วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ : บทที่ 9 ความลับใต้เงาจันทร์


 

นิยายเปิดเช่าและขาย

เรื่องไร่เสน่หาจองจำหัวใจ

 
 
 ราตรีกาลที่เหล่าสรรพสิ่งต่างหลับใหล แต่ยังมีหญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ริมหน้าต่าง เพื่อเฝ้ามองแสงจันทร์ท่ามกลางหมู่เมฆหนาที่บดบังแสงนวลของดวงจันทร์ให้ดูน้อยนิดเสียกระไร
ซึ่งความอับแสงของจันทราทำให้ใจของเธอหดหู่ไปพร้อม ๆ กัน
รัญชิดานึกถึงอีเมลที่ส่งเข้ามามากมายแต่ไม่ได้รับการตอบกลับจากเธอ และอีเมลส่วนใหญ่ส่งมาจากอัคนีและไขนภา เธอเลือกตอบกลับน้องสาวและบอกไปว่าเธอไม่ต้องการติดต่อกับใคร ไม่ว่าจะเป็นทางไลน์หรือแม้แต่ทางเฟซบุ๊ค เพราะไม่อยากตอบคำถามที่จะโยงใยไปถึงปัญหาในครอบครัว ส่วนอัคนีเธอพร้อมจะสารภาพผิดต่อเขาถ้าได้พบกันในวันหนึ่ง แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้
แม้ไขนภามีถ้อยคำบ่งบอกความเข้าใจ แต่การที่เธอเลือกเป็นภรรยาของชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ผู้เป็นน้องสาวก็อดถามถึงเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้ ซึ่งคำตอบมันไม่ได้สร้างผลดีกับใคร ฉะนั้นเธอจึงเลือกเก็บมันไว้เป็นความลับและรอคอยวันเวลาที่จะทำให้มันถูกลบเลือน
หญิงสาวสลัดอดีตที่ผลักดันให้เธอจมอยู่กับความหดหู่ ด้วยความคิดว่าค่ำคืนผ่านไปเราก็จะพบรุ่งเช้าของวันใหม่ เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไปตราบจนลมหายใจสุดท้ายจะมาเยือน ฉะนั้นเธอไม่ควรยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปแต่ควรใส่ใจขวนขวายกับสิ่งที่เธอจะต้องอยู่กับมันในปัจจุบันดีกว่า
“ไร่องุ่น” นึกถึงสิ่งที่อยากจะทำตั้งนานสองนานแล้ว หญิงสาวผุดลุกขึ้นและย่างกรายออกไป
ปฐพีนั่งหันหลังทอดสายตามองผ่านบานกระจกใสหน้าต่าง ไปยังผืนฟ้าสีนิลที่ไร้หมู่ดาวเคยกะพริบพร่างพราวอยู่ทุกค่ำคืน ชายหนุ่มขยับแก้วไวน์ในมือเบา ๆ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏมุมปากกดลึกเป็นรอยยิ้ม กับภาพหญิงสาวสวมชุดมอมแมมเดินเข้าไปในห้างกับเขาเพื่อเลือกชุดและรองเท้าใส่ทำงาน ชั่ว
อึดใจ รอยยิ้มพลันสลายกลายเป็นความรู้สึกรุ่มร้อน กับภาพทับซ้อนที่เขาก้มงับองุ่น
ซึ่งการกระทำเพียงชั่ววินาที  แต่หารู้ไม่ว่ามันสร้างความทรมานใจต่อเขาเสียนักหนา
ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้กลับพร้อมวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะดึงลิ้นชักแล้วหยิบสมุดบันทึกที่ปรเมศร์เก็บเกี่ยวเรื่องราวของรัญชิดาไว้ แม้บันทึกลักษณะเดียวกันมีมากมายหลายเล่ม แต่ปฐพีเลือกเก็บเล่มนี้ เพราะมันระบุลักษณะนิสัย ความรักความชอบที่ปรเมศร์ได้ลอบสังเกตหญิงสาวไว้อย่างละเอียด
พลิกสมุดไปตรงกลางเล่ม ปรากฏรูปถ่ายของนักศึกษาสาวอยู่ในชุดดรัมเมเยอร์สีสันสดใส ก่อนหน้าที่เขาจะตัดสินใจทำตามคำร้องขอของปรเมศร์ เขาได้นำรูปใบนี้มาพินิจดูครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อหาเหตุผลความเป็นไปได้ที่จะพาหญิงสาวในภาพมาอยู่บ้านไร่
ทว่าระหว่างที่ปฐพีกำลังคิดถึงความหวังของน้องชาย แสงจากภายนอกสะท้อนเงาใครบางคนกำลังเดินผ่านห้องทำงานของเขาไป เงา? ปฐพีมองตามทิศทางที่เงาผ่านไป จึงคาดเดาว่าเจ้าของเงาต้องมีปลายทางอยู่ที่ห้องหนังสือแน่นอน เขาวางรูปและสมุดบันทึกลงที่เดิม ปิดลิ้นชักและลุกขึ้นทันที
รัญชิดาพยายามเดินย่องตรงไปห้องหนังสือ เธอจด ๆ จ้อง ๆ มาตั้งแต่กลับจากห้างแล้ว รอแต่เวลาให้หนุ่มเจ้าของบ้านเข้านอนเสียก่อน แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นชายหนุ่มจะมีทีท่ากลับไปที่ห้องนอนของตัวเองซะที  ในเมื่อเห็นแล้วว่าเขาไม่ออกจากห้องทำงานง่าย ๆ เธอจึงต้องสวมวิญญาณนักย่องเบา
หญิงสาวกลั้นหายใจนาทีเดินผ่านประตูที่ปิดสนิท พร้อมภาวนาขอให้คนที่อยู่ข้างในมัวง่วนอยู่กับงานของตัวเอง ไม่ต้องมาสนใจว่าจะมีใครมาเดินผ่านหน้าห้องแบบนี้ ก็มันแย่ชะมัดที่ห้องหนังสือดันอยู่ถัดจากห้องทำงานของเขา ถ้าไม่ติดว่าเธออยากศึกษาเกี่ยวกับไร่องุ่น เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ทำงานคล่องขึ้นไม่เป็นตัวถ่วงให้กับคนงานคนอื่น ๆ เธอคงไม่ต้องมาเดินเก็บเสียงแบบนี้หรอก
โล่งอก เสียงถอนหายใจสะดวกขึ้น เมื่อร่างเล็กเข้ามาหยุดยืนภายในห้องหนังสือแล้ว เสียแต่เธอไม่กล้าเปิดไฟสว่างจึงต้องแง้มประตูไว้ เพื่ออาศัยแสงที่ลอดผ่านได้มองเห็นสิ่งที่ต้องการ
หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วห้อง สังเกตเห็นว่าหนังสือที่เรียงรายเต็มชั้น ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือวิชาการเกษตรเน้นพืชไร่ ส่วนอีกผนังด้านหนึ่งเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ วารสาร และหนังสือประมวลกฎหมาย
หลังจากไล่หารายชื่อหนังสือที่ต้องการอยู่สักพัก เธอก็เลือกหยิบหนังสือวิชาการเกษตรเกี่ยวกับพืชไร่องุ่นมาถือไว้ และในขณะกำลังพลิกอ่านหน้าคำนำ ลำแสงที่ทอดเข้ามาเป็นเงาคน ก็ถึงกลับทำให้หนังสือเกือบหลุดจากมือของเธอ
“ไม่เปิดไฟจะมองเห็นอะไรล่ะ” ปฐพีเอ่ยเสียงเข้ม พร้อมผลักบานประตูออกกว้างและกดสวิตซ์เปิดไฟสว่าง ทำให้เห็นว่าเขายังอยู่ในชุดทำงานที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อย
“ฉันเกรงจะรบกวนคุณค่ะ” เธอให้เหตุผล จริง ๆ แล้วใครอยากจะให้เขารู้ล่ะ พูดจบสายตาสะดุดกับอกกว้างที่กระดุมเสื้อถูกปลดลงมาเผยแผงอกที่มีเนื้อเป็นมัดกล้าม เห็นแล้วก็ให้ใจสั่น จึงพยายามเบนความสนใจจากแผงอกกำยำมาสนใจหนังสือ เจ้าต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องมายืนสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ตรงนี้ ที่สำคัญเธอเห็นเขายิ้มขำด้วยนะ
 “พรุ่งนี้ยังต้องเหนื่อยอีก เธอน่าจะนอนพักผ่อนได้แล้ว” ปฐพีกล่าวเตือน ลึกในใจยังนึกห่วงอยู่บ้างเพราะหญิงสาวไม่เคยกับงานไร่ และแม้จะเห็นว่าการทำงานวันแรกจะดีเกินคาด แต่เขาก็คิดว่าวันต่อ ๆ ไปร่างบอบบางอย่างนี้คงทนกับงานไม่ไหวถ้าขืนพักผ่อนไม่เพียงพอ
รัญชิดาจับความรู้สึกเป็นห่วงของชายหนุ่มได้ แต่เธอไม่รู้จะตอบกลับเขาอย่างไร จึงได้แต่นิ่งฟังและกอดหนังสือแน่น จนเป็นที่สังเกตของอีกฝ่าย
“เธอเลือกหนังสืออะไรไปอ่าน?” เขาถาม จ้องความสนใจไปที่หนังสือในอ้อมกอด
“การทำไร่องุ่นค่ะ” รัญชิดาตอบเสียงแผ่ว เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเขาได้ยินเรื่องที่เธอจะอ่าน เขาจะหัวเราะเยาะเธอไหม แต่เธอก็ใจชื้น เมื่อเห็นเขาพยักหน้ารับรู้ไร้อาการขบขันใด ๆ เธอจึงกล้าอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องมาหาหนังสือตอนนี้
“พอคุณสั่งให้ฉันรับผิดชอบแปลงองุ่นเองทั้งหมด ฉันก็เลยกลัวว่าจะทำงานออกมาไม่ดี จึงมาหาหนังสือไปศึกษาทฤษฎีเพิ่มเติมค่ะ”
“งั้นหรือ..” ปฐพีจ้องลึกเข้าไปในแววตาสดใส ขณะตรึกตรองความนึกคิดของหญิงสาว
ซึ่งก็ทำให้คนถูกจ้องถึงกลับหายใจติดขัด พาลให้รู้สึกว่าห้องนี้คับแคบไปถนัดตา ทั้งที่ดูอากาศออกจะโปร่งสบาย ประตูก็เปิดออกกว้าง ไฟก็เปิดสว่างจ้า แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าหายใจไม่สะดวก
 “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอกลับห้องก่อนนะคะ” รัญชิดาเอ่ยขอตัว เพราะคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าอยู่กับผู้ชายคนนี้ สถานการณ์ไม่ปลอดภัยเธอจึงรีบหนีดีกว่า
 “เชิญสิ” ปฐพีบอกอนุญาต ต่อเมื่อได้กลิ่นกายหอมยามก้าวผ่านตัวเขาไป มันทำให้ใจหนุ่มอดหวั่นไหวไม่ได้ “รัญชิดา..” เสียงที่เรียกออกไปจึงฟังดูแหบพร่า
“คะ” เท้าที่กำลังก้าวหยุดลง พร้อมกับหันมามองคนตาคมพราวที่ชวนให้ใจสาวเต้นระส่ำ
 ภายใต้ดวงตาคม หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มต้องสะกดกลั้นอารมณ์ดิบเถื่อนในกายตนไว้ยากเย็นแค่ไหน ในเมื่อเขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องมายืนใกล้ผู้หญิงสวยไปทั้งตัวซึ่งอยู่ห่างกันแค่คืบ จะให้เขาสู้กับอารมณ์ธรรมชาติในกายชายง่าย ๆ ได้อย่างไร
“มีอะไรจะบอกฉันอีกหรือคะ?” รัญชิดาพยายามเท้าความถึงงานในไร่ ทั้งที่ดูออกถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา
 “ฉันแค่อยากจะบอกว่า ไม่มีหนังสือแนวผู้หญิงในห้องนี้เลย แต่ต่อไป ฉันจะหามาไว้ให้เธออ่าน” ปฐพีพยายามเหลือเกินที่จะคิดหาเหตุผลมากล่าวอ้าง เพื่อกลบเกลื่อนความผิดปกติในกายตน
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวพูดจบ ไม่รอช้า รีบก้าวออกมานอกห้องทันที ขืนอยู่นานจะเป็นอันตรายกับตัวเองเปล่า ๆ
ชายหนุ่มแม้จะอยู่ในสภาวะอารมณ์ถูกกดดัน แต่ยังได้ยินถอนหายใจดัง ๆ ของคนที่เพิ่งก้าวออกไปชัดเจน ก่อนจะบังคับตัวเองให้ยืนอยู่อย่างนั้น เพื่อรอเวลาให้หญิงสาวได้เดินกลับไปถึงห้องนอนของตัวเองเสียก่อน
สักพักเสียงถอนหายใจของเขาดังขึ้นเช่นกัน เฮ้อ.. สำหรับปฐพีแล้ว การได้อยู่ใกล้ภรรยาในนามคนนี้ มักจะก่อเกิดความปรารถนาที่มาพร้อมความสับสนเสมอ
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเขาคำนึงถึงเหตุผลที่หญิงสาวต้องมาอยู่ที่นี่ และสำนึกเสมอว่าตัวเขามิใช่เจ้าของหล่อนอย่างแท้จริง แต่เป็นปรเมศร์ต่างหาก
รัญชิดาเดินกลับเข้ามาภายในห้องนอนมืด ๆ ของตนด้วยความรวดเร็ว เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้ววางหนังสือไว้บนโต๊ะ ตั้งสติได้ก็เปิดหนังสือออกอ่านโดยอาศัยแสงนวลของดวงจันทร์ นิ้วเรียวกรีดเปิดทีละหน้า หวังใช้สมาธิทั้งหมดเก็บเกี่ยวข้อมูลจากหนังสือให้ได้มากที่สุดในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สมาธินั้นต้องถูกทำลายเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนตัวใหญ่กำลังเดินท่อม ๆ ไปด้านหลังบ้านไร่   
ปฐพีไปไหนของเขานะ? คิ้วเรียวย่นเข้าหากัน เพราะเส้นทางที่ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปนั้น มันแยกจากทางไปบ้านพักคนงาน
  บุคคลที่หญิงสาวกำลังคิดสงสัยตัวเขานั้น หยุดฝีเท้าลงหน้ากระท่อมหลังกะทัดรัด รายล้อมด้วยภูมิสถาปัตย์ไม้ดอกไม้ใบหลากสีสันสวยงาม ซึ่งสถาปัตยกรรมข้างริมธารแห่งนี้เป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของปรเมศร์ น้องชายของเขามักจะมาขลุกตัวอยู่ที่นี่ ผลงานการออกแบบทั้งหลายจึงล้วนเกิดจากสถานที่แห่งนี้ทั้งสิ้น
ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าขึ้นไปตามบันไดสามขั้น มีกระถางไม้ดอกแขวนจนสุดราวจับ จนกระทั่งเข้ามาหยุดยืนด้านในกระท่อม เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กซึ่งถือเป็นห้องทำงานของเจ้าของบ้าน เฟอร์นิเจอร์ประกอบด้วย โต๊ะ ตู้โชว์ และเตียงนอนเดี่ยวคลุมด้วยผ้าสีขาว
กระท่อมหลังนี้แม้จะไร้ผู้อยู่อาศัยไปแล้ว แต่ปฐพีไม่เคยทิ้งร้าง ว่างจากงานเขาจะมาทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูอยู่เนือง ๆ และแม้จะมีคนงานเสนอตัวมาช่วยดูแล แต่เพราะเข้าใจถึงความหวาดกลัวของทุกคนดี เขาจึงเลือกทำด้วยตัวเองดีกว่า
ปฐพีลงมือปัดกวาดฝุ่นออกจากโต๊ะและตู้จนเสร็จ จึงมายืนทอดอาลัยต่อหน้ากรอบรูปน้องชายเฉกเช่นทุกครั้ง
“เล็ก พี่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายแล้ว นายรับรู้ใช่ไหม” เสียงทุ้มต่ำสั่นเครือเล็กน้อย เกิดจากความสะเทือนใจในความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เพราะปฐพีคิดว่าปรเมศร์อายุยังน้อย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ปรเมศร์ปรารถนาจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ โดยเฉพาะชุดครุยรับปริญญาที่ปรเมศร์เฝ้ารอจะได้สวมเพื่อเป็นรางวัลให้กับเขา ปรเมศร์ก็ยังไม่มีโอกาส
 “เพราะเธอคนเดียว รัญชิดา” เมื่อเอ่ยชื่อผู้เป็นสาเหตุให้น้องชายของเขาเสียใจ สีหน้าชายหนุ่มขึงตึงขึ้นทันควัน  “ ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายนาย นายถึงทำความฝันของตัวเองไม่สำเร็จ เล็ก ทำไมนายต้องหลงใหลผู้หญิงคนนั้น ทำไม..”
คำถามที่เอ่ยถามอากาศธาตุออกไป ไม่มีวันจะได้คำตอบกลับมา จะมีก็แต่เสียงสะท้อนกลับมาย้ำเตือนถึง..สิทธิ์ ที่เขาควรจำใส่ใจ ว่าเขาไม่ใช่ผู้ที่มีสิทธิ์ต่อหญิงสาว
“ ใช่..พี่ไม่มีสิทธิ์ เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ของพี่ แต่เป็นของนายคนเดียว”
..เพียงคำพูดจบลง สายลมพัดวูบผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง ปะทะกรอบรูปจนล้ม ตุ๊บ!
“เอะ?” ปฐพีแปลกใจกับลมที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศนิ่งสนิท ดวงตาคมกวาดมองไปโดยรอบ ก่อนย้อนมาจับกรอบรูปที่ล้มคว่ำ
ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ ขณะหยิบกรอบรูปตั้งขึ้นเหมือนเดิม จากนั้นร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากกระท่อมเพื่อกลับไปพักผ่อนที่บ้านไร่ ทุกฝีเท้าที่ก้าวห่างไปทุกที ๆ ได้ทำให้กระท่อมริมธารกลับมาอยู่ท่ามกลางความเงียบเหงาอีกครั้ง ซึ่งนับวันกระท่อมหลังนี้จะกลายเป็นกระท่อมร้าง ที่มีเพียงเสียงหวีดหวิวของใบไม้ต้องลมเสียดสีจนเกิดเสียงเท่านั้น เนื่องจากผู้เป็นเจ้าของเสียชีวิต ก็ไม่เคยมีใครอยากย่างกรายมาใกล้ที่แห่งนี้อีกเลย
 ราคาขาย: 200 + 40 = 240 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)

 
ราคาเช่า : เช่าเหมา  7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ไร่เสน่หาจองจำหัวใจราคาปก 319x10%=31 บาท + ค่าส่ง 40 = 71บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง ยอดยืม 31 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 319 บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
 
 

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น