่งเหมอลอยจะหันมา แล้วนิ่วหน้ากับคำตำหนิ “มัวฝันหวานอยู่หรือไง รถจอดตั้งนานยังไม่รู้เรื่อง”
“เออ ฉัน..” รัญชิดามองสบดวงตาของคนตัวใหญ่ที่โน้มลงมาหา พลางก่นว่าตัวเองอย่างขุ่นใจ เผลอใจเหม่อลอยไปไกล จนทำให้เขามีเรื่องมาต่อว่าจนได้สิเรา
รัญชิดายอมรับว่าเธอใจลอยไปไกล ขนาดว่าเขาเปิดประตูรถเธอยังไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ
“คุณปฐพี คุณจะให้ฉันเข้าไปเดินในห้างกับคุณหรือคะ?” เธอเอ่ยถาม หลังจากลงมายืนกับเขาข้างรถแล้ว
“ใช่สิ ทำไมล่ะ?” สายตาคมตวัดมอง ขณะหญิงสาวกำลังก้มสำรวจตัวเอง
“เข้าไปแบบนี้..” เธอเกิดอาการอึกอักไม่อยากเข้าไป ก็สภาพเสื้อที่เธอสวมใส่เวลานี้มันซับเหงื่อเอาไว้จนแทบจะบิดไหลออกมาเป็นน้ำ ไหนจะรองเท้าที่ตอนนี้มีแต่ดินโคลนเกาะติดจนแห้ง
“จะแบบไหนก็ต้องเข้าไปกับฉัน ตามมา อย่าเรื่องมาก” น้ำเสียงห้วนกับสายตาดุ ๆ สามารถบังคับให้ปากที่กำลังอ้าปฏิเสธหุบลง ก่อนจะก้าวตามแรงลากจูงของเขาเข้าไปในอาคารแต่โดยดี
ปฐพีลากแขนเธอมาหยุดยืนภายในร้ายขายชุดเสื้อเชิ้ตที่มีทั้งแบบสตรีและบุรุษ เธอเห็นสายตาคมดุของเขามองไปที่พนักงานสาว และพนักงานคนนั้นก็รีบสาวเท้าเข้ามาให้การต้อนรับอย่างนอบน้อมทันที
“เอาชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่เหมาะกับทำงานในไร่ให้ผู้หญิงคนนี้ห้าชุด” เสียงสั่งสินค้าของชายหนุ่มดังกังวาน ก่อนจะหันมาบอกเธอเสียงเรียบเบา “รองเท้าของเธอก็ควรจะเปลี่ยน”
รัญชิดาแปลกใจที่จู่ ๆ ชายหนุ่มตาดุเกิดใจดีพาเธอมาซื้อชุดใส่ทำงาน  ตอนแรกเธอตั้งใจส่ายหน้าปฏิเสธ แต่พอทบทวนสภาพตัวเองในวันนี้แล้วกลับเปลี่ยนใจพยักหน้าแทนคำขอบคุณ
ปฐพีคงเห็นว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าเหมาะกับทำงานในไร่ อีกทั้งรองเท้าก็เป็นรองเท้าแฟชั่นที่ไม่เหมาะกับการเดินบนดินเหนียว ซึ่งบางครั้งก็เหนียวติดรองเท้าจนแคะไม่ออกสังเกตจากดินแห้งๆ ที่เกาะกรัง น่าอยู่หรอกที่เขาจะสรรหาซื้อสิ่งของเหมาะสมกับการทำงานให้เธอ
พนักงานสาวกุลีกุจอคัดสรรเสื้อและกางเกงมาแขวนให้เธอเลือกเฟ้นตัวที่ถูกใจ แต่เธอกลับเหมือนหุ่นให้พนักงานสาวคอยจับเสื้อตัวนั้นตัวนี้มาลองทาบวัดขนาด เพื่อให้ปฐพีเลือกเฟ้นตัวที่เขาถูกใจเสียมากกว่า
“ตกลงห้าชุดนี้นะคะ” น้ำเสียงพนักงานสาวแฝงความปีติ เพราะแค่รายการสั่งซื้อเดียวเจ้าหล่อนก็ได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายจนน่าพอใจ
ปฐพีชำระค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็หิ้วถุงกระดาษเคลือบมันสีสันสดใส พร้อมลากแขนเธอเดินตามไปยังร้านรองเท้าอยู่ถัดไป จากนั้นเสียงสั่งสินค้าต่อพนักงานชายวัยรุ่นดังขึ้นอีก
“เอารองเท้าบูท..”
ไม่กี่นาทีบรรดารองเท้าบูททยอยออกมาให้เธอลองสวม  หญิงสาวก้มมองรองเท้าของตนที่มีดินโคลนมาเกาะจนแห้งติดแทบมองไม่เห็นสีเดิม จึงปฏิบัติตามคำสั่งของเขาไปอย่างว่าง่าย สรุปแล้วรางวัลสำหรับการทำงานในไร่องุ่นวันแรกของเธอคือ ชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนห้าตัวกับรองเท้าบูทสองคู่
ขณะเดินทางกลับบ้านไร่ รัญชิดาชำเลืองมองถุงกระดาษสี่ใบในมือที่เพิ่งจะได้รับจากปฐพี พลางคิดว่า การทำงานในไร่เพียงหนึ่งวัน มันสามารถทำให้ชีวิตของเธอพบการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ.. คนงานเป็นมิตรกับเธอทุกคน งานขุดดินก็ไม่ทำให้เธอย่อท้ออย่างที่คิด และที่สำคัญคือหนุ่มเจ้าของไร่ลดความร้ายกาจต่อเธอลง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่สุดเพราะจากนี้การใช้ชีวิตบนพื้นที่ไร่องุ่นก็จะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายสำหรับเธออีกต่อไป
 ราคาขาย: 200 + 40 = 240 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)

 
ราคาเช่า : เช่าเหมา  7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ไร่เสน่หาจองจำหัวใจราคาปก 319x10%=31 บาท + ค่าส่ง 40 = 71บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง ยอดยืม 31 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 319 บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
 
 

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น