มื้อกลางวันจบสิ้นลง
และนางก็ได้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างกลับบ้านไร่แล้ว
อาคารเรียบโล่งจึงกลายเป็นสถานที่นอนหลับพักผ่อนของคนงานหญิง
ส่วนคนงานชายไปหางีบนอนตามร่มเงาไม้ใหญ่ ทุกคนต่างใช้เวลาหลังอาหารพักผ่อนอย่างเต็มที่
เพื่อตื่นมาสู้งานช่วงบ่ายอย่างเต็มแรง
รัญชิดาเหลียวหาไม่เห็นปฐพี
เธอจึงใช้โอกาสนี้เดินไปยังค้างองุ่นที่มองเห็นอยู่ลิบ ๆ
ไม่นานหญิงสาวเข้ามาหยุดยืนในค้างองุ่นสีม่วงเข้มที่มีเพียงแห่งเดียวในไร่ฟากตะวันออก
เห็นเถาองุ่นเลื้อยพันเหมือนมีแขนและมือทำหน้าที่ยึดเกาะค้างซึ่งเป็นแบบเสาคู่
ใบสีเขียวห้าแฉกติดกับผลสีม่วงจนช่อแน่น
แต่ละช่อล้วนมีผลโตเต็มเต่งน่ากิน
หลายนาทีผ่านไปรัญชิดามัวชื่นชมองุ่นที่ออกพวงบานสะพรั่งสวยงาม
จนลืมเลือนใครบางคนเสียสนิท
ปฐพีก้าวเดินด้วยความหงุดหงิดใจ เขาหายไปคุยธุระกับอาคำมูลเพียงครู่เดียว
รัญชิดากลับหายไปจากเพิงพักโดยไม่บอกกล่าว
ตรงแปลงปลูกก็ไม่มีตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่เสียที่ไหน
ช่างไม่รู้บ้างเลยว่าความเป็นสาวของตัวเองจะไม่ปลอดภัยบนพื้นที่ไร่ที่มีคนงานชายเป็นส่วนใหญ่
แม้ว่าจะเป็นคนงานในไร่ของเขาก็เถอะ ไม่มีสิ่งใดยืนยันความปลอดภัยให้กับเจ้าหล่อนได้ทั้งนั้น
เท้าที่ก้าวหยุดลงกับร่างเงาของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในค้าง
‘อยู่นี่เอง’ ปฐพีผ่อนหายใจโล่งอก
ขณะสายตาคมจับจ้องคนเด็ดองุ่นใส่ปากอย่างเพลิดเพลิน ตอนแรกเขาตั้งใจเอ่ยเรียก
แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ
ทั่วบริเวณเงียบสงบจนรัญชิดาไม่คิดเอะใจว่าจะมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง มือเรียวเด็ดองุ่นใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
อาคำมูลบอกว่าองุ่นไร่ปานเทวาได้รับการดูแลอย่างดี
ด้วยการใส่ปุ๋ยชีวภาพไม่เป็นภัยต่อธรรมชาติ
และจะงดฉีดยาเมื่อผลโตเต็มที่พร้อมจะเก็บเกี่ยว ข้อมูลที่เธอได้รับจากหัวหน้าคนงานชาย
ทำให้เธอไม่หวั่นพิษภัยจากองุ่นผลสด ๆ ที่ทยอยเด็ดใส่ปากนี้เลย
ส่วนชายหนุ่มหลงมองเพลินกับร่างอรชรที่เคลื่อนตัวพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติ
แต่แล้วจู่ ๆ เกิดโมโหตัวเองขึ้นมา ก็สู้อุตส่าห์วางท่าไม่สนใจใยดี
หากหนีไม่พ้นมนต์เสน่ห์อันเย้ายวนใจนี้จนได้
รัญชิดาเอื้อมเด็ดองุ่นลูกนั้นลูกนี้ระหว่างเอี้ยวตัวจะเด็ดองุ่นผลโต
พลัน..สายตาสะดุดกับร่างสูงของใครบางคน เธอตกใจปล่อยเสียงอุทานออกมา
“อุ้ย!” ซึ่งอาการสะดุ้งนั้น
ส่งผลให้องุ่นที่เอื้อมเด็ดจากขั้วร่วงหล่นลงมาติดอยู่กลางร่องอก!
ภาพตรงหน้าสั่นประสาทชายหนุ่มที่ดวงตาคมเบิกกว้างร่างทั้งร่างแข็งเกร็งไปหมด
ขณะหยุดสายตากับนิ้วเรียวล้วงหยิบองุ่นออกจากร่องอวบอิ่ม
และกว่าที่เขาจะหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนสาวเจ้าเงยหน้าขึ้นมาสบตานั่นล่ะ
“เออ ฉันตั้งใจ
มาบอกให้เธอเริ่มงานช่วงบ่ายได้แล้ว”
ปฐพีรู้ว่าเสียงของเขามันไม่เข้มแข็งอย่างที่เคยเป็นเสียเลย
ซึ่งชายหนุ่มพยายามปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติโดยเร็ว
เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าภายในกายชายของเขานั้น มันกำลังเกิดปัญหาบางอย่าง
“ค่ะ ฉันกำลังจะไป”
แม้รัญชิดาจะพยายามรักษาระดับเสียงให้ปกติ
แต่เธอรู้ว่าไม่อาจปิดบังความเขินอายที่มันต้องฉายชัดในแววตาของเธอแน่
ฉะนั้นจึงคิดเดินเลี่ยงเพื่อหนีสถานการณ์อึดอัดใจนี้เร็วที่สุด
มือเรียวกำองุ่นต้นเหตุไว้
ก่อนจะก้าวผ่านเขาไปเพียงนิด แต่แล้วจู่ ๆ แขนเธอถูกเขารั้งไว้
“องุ่นปานเทวา อร่อยหรือเปล่า”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม
ทันทีที่เธอหันกลับไปหา และนั่นก็ทำให้เธอเกิดใจสั่นเมื่อใบหน้าดันอยู่ห่างกันแค่คืบ
“อร่อยค่ะ”
“อร่อย..ถ้าอย่างงั้นองุ่นลูกนี้ ฉันขอนะ”
พูดจบ ปฐพีไล้นิ้วมือมาตามท่อนแขน เลื่อนปลายนิ้วแกร่งลงมาหาผลองุ่นที่อยู่ในกำมือ
มุมปากหนากระตุกยิ้มนิดกับอากัปกิริยานิ่งงันของหญิงสาวที่ทำราวถูกสาปเป็นหิน ขณะที่เขาโน้มใบหน้าลงต่ำ
เพื่องับผลองุ่นใส่ปาก
กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาว
เพิ่มอารมณ์ละมุนละไมกลางใจชายหนุ่ม
จนปฐพีต้องหักห้ามไม่ให้ตนต้องเข้าใกล้ภัยเสน่หามากไปกว่านี้
ฉะนั้นเมื่องับองุ่นจากมือนุ่มเข้าปากได้ เขาก็เคี้ยวตุ้ย
ก่อนจะเงยขึ้นสบตากันจากนั้นร่างใหญ่หันหลังและเดินจากไปเสียดื้อ ๆ
ส่วนคนที่ยืนตะลึงงันได้แต่ปล่อยลมหายใจโล่งอกที่สถานการณ์น่าหวาดหวั่นผ่านไปเสียได้
นี่ถ้าเขาเข้าใกล้เธอกว่านี้ ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต่ออีก
ต่อเมื่ออาการตะลึงอันตรธานหายก็กลับมีอาการคันหัวใจเข้ามาแทน
เพราะหญิงสาวเพิ่งรับรู้สักครู่เองว่า หนุ่มมาดเข้มอย่างปฐพีก็มีมุมหวานเหมือนกัน
มุมปากเผยยิ้มก่อนที่เธอจะเคลื่อนตัวตามเขาไป
ตะวันคล้อยตัวลงต่ำบ่งบอกเวลาใกล้เลิกงานเต็มที
คนงานต่างทยอยเข้ามานั่งพักตามร่มเงาไม้ใหญ่
จะเหลือแค่บางส่วนยังคงเก็บงานคั่งค้างให้เสร็จ
รัญชิดาวางงานลงบ้าง
ร่างเล็กเคลื่อนตัวเข้ามานั่งพักใกล้กับกลุ่มคนงานหญิง
ที่เข้ามาพักผ่อนใต้เงาไม้ก่อนเดินทางกลับ
ระหว่างนั้นเธอสังเกตเห็นอากัปกิริยากระซิบกระซาบของเหล่าคนงาน
ถึงจะชินตามาทั้งวันแต่เธอก็อดครวญขึ้นในใจไม่ได้ว่า เรื่องที่ถูกหยิบยกมาสนทนากลางวงคงหนีไม่พ้นเรื่องของเธอกับปฐพี
“นายหญิงของเราสวย น่ารัก”
คนงานหญิงคนหนึ่งพูดกระซิบ ๆ แต่ก็ดังพอ ที่รัญชิดาจะได้ยิน
“ใช่ ดูสิ วันนี้นายใหญ่ของเรา หวง
จนไม่เป็นอันไปตรวจงานฟากโน้นต่อเลย” คนงานหญิงอีกคนพูดเสริม
ซึ่งก็เรียกเสียงคิกจากเพื่อนรอบข้าง
“ก็น่าหวงอยู่หรอก ทั้งสาว ทั้งสวย
อย่างกับดารา ยิ่งดวงตานะ ฉันนี่ชอบแอบมองจริง ๆ เหมือนตุ๊กตาบาบี้เลย”
คนงานหญิงคนนี้กำลังท้องอ่อน ๆ จึงมีความเชื่อตามโบราณว่า
ถ้าตั้งท้องแล้วผู้เป็นแม่ได้มองสิ่งสวยงาม
เมื่อยามลูกคลอดออกมาก็จะมีรูปกายงามเช่นกัน
“เอ้า..เร่งมือหน่อยเร็ว
ใกล้ถึงคราเก็บเกี่ยวแปลงกลางแล้ว แปลงแถบนี้ต้องเสร็จก่อนสิ้นสุดสัปดาห์นะ”
เสียงนงนุชดังบอกคนงานที่ยังเก็บงานอยู่
และดังพอให้เหล่าคนงานหญิงที่กำลังกระซิบกระซาบกันอย่างเบิกบานต้องก้มหน้าหยุดเสียงนินทาโดยบัดดล
จากนั้นหัวหน้าคนงานหญิงเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วเอ่ย
“อย่าถือสาคำพูดคำจาของคนงานเลยนะคะนายหญิง
พวกเขาชื่นชมคุณทั้งนั้น”
“ค่ะ ฉันไม่คิดอะไรกับพวกเขาหรอกค่ะ
เขินมากกว่า” ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆ หญิงสาวที่ไม่ประสีประสางานในสวนในไร่อย่างเธอ
จะได้รับความรู้สึกชื่นชมจากคนงานไร่องุ่นแห่งนี้
“พวกเขาก็ทั้งชื่นชมทั้งแปลกใจล่ะค่ะ เพราะจู่
ๆ นายหญิงของนายก็มาทำงานในไร่กับพวกเขาแบบนี้” นงนุชกล่าว
พร้อมกับพาดพิงถึงสิ่งที่ค้างคาใจ
ว่าเหตุใดชายหนุ่มเจ้าของไร่จึงได้ใช้งานภรรยาของตนดุจคนงานคนหนึ่ง
ก่อนหน้านั้นนงนุชพยายามหาโอกาสไถ่ถามเพื่อหาคำตอบจากคำมูล แต่ดูเหมือนหัวหน้าคนงานคนสนิทของนายหนุ่มคงไม่ยอมปริปากบอกเล่าโดยง่าย
จะเหลือนายหญิงสาวเท่านั้นแหละที่จะไขข้อข้องใจนี้ได้
แต่แล้วโอกาสอันน้อยนิดก็ถูกทำลาย
“พี่นุช แปลงปลูกของนายหญิงเป็นยังไงบ้าง?”
เสียงห้วนดังของปฐพี ทำให้ผู้หญิงทั้งสองหันไปมองเขาเป็นจุดเดียว เห็นร่างชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ใกล้
ๆ นงนุชจึงผุดลุกขึ้นแล้วก็ทำให้เธอลุกตาม
“ยังไม่ถึงครึ่งเลยค่ะ” นงนุชเอ่ยตอบ
แล้วรายงานแปลงที่นายหญิงขุดพลิกหน้าดินนั้น
ถ้าไร้ผู้ช่วยแบบนี้จะไม่ทันลงแปลงปลูกอาทิตย์หน้า
ก่อนจะเสริมท้ายด้วยการกล่าวชื่นชมนายหญิงสาวให้เขาฟัง “นายหญิงรัญมาทำงานวันแรก
ได้แค่นี้ก็นับว่าดีแล้วค่ะ”
แววตาของหัวหน้าคนงานหญิงเปล่งประกายความชื่นชม
ในขณะที่หนุ่มเจ้าของไร่เก็บทุกอาการไว้ภายใต้สายตาเรียบนิ่ง
แม้ว่ารัญชิดาจะสังเกตเห็นประกายในแววตาแวบหนึ่ง
แต่ก็ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกของเขาได้
ส่วนทางด้านชายหนุ่มนั้น เขากำลังต่อต้านความรู้สึกพอใจที่ดิ่งลึกอยู่ภายใน
เมื่อได้ยินถึงความเอาใจใส่ต่องานในไร่ของหญิงสาว
ขณะกล่าวกับหัวหน้าคนงานหญิงด้วยเสียงเรียบ
“ก็ดี แต่นี่ก็แค่การเริ่มต้น”
ความหมายของเขาคือ หลังจากวันนี้หญิงสาวจะต้องเรียนรู้ทุกขั้นตอนในการทำไร่องุ่น
ตั้งแต่การเพาะเมล็ด จนกระทั่งปลิดผล เขาชำเลืองมองใบหน้าสวยมีฝุ่นดินติดอยู่หน่อย
ๆ ก่อนจะหันกลับไปสั่งการกับหัวหน้าคนงานอีกครั้ง “เสร็จจากพลิกหน้าดิน
ระหว่างรอให้ดินแห้ง พี่นุชช่วยสอนบัญชีวัสดุให้กับนายหญิงด้วย”
“ค่ะ” สีหน้าแววตาของนงนุชที่ตอบรับคำสั่ง
เต็มไปด้วยความฉงน.. ‘ให้ทำงานในไร่แล้วยังให้ช่วยเช็กบัญชีวัสดุอีก
ตกลงนายหญิงเป็นภรรยาหรือว่าคนงานธรรมดากันแน่?’
เมื่อลับร่างของนงนุชที่ขอตัวกลับไปตรวจตราวัสดุ
ซึ่งคนงานจะนำไปเก็บก่อนจะพากันเดินทางกลับที่พัก
ปฐพีเบนสายตากลับมาจ้องจับใบหน้าของเธอ
“เตรียมตัวกลับได้แล้ว”
“ค่ะ”
เธอตอบรับสั้น ๆ ตามเคย
แอบค่อนขอดชายหนุ่มในใจว่าเขาจะรักษามาดเผด็จการของตนไปถึงไหน
จากนั้นก็นึกแปลกใจกับความรู้สึกของตนที่ว่าก่อนหน้าเคยรู้สึกหวาดหวั่นกับสายตาคู่คมของปฐพี
แต่ในตอนนี้เธอกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว
หมดเวลาการทำงาน รถกระบะบรรทุกคนงานเพื่อพากลับที่พักต่างทยอยกันขับออกจากไร่
รัญชิดาแหงนมองท้องฟ้าในยามพระอาทิตย์อัสดงแผ่รังสีอ่อน ๆ ลงมา เธอรำพันขึ้นในใจ ‘ในที่สุดวันแรกของการเป็นสาวชาวไร่องุ่นของเธอ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี’
ระหว่างนั่งรถกลับบ้านไร่ด้วยกัน
ปฐพีไม่ได้พูดแดกดันเรื่องที่เธอเป็นสาวไฮโซไม่เคยเหยียบดินอีก
แต่กลับนั่งนิ่งคล้ายกำลังใช้ความคิดไปพร้อมดวงตาจับนิ่งอยู่ที่เส้นทาง
รัญชิดาลอบสังเกตใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม
ตั้งแต่ได้พบกันเธอปักใจว่าชายหนุ่มคนนี้ร้ายกาจเหลือทน
แต่มาวันนี้เธอกลับเห็นว่าเขาไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่คิด คงเพราะวันนี้เขาได้เผยมุมที่นุ่มนวลออกมาบ้าง
แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ก็ทำให้เธอมองเห็นเหตุผลที่ว่า
นิสัยเผด็จการนั้นมันบ่มเพาะมาจากความรับผิดชอบมากมายที่มีมายาวนาน
และมันหล่อหลอมให้เขามีบุคลิกแข็งกร้าว
คำมูลได้เล่าให้เธอฟังว่า
ปฐพีทุ่มเทให้กับกิจการงานไร่ตั้งแต่บิดาของเขายังมีชีวิตอยู่
ชายหนุ่มไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตกับการเที่ยวหาความสำราญเหมือนวัยรุ่นทั่วไปนัก
ชีวิตลูกผู้ชายผูกติดอยู่กับความรับผิดชอบ
ทุกคนที่อยู่ในความดูแลของเขาจะไม่เคยถูกละเลยแม้ยามป่วยไข้ นั่นเพราะ
ปฐพีถือว่าทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองเป็นหน้าที่ในความรับผิดชอบของเขาเสียทั้งหมด
“เหนื่อยหรือ?” ปฐพีเอ่ยถาม
เพราะเห็นริ้วรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้าหญิงสาว
“ไม่ค่ะ” รัญชิดาส่ายหน้าเล็กน้อย เพราะมัวปล่อยความคิดล่องลอยไปไกล
คงทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอกำลังเหนื่อยล้ากับการทำงาน
“ทุกคนชื่นชมเธอ” เขาเอ่ยขึ้นมาอีกคล้ายชวนคุย
ทั้งที่ทิ้งดวงตานิ่งไปข้างหน้า
“ฉันก็ชื่นชมกับกำลังใจของพวกเขาค่ะ”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส พลางมองว่าชายผู้นี้ช่างคาดเดาความคิดได้ยาก
“เก็บกำลังใจให้ดีแล้วกัน
เพราะหลังจากนี้เธอยังต้องเรียนรู้งานอื่นอีกมาก”
“ค่ะ” ตอบแล้ว เธอก็ครวญขึ้นในใจ ‘ต่อไปจะเจอคำสั่งอย่างไรของเขาอีกหนอ
มันจะถึงขนาดที่ว่าต้องล้มหมอนนอนเสื่อเลยหรือเปล่า’
ปฐพีชวนคุยอีกสักพักเขาก็เงียบไป
เหมือนต้องการใช้สมาธิกับเส้นทางข้างหน้าด้วยความตั้งมั่นจะไปสู่จุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุด
จนกระทั่งรถเข้าไปจอดบนลานด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมแห่งหนึ่ง
“ลงมาสิ”
เสียงปฐพีดังพอให้คนกำลังนั่งเหมอลอยจะหันมา แล้วนิ่วหน้ากับคำตำหนิ
“มัวฝันหวานอยู่หรือไง รถจอดตั้งนานยังไม่รู้เรื่อง”
“เออ ฉัน..”
รัญชิดามองสบดวงตาของคนตัวใหญ่ที่โน้มลงมาหา พลางก่นว่าตัวเองอย่างขุ่นใจ ‘เผลอใจเหม่อลอยไปไกล จนทำให้เขามีเรื่องมาต่อว่าจนได้สิเรา’
รัญชิดายอมรับว่าเธอใจลอยไปไกล
ขนาดว่าเขาเปิดประตูรถเธอยังไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ
“คุณปฐพี
คุณจะให้ฉันเข้าไปเดินในห้างกับคุณหรือคะ?” เธอเอ่ยถาม
หลังจากลงมายืนกับเขาข้างรถแล้ว
“ใช่สิ ทำไมล่ะ?” สายตาคมตวัดมอง
ขณะหญิงสาวกำลังก้มสำรวจตัวเอง
“เข้าไปแบบนี้..”
เธอเกิดอาการอึกอักไม่อยากเข้าไป
ก็สภาพเสื้อที่เธอสวมใส่เวลานี้มันซับเหงื่อเอาไว้จนแทบจะบิดไหลออกมาเป็นน้ำ
ไหนจะรองเท้าที่ตอนนี้มีแต่ดินโคลนเกาะติดจนแห้ง
“จะแบบไหนก็ต้องเข้าไปกับฉัน ตามมา
อย่าเรื่องมาก” น้ำเสียงห้วนกับสายตาดุ ๆ สามารถบังคับให้ปากที่กำลังอ้าปฏิเสธหุบลง
ก่อนจะก้าวตามแรงลากจูงของเขาเข้าไปในอาคารแต่โดยดี
ปฐพีลากแขนเธอมาหยุดยืนภายในร้ายขายชุดเสื้อเชิ้ตที่มีทั้งแบบสตรีและบุรุษ
เธอเห็นสายตาคมดุของเขามองไปที่พนักงานสาว
และพนักงานคนนั้นก็รีบสาวเท้าเข้ามาให้การต้อนรับอย่างนอบน้อมทันที
“เอาชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่เหมาะกับทำงานในไร่ให้ผู้หญิงคนนี้ห้าชุด”
เสียงสั่งสินค้าของชายหนุ่มดังกังวาน ก่อนจะหันมาบอกเธอเสียงเรียบเบา
“รองเท้าของเธอก็ควรจะเปลี่ยน”
รัญชิดาแปลกใจที่จู่ ๆ
ชายหนุ่มตาดุเกิดใจดีพาเธอมาซื้อชุดใส่ทำงาน
ตอนแรกเธอตั้งใจส่ายหน้าปฏิเสธ
แต่พอทบทวนสภาพตัวเองในวันนี้แล้วกลับเปลี่ยนใจพยักหน้าแทนคำขอบคุณ
ปฐพีคงเห็นว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าเหมาะกับทำงานในไร่
อีกทั้งรองเท้าก็เป็นรองเท้าแฟชั่นที่ไม่เหมาะกับการเดินบนดินเหนียว
ซึ่งบางครั้งก็เหนียวติดรองเท้าจนแคะไม่ออกสังเกตจากดินแห้งๆ ที่เกาะกรัง
น่าอยู่หรอกที่เขาจะสรรหาซื้อสิ่งของเหมาะสมกับการทำงานให้เธอ
พนักงานสาวกุลีกุจอคัดสรรเสื้อและกางเกงมาแขวนให้เธอเลือกเฟ้นตัวที่ถูกใจ
แต่เธอกลับเหมือนหุ่นให้พนักงานสาวคอยจับเสื้อตัวนั้นตัวนี้มาลองทาบวัดขนาด
เพื่อให้ปฐพีเลือกเฟ้นตัวที่เขาถูกใจเสียมากกว่า
“ตกลงห้าชุดนี้นะคะ”
น้ำเสียงพนักงานสาวแฝงความปีติ
เพราะแค่รายการสั่งซื้อเดียวเจ้าหล่อนก็ได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายจนน่าพอใจ
ปฐพีชำระค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว
เขาก็หิ้วถุงกระดาษเคลือบมันสีสันสดใส
พร้อมลากแขนเธอเดินตามไปยังร้านรองเท้าอยู่ถัดไป จากนั้นเสียงสั่งสินค้าต่อพนักงานชายวัยรุ่นดังขึ้นอีก
“เอารองเท้าบูท..”
ไม่กี่นาทีบรรดารองเท้าบูททยอยออกมาให้เธอลองสวม
หญิงสาวก้มมองรองเท้าของตนที่มีดินโคลนมาเกาะจนแห้งติดแทบมองไม่เห็นสีเดิม
จึงปฏิบัติตามคำสั่งของเขาไปอย่างว่าง่าย
สรุปแล้วรางวัลสำหรับการทำงานในไร่องุ่นวันแรกของเธอคือ
ชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนห้าตัวกับรองเท้าบูทสองคู่
ขณะเดินทางกลับบ้านไร่
รัญชิดาชำเลืองมองถุงกระดาษสี่ใบในมือที่เพิ่งจะได้รับจากปฐพี พลางคิดว่า
การทำงานในไร่เพียงหนึ่งวัน
มันสามารถทำให้ชีวิตของเธอพบการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ.. คนงานเป็นมิตรกับเธอทุกคน
งานขุดดินก็ไม่ทำให้เธอย่อท้ออย่างที่คิด
และที่สำคัญคือหนุ่มเจ้าของไร่ลดความร้ายกาจต่อเธอลง
ซึ่งเป็นเรื่องดีที่สุดเพราะจากนี้การใช้ชีวิตบนพื้นที่ไร่องุ่นก็จะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายสำหรับเธออีกต่อไป
ราคาขาย: 200 + 40 = 240 บาท
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ไร่เสน่หาจองจำหัวใจราคาปก 319x10%=31 บาท + ค่าส่ง 40 = 71บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง
ยอดยืม 31 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 319
บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว
ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ
: ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ
ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ
และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น