วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ : บทที่ 11 อริ


 

นิยายเปิดเช่าและขาย

เรื่องไร่เสน่หาจองจำหัวใจ

 

 รัญชิดาติดสอยห้อยตามปฐพีมาที่ห้าง ซึ่งห้างสรรพสินค้าในเมืองแห่งนี้แม้จะไม่ใหญ่โตเหมือนห้างในเมืองหลวง แต่ก็มีของใช้ไม้สอยครบครัน เธอมีเวลาเตรียมตัวเดินทางเพียงชั่วคืนจึงไม่ทันได้ตระเตรียมของใช้ส่วนตัวมากนัก เสื้อผ้าก็นำมาไม่กี่ชุด ฉะนั้นสองมือตอนนี้จึงเต็มไปด้วยถุงหิ้วภายในบรรจุของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น
“สวัสดีครับ คุณรัญชิดา”
 ร่างเล็กกำลังเร่งรีบกลับไปยังจุดจอดรถหยุดชะงัก และหันไปหาต้นเสียงที่เอ่ยทัก เขาเป็นชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยชุดที่บ่งบอกถึงคนรสนิยมสูง บนใบหน้าหล่อคมคายปรากฏประกายพราวในดวงตาคม และเผยรอยยิ้มแสดงความเป็นมิตรต่อเธอ
“คุณ?” รัญชิดามองสงสัยไม่กล้ายิ้มตอบ เพราะแม้รอยยิ้มของเขาหยิบยื่นความเป็นมิตร แต่ก็ยังเป็นชายแปลกหน้า ซึ่งชายหนุ่มคงคาดเดาความคิดเธอได้จึงรีบยื่นนามบัตรให้ พร้อมแนะนำตัวเอง
“ผม เมธี เศรษฐชัย ไร่เรืองเดชของผมเป็นเพื่อนบ้านกับไร่ปานเทวาครับ”
ภายใต้ดวงตาคมพราวนี้ หญิงสาวไม่รู้เลยว่าตนตกเป็นเป้าเฝ้าติดตามของเขามาโดยตลอด
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณเมธี แต่ เออ..ฉัน” รัญชิดามองนามบัตร และช้อนตาขึ้นส่งยิ้มเจื่อน ๆ บ่งบอกสภาวะที่เธอไม่สามารถรับมันจากเขาได้ เนื่องจากหอบหิ้วถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือ
“ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าเรารู้จักกันแล้วนะครับคุณรัญชิดา” เมธีเก็บนามบัตร โดยใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มหวานหยด
รัญชิดามองการพริ้มตาหลับขณะยิ้มของชายที่ชื่อเมธี เธอประเมินว่าชายตรงหน้าอาจจะมีบุคลิกคล้ายอัคนีตรงสุภาพและยิ้มง่าย แต่ต่างกันที่เขาผู้นี้ดูเยือกเย็นกว่า และที่เขาแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าของไร่ที่ต้องตากแดดอาบเหงื่ออยู่กลางไร่ทุกวี่วันก็ออกจะดูขัดแย้งกับบุคลิกติดสำอางของเขาสักหน่อย
“คุณรู้ชื่อฉัน..?” รัญชิดาเลิกคิ้วเรียว ก็ตั้งแต่มาอยู่บ้านไร่เธอไม่เคยได้พบปะใครเลยนอกจากคนงานในไร่
“ก็คุณเป็นนายหญิงบ้านไร่ปานเทวานี่ครับ ปฐพีเป็นคนดังในแถบนี้ ฉะนั้นข่าวที่เขามีภรรยาจึงเป็นที่น่าสนใจของทุกคน” เมธีกล่าวเรียบ ๆ ไม่ยีหระในความสงสัยของอีกฝ่าย
ดวงตากลมใสของหญิงสาววาววับ ขณะรำพันขึ้นเบา ๆ “น่าสนใจเลยหรือคะ”
ปฐพีเป็นคนดังในชนบทแห่งนี้คงได้รับความสนใจไม่ต่างจากคนดังในสังคมเมือง เอะ พอชื่อนี้ดังขึ้นในสมอง ดวงตาเธอก็เบิกกว้างกับใจที่เริ่มกระสับกระส่าย แต่คนตรงหน้าไม่รับรู้และเหมือนจะพยายามชวนเธอคุยต่อ
“ครับ น่าสนใจ ..น่าสนใจมาก” เมธีสะดุดใจดวงตาเย้ายวน เขาใช้สายตาโลมไล้ผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัสของเรือนร่างเล็กแต่มีเนื้อหนังอิ่มเต็ม ซึ่งสัญชาตญาณหนุ่มนักรักลงความเห็นว่า รัญชิดาซ่อนความหวานฉ่ำภายใต้บุคลิกเรียบร้อย และความหวานฉ่ำเรียกร้องให้เขาลิ้มลองให้ได้ในวันหนึ่ง
รัญชิดารู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น เพราะหยุดคุยแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอไปถึงรถช้า และคนที่รอคอยต้องหงุดหงิดแน่ หญิงสาวมองชายตรงหน้าที่ดึงรั้งเธอด้วยการชวนคุย แม้ว่าเธอจะแสร้งขยับมือให้ถุงเสียดสีกันจนเกิดเสียงกรอบแกรบ แต่เขายังทำเฉย ในที่สุดเธอจึงต้องเอ่ยปาก
 “คุณเมธีคะ ฉันยินดีนะคะที่ได้รู้จักคุณ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องรีบกลับไปที่รถ เพราะคุณปฐพีกำลังรอฉันอยู่ค่ะ”
นั่นเพราะรัญชิดาคิดว่า จะอย่างไรเสียเมธีก็เป็นเพื่อนไร่กับปฐพี เขาเข้ามาทักทายและแนะนำตัวด้วยความเป็นมิตร เธอจึงไม่ควรเสียมารยาทตัดรอนบทสนทนาด้วยการผละห่างไปเฉย ๆ
“เสียดายนะครับ แต่โอกาสหน้าเราคงได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้” เมธีส่งยิ้มหวาน พร้อมจ้องตาหญิงสาวด้วยความมาดหมาย
“ขอบคุณค่ะ อุ้ย! ฉันถือเองได้ค่ะ” รัญชิดาร้องบอก ด้วยไม่ทันคิดว่าจู่ ๆ เมธีจะคว้าถุงหิ้วในมือไปถือไว้เสียเอง
“ไหน ๆ เราก็รู้จักกันแล้ว ผมช่วยถือไปส่งที่รถให้ดีกว่า” เขาขันอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันถือได้ค่ะ ส่งของคืนมาเถอะนะคะ” รัญชิดาปัดปฏิเสธเป็นพัลวัน
เมธีลอบยิ้ม ที่จริงเขาคิดจะปล่อยหญิงสาวกลับไปด้วยดีแล้ว ถ้าไม่เผอิญเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่กำลังเดินหน้าบึ้งมุ่งมาทางนี้เสียก่อน
“ของเยอะขนาดนี้ให้ผมช่วยถือดีกว่าครับ ถือเป็นน้ำใจจากเพื่อนบ้านนะครับ” เมธีให้เหตุผล ไม่ลืมส่งยิ้มเยาะต่อคนที่เดินใกล้เข้ามาแล้วถลึงตาใส่เขา
รัญชิดามัวยื้อของจากมือเมธี จึงไม่ทันได้ตั้งตัวกับเสียงที่แผดดัง
“รัญชิดา!เธอมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่กลับไปที่รถ!” ปฐพีจะไม่บันดาลโทสะ ถ้าเหตุที่รัญชิดากลับไปที่รถช้าเพราะมัวเพลินเดินซื้อของ แต่นี่ เจ้าหล่อนปล่อยให้เขารอจนหัวเสียเพราะมัวยืนล่อเสือหิวอยู่ตรงนี้ มันน่าโมโห!
“ฉันกำลังจะเดินไปค่ะ” เธอสะดุ้งเฮือก กับการได้เห็นปฐพีอยู่ในสภาวะที่น่ากลัวสุดขีด เธอกลัวเขาทั้งที่ยังงงว่าเหตุใดต้องมาโกรธขึงใส่กันมากมาย ก็เขาและผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนไร่กันมิใช่หรือ..?
“ฉันกำลังไปส่งเธอให้กับนายไงล่ะปฐพี” เมธีเอ่ย พลางจ้องเขม็ง ไม่ได้หวั่นเกรงต่อท่าทางขึงโกรธของอีกฝ่าย
ปฐพีฟาดฟันศัตรูด้วยสายตา กรามของเขาขบกันแน่น ก่อนเค้นเสียงต่ำออกคำสั่งคนของตน
“รัญชิดา! กลับไปที่รถเดี๋ยวนี้!
“อย่าข่มขวัญภรรยาตัวเองอย่างนั้นสิ ปฐพี” เมธีลากเสียงยียวน หวังเติมเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟให้ลุกโหมยิ่งขึ้น
“อย่ายุ่งกับเธอ” ปฐพีเค้นเสียงต่ำเตือน จ้องตาคู่อริชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน
เมธียิ้ม พอใจที่เห็นศัตรูออกอาการหวงเมียชัดเจน พลางยักไหล่ท่วงท่าสบาย ๆ  “จะอะไรกันนักหนาเล่า เราก็เพื่อนบ้านกัน จะหยุดทักทายกันบ้างนายจะหัวเสียทำไม”
รัญชิดาแปลกใจที่เห็นว่า เมธีไม่สะทกสะท้านต่อคำขู่ของปฐพี แล้วยังมีสีหน้าเบิกบานยั่วโทสะเขาเสียอีก
 “แต่ฉันไม่เคยถือว่าคนอย่างนายเป็นเพื่อน ไม่ว่านายจะสิงสถิตอยู่ตรงส่วนไหนบนโลกใบนี้” ปฐพีปฏิเสธเสียงแข็ง  ทุกความรู้สึกของเขามีแต่ความเหยียดหยามให้กับผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าศัตรูถาวร ก่อนจะหันมาตวาดหญิงสาวที่มัวยืนนิ่งงัน “เป็นหินไปแล้วหรือไงถึงไม่ได้ยินว่าฉันบอกให้กลับไปที่รถ!
รัญชิดาแทบทำนบพังเพราะเสียงดัง ๆ ของเขา ซึ่งเธอยังไม่เข้าใจจนถึงวินาทีนี้ว่าเธอทำอะไรผิด?
ใบหน้าซีดเผือดหันไปทางเมธี “คุณเมธีคะ ฉันขอของคืนเถอะค่ะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของหญิงสาวทิ้งไปที่ถุงหิ้วในมือของชายหนุ่ม เมื่อได้รับของคืนเธอจึงจากพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ 
เมธีหัวเราะในลำคอ เขาถอดหน้ากากสุภาพบุรุษออกทันทีที่เห็นเป้าหมายสาวเดินห่างไปมากแล้ว ซึ่งถ้าหญิงสาวจะหันมามองสักนิดจะเห็นว่าลับหลังตนไปแล้วนั้น แววตาชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยนคราแรกในเวลานี้เปลี่ยนแปลงเช่นไร
“หาเมียได้สวยดีนี่”
“อย่ายุ่งกับเธอ” เสียงเข้มคำรามของปฐพี เต็มไปด้วยความอดทนอดกลั้นต่อศัตรูที่พร้อมจะฟาดฟันอย่างไม่เกรงกลัว
 “นายห้ามฉันเรื่องนี้ไม่ได้หรอกน่า นายก็รู้ ถ้าฉันอยากได้ผู้หญิงคนไหน ฉันต้องได้” เมธีหรี่ตา ลากน้ำเสียงกวนโทสะฝ่ายตรงข้ามไม่ลดละ “โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของนาย”
“ลองดู ถ้านายคิดว่าจะแตะต้องผู้หญิงของฉันได้ โดยที่นายไม่ได้รับผลที่ตามมา” ปฐพีทิ้งคำขู่ และก้าวห่างมาอย่างโกรธจัด
เมธีมองเบื้องหลังศัตรูจนลับก่อนเผยรอยยิ้มเหยียด กับข่าวซุบซิบของเหล่าคนงานไร่ปานเทวาที่ดังมาถึงไร่เรืองเดช  ว่านายใหญ่เจ้าของไร่มีเมียสวยและหวงเมียราวจงอางหวงไข่
“ ดี หวงเข้าไปมาก ๆ” เมธีหัวเราะในลำคอ

ปฐพีขับรถกลับเข้าไร่ ภายใต้อารมณ์ขุ่นมัวชายหนุ่มกำลังคิดถึงเมธี คู่ปรับเก่าที่อยู่ร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน เมธีเป็นลูกชายคนเดียวของข้าราชการชั้นสูงที่หลงระเริงกับอำนาจ บิดาของเมธีมักใช้อำนาจในหน้าที่กอบโกยสินบนจากแหล่งอบายมุขทุกชนิด แต่โชคเข้าข้างข้าราชการฉ้อฉลได้ไม่นาน เมื่อเขาถูกตรวจสอบพบความประพฤติมิชอบและถูกตัดสินให้พ้นจากข้าราชการพร้อมกับถูกจับดำเนินคดี แต่บิดาของเมธีทนรับความอัปยศอดสูที่ตนเป็นผู้ก่อไม่ได้จึงชิงฆ่าตัวตาย
เมธีอาศัยเงินมรดกของบิดามากว้านซื้อไร่เล็กไร่น้อยประติประต่อกันจนกลายเป็นไร่ผืนใหญ่ เปิดตัวธุรกิจไร่องุ่น เรืองเดช ด้วยการลงทุนซื้อตัวผู้ชำนาญงานพืชไร่มาไว้หลายคน รวมทั้งจ้างนักวิทยาศาสตร์ทางด้านเพาะเมล็ดพันธ์จากฝรั่งเศสมาเพิ่มคุณภาพผลผลิตให้กับไร่ของตนเพื่อประกาศเป็นคู่แข่งทางการค้ากับไร่ปานเทวา แต่ฐานลูกค้าเก่าทั้งในและนอกประเทศที่ติดต่อกันแต่ครั้งบรรพบุรุษยังให้ความไว้วางใจในผลผลิตจากไร่ปานเทวา ยอดจากผลผลิตของไร่เรืองเดชจึงไม่อาจเทียบได้เลย
ที่เป็นเช่นนั้นมิใช่ว่าผลผลิตไร่เรื่องเดชไม่ได้คุณภาพ แต่เพราะเมธีไม่ได้ให้ความใส่ใจงานไร่อย่างจริงจัง ซึ่งปฐพีรู้ว่าที่เมธีต้องการเปิดธุรกิจองุ่นมิใช่เพียงเพื่อหวังเอาชนะคละคานเขาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเมธีมีธุรกิจผิดกฎหมายอยู่เบื้องหลัง ถึงแม้ตำรวจจะรู้ระแคะระคายแต่ขาดหลักฐานที่จะเอาผิดได้ ที่สำคัญมีตำรวจส่วนหนึ่งรับสินบนจากเมธีด้วย จึงทำให้เมธียังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้เรื่อย ๆ  
รถจอดสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ รัญชิดาลงจากรถได้ก็วิ่งตามคนตัวใหญ่ที่ลงก่อนทันที
“คุณปฐพี คุณไม่พอใจอะไรฉันหรือคะ?” รัญชิดาต้องการคำอธิบายเพราะทนไม่ได้ที่จะถูกเขาโมโหใส่อย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ 
“ฉันไม่พอใจอะไรเธอไม่จำเป็นต้องรู้ แค่จำให้ได้ว่าฉันไม่อนุญาตให้เธอพูดคุยกับผู้ชายคนนี้ก็พอ” ปฐพีไม่มีเหตุผลให้กับหญิงสาวตอนนี้ เขาเพียงตั้งปณิธานว่าจะต้องกันหญิงสาวให้ห่างภัยจากนายเมธีเท่านั้น
“เขาทักทายฉัน ฉันก็แค่ทักทายตอบ ก็คุณกับเขาเป็นเพื่อนบ้านกันไม่ใช่หรือคะ?” รัญชิดาตระหนกกับสีหน้าชายหนุ่มที่บึ้งตึงขึ้นมาอีก แต่เธอทำใจดีสู้เสือ ทำไงได้เขาไม่ยอมบอกเหตุผลที่โมโหใส่เธอนี่
“ไม่ใช่! มันไม่ใช่เพื่อนบ้านของฉัน” ปฐพีบอกเสียงเครียด และคิดอยากจับเขย่าหญิงสาวตรงหน้าให้หัวสั่นหัวคลอน ที่นับเจ้าคนต่ำช้านั่นมาเป็นเพื่อนบ้านของเขา
“ฉันไม่รู้นี่คะ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านกับคุณ ฉันก็เลย..” เธอพยายามจะอธิบายถึงเหตุที่ต้องมีมารยาทกับนายเมธี แต่เสียงห้วนของปฐพีดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ก็เลยยืนคุยกันจนเพลิน ฉันจะบอกอะไรให้รัญชิดา ไอ้นั่นมันเป็นอริกับฉัน และฉันขอห้ามเธอยุ่งเกี่ยวกับมัน แม้แต่พูดคุยก็ไม่ได้”
ปฐพีเปรียบเมธีเหมือนซาตานในคราบเทพบุตร หญิงสาวหลายคนต่างหลงใหลเมธีจนเสียผู้เสียคน บางคนถึงขนาดทิ้งครอบครัวมาเพียงเพื่อจะรอวันที่เมธีเขี่ยทิ้งในที่สุด แต่ทั้งนี้ไม่รวมนักศึกษาสาวผู้น่าเวทนาคนหนึ่ง เพียงเพราะเธอแอบมีใจให้กับเขา จึงกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของเมธี ด้วยการถูกล่อหลอกให้เธอตายใจว่ามีเทพบุตรมาช่วยปลอบขวัญและให้กำลังใจที่ไหนได้กลายเป็นซาตานมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงจนไม่เหลือชิ้นดี  
และเมื่อเหยื่อสาวเกิดตั้งท้อง และขอร้องให้เมธีรับผิดชอบ นอกจากเมธีปฏิเสธความรับผิดชอบแล้ว ยังนำคลิปลับของหญิงสาวในท่วงท่าต่าง ๆ มาเปิดเผย สาวผู้อื้อฉาวในพริบตาอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าสังคมจึงหนีหายสาบสูญ   
“เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหมรัญชิดา” ปฐพีเอ่ยย้ำเสียงเข้ม สายตาคมจ้องใบหน้านวลนิ่ง พลางครุ่นคิดว่า ถ้าหากรัญชิดารู้เรื่องราวต่ำช้าของเจ้าหมอนั่น หญิงสาวจะยังอยากคุยกับมันอีกไหม
“ค่ะ” รัญชิดาตอบรับเสียงแผ่วทั้งที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย สายตามองเห็นริมฝีปากหนาของเขาขบเม้ม ท่าทางแบบนี้แสดงถึงสภาวะอารมณ์ครุ่นคิดของเขา “อุ้ย! คุณ..” ร่างทั้งร่างสะดุ้งกับมือหนาที่คว้าตะปบมาบนท่อนแขน ก่อนออกแรงฉุดรั้งให้เธอเข้าไปหา ความที่ยังไม่ทันตั้งตัวทำให้เธอเสียหลัก ร่างเล็กติดมือถลาเข้าสู่อ้อมอกเขาอย่างจัง
“คุณปฐพีปล่อยเถอะค่ะ” ใจสาวเต้นระทึก ไม่คิดว่าปฐพีจะเปิดฉากจู่โจมเธอท่ามกลางสายตาคนงานที่ลอบมองมาเป็นระยะ
 “รัญชิดามันยากนักหรือไงกับแค่ทำตามคำสั่งของฉัน” ปฐพีปล่อยเสียงเครียดชิดริมหูของหญิงสาว
ส่วนหญิงสาวที่จำต้องสบตาของเขาในระยะใกล้ชิดก็ทำให้หัวใจสั่นสะท้าน ด้วยนัยน์ตาคมคุกรุ่นด้วยอารมณ์ร้อนร้าย
“ปล่อยฉันเถอะค่ะคุณปฐพีคนงานมองกันใหญ่แล้ว” ทั้งหวาดหวั่นและเขินอายคนงาน ทำให้มือเรียวออกแรงดันตัวห่างอกแกร่ง อย่างน้อยเพื่อไม่ให้อกต่ออกได้แนบชิดกันมากกว่านี้
หญิงสาวใช้ทั้งน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนให้เขาปล่อยตัวเธอเป็นอิสระ ทว่าแรงยึดไม่ลดลงแล้วยังเพิ่มแรงตรึงแน่นเข้าไปอีก ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกว่าด้านหลังถูกดุนให้ตัวเธอแนบชิดตัวเขามากขึ้น
“มองก็มองไปสิ เรื่องผัวๆเมีย ๆ พวกคนงานมองเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย แล้วฉันก็เป็นผัวเธอจะอายทำไม ทียืนกับผู้ชายคนอื่นได้นานสองนานปล่อยให้ฉันยืนคอยจนหัวเสียไม่เห็นอาย” ปฐพีพูดแดกดัน พร้อมกับตรึงร่างเล็กในอกให้อยู่นิ่ง หมั่นไส้ ที่เห็นอีกฝ่ายยืนคุยกับคนแปลกหน้าได้นานสองนาน แต่กลับบ่ายเบี่ยงที่จะยืนกับสามีตัวเอง
“แต่ฉันไม่ใช่..ไม่ใช่ แบบที่คนงานเข้าใจนี่คะ” ยิ่งเสียงแหบรัญจวนของเขาดังใกล้แก้มของเธอเสียหนักหนา มันทำให้เธอต้องรีบคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ชวนอายนี้โดยเร็วที่สุด ดูสิ คนงานต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นจุดเดียว แต่เธอจะคิดหาวิธีอะไรดีล่ะ คิดๆๆ อ้อ เธอนึกออกแล้ว..
“คุณเคยบอกว่าจุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อคุณปรเมศร์ ฉะนั้นฉันก็เป็นภรรยาคุณแต่ในนาม และตามสัญญาที่คุณให้ไว้กับน้องชาย ก็ทำให้คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับฉันแบบนี้นะคะ”
 ร่างสูงใหญ่นิ่งงันราวถูกตรึงด้วยถ้อยคำที่พรั่งพรูจากปากของหญิงสาว ทุกถ้อยคำนั้นสามารถทำให้ทุกความคิดทุกความรู้สึกที่กำลังก่อร่างขึ้นหยุดลง
“นี่ เธอ..” ปฐพีครางขึ้นเบา ๆ มือค่อย ๆ คลายออกจากการเกาะกุม เขาพยายามข่มกลั้นอารมณ์ทั้งหมดทั้งมวล ขณะเอ่ยเสียงเครียด “เอาล่ะ กลับไปทำงานได้แล้ว แล้วอย่าลืมคำสั่ง ว่าฉันได้สั่งอะไรกับเธอไว้”
รัญชิดาหายใจสะดวกขึ้นหลังได้รับอิสรภาพ ให้ตายสิ ไม่คาดว่าการอ้างถึงคำสัญญาระหว่างเขากับน้องชายมันจะใช้ได้ผล
“ค่ะ” หญิงสาวรีบตอบรับ ก่อนจะก้าวขาสั่น ๆ อันเกิดจากความหวั่นไหวที่ได้แนบชิดกับกายชายของเขาเมื่อสักครู่ หรืออาจจะรวมสัมผัสลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดมาบนนวลแก้มของเธอด้วยก็เป็นได้
ส่วนชายหนุ่มที่ถูกตรึงด้วยถ้อยคำจนถึงกับตัวชา ก็ได้แต่เข่นเขี้ยวคนที่เดินห่างไป ก่อนจะก่นว่าตนเองในใจ ที่เผลอเข้าใกล้ร่างนุ่มหอมทีไรอดใจไม่ไหวทุกที จะมีสักครั้งบ้างไหมที่เขาจะหักห้ามความปรารถนาของตัวเองได้ หรือว่าภูมิคุ้มกันของเขาที่ใช้ต้านทานความปรารถนาในตัวผู้หญิงคนนี้ มันบกพร่องไปหมดแล้ว
เล็ก ผู้หญิงของนาย ทำให้ฉันปวดหัวแค่ไหน นายรู้บ้างหรือเปล่า ปฐพีต่อว่าต่อขานน้องชายในใจ ที่เป็นสาเหตุให้ต้องนำพาเรื่องปวดหัวมาให้ตัวเอง
 ราคาขาย: 200 + 40 = 240 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)

 
ราคาเช่า : เช่าเหมา  7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ไร่เสน่หาจองจำหัวใจราคาปก 319x10%=31 บาท + ค่าส่ง 40 = 71บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง ยอดยืม 31 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 319 บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
 
 

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น