รูปภาพจาก https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/961272
บทนำ
ห้องปฏิบัติการ ณ
พิพิธภัณฑ์กรุงไคโร
ท่ามกลางแสงสีทองเจิดจำรัส
ริมฝีปากของเขาขยับไปพร้อมปลายนิ้วที่ลากไปตามอักษรภาพโบราณ
ซึ่งบรรจุในม้วนกระดาษปาปิรุส น้ำเสียงกังวานดุจมีอำนาจกล่าวบทสวดที่พร้อมจะปลุกดวงวิญญาณให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา
‘ข้าคิยา
ผู้เป็นธิดาแห่งองค์สุริยเทพ ร่างของข้านอนสงบภายใต้คาถาของพระองค์
เมื่อใดข้อความของข้าถูกอ่าน คาของข้าจะถูกปลดปล่อย และเมื่อใดฟาโรห์อัคเคนาเตนเรียกขานพระนามของข้า
ข้าจะตื่นจากการหลับใหล..’
ขณะที่เสียงสวดกำลังดำเนินไป
เทพเจ้าอนูบิสได้ล่องเรือสุริยะอยู่บนลำน้ำไนล์ นำพาดวงวิญญาณของพระนางข้ามจากโลกหลังความตายมุ่งสู่ปลายอุโมงค์ที่เห็นแสงสีทองอยู่ลิบ
ๆ ระหว่างเดินทางมีเหล่าเทพเทวี ทั้งเกปเทพเจ้าพื้นโลก และนัทเทพแห่งท้องฟ้ายืนร่วมกันประทานพร
ให้ดวงวิญญาณของพระนางพบกับความสุขสมหวัง เทพธอธอวยพรให้มีสติปัญญา
สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกใหม่ได้ดี และเทพเจ้าองค์อื่น ๆ
ก็ร่วมอวยพรให้การกลับสู่ร่างของพระนางนั้นราบรื่นปลอดภัย
บทที่ 1 ของขวัญจากอียิปต์
แสงแห่งอรุณรุ่งส่องผ่านม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าของคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ตรงโต๊ะทำงานตัวใหญ่มีชายหนุ่มในชุดนอนสีเทาอ่อนนอนฟุบหลับ
เปลือกตาใต้คิ้วหนาขยับถี่ ๆ ก่อนลืมตาตื่นแล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง
อาทิตย์ นฤบดินทร์
ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ เจ้าของธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ เหลือบมองแสงสีทองส่องลอดผ่านม่านบางเบา
เขาส่ายศีรษะก่อนใช้มือตบท้ายทอยเบา ๆ ขับไล่ความงุนงง ผลมาจากนั่งทำงานเพลินจนเผลอหลับ
ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดขึ้นต้องการจะไปรูดผ้าม่านเปิดออกให้กว้าง การได้รับแสงสว่างกว่านี้อาจทำให้เขาตื่นเต็มตามากขึ้น
พลันมือไพล่ไปปัดของแข็ง เขาก้มลงมองเจ้าของสิ่งนั้น มันคือพัสดุนั่นเอง
อาทิตย์จำได้ว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับจึงเข้ามานั่งในห้องทำงาน
คิดจะตรวจดูเอกสารการประชุมสักหน่อย เผอิญเห็นพัสดุที่นนทัชผู้เป็นน้องชายส่งมาจากอียิปต์
เขาให้ความสนใจแกะห่อพัสดุทันที ซึ่งได้เห็นสิ่งของที่ถูกส่งมาเท่านั้นความสนใจก็หมดสิ้น
เพราะมันคือหีบหินสลักที่น้องชายระบุอายุสามพันปี เขาไม่นิยมชมชอบวัตถุโบราณ
เขาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบอะไรเก่า ๆ ต่างจากน้องชายที่ชอบโลกอดีต
ซึ่งเมื่อเดือนก่อน
เขาฟังแผนการเดินทางไปทำสารคดีของนนทัช อาทิตย์ยอมรับว่าไม่เห็นด้วยกับการเดินทาง
แต่นนทัชยืนกรานจะไปร่วมทำสารคดีสุสานอียิปต์กับกลุ่มของอังเดร
ชายวัยห้าสิบเป็นนักไอยคุปต์วิทยาชาวอเมริกัน
ผู้มีชื่อเสียงทางด้านอ่านอักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิก นนทัชไปอียิปต์เพียงอาทิตย์เดียวก็ส่งข่าวมาว่าได้ประมูลหีบหินสลัก
ที่มีคนพบในสุสานมัมมี่องค์ฟาโรห์อัคเคนาเตนเมื่อนานมาแล้ว
และถูกขายส่งต่อกันมาเป็นทอด ๆ
“นายนนนะนายนน รู้ว่าพี่ไม่ชอบของพวกนี้
ก็ยังจะส่งมา” ปากบ่นน้องชาย มือของเขาก็ยกลูบไปบนฝาหีบแล้วเปิดออก ‘อะไรของแกเนี่ยนายนน แกส่งอะไรมาให้ฉัน’ อาทิตย์สบถในใจอย่างหัวเสีย เมื่อดันฝาหีบเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
จากนั้นเขาก็ลุกไปรูดม่าน ไม่คิดจะแตะต้องของขวัญจากอียิปต์ ทว่า..
“ทำไมถึง?” อาทิตย์เหมือนถูกจูงใจด้วยอำนาจบางอย่าง
และชักพาให้เขาย้อนกลับมาหามันจนได้
มือหนาแข็งแรงเอื้อมไปสัมผัสริ้วผ้าลินินเก่า
ๆ ที่ถูกยัดไว้ในหีบ ปลายนิ้วสัมผัสลงเนื้อผ้า ทันใดนั้น
เสียงสวดสะท้อนเข้ามาในโสตประสาทของเขา
เสียงนั้นสะท้อนเหมือนคลื่นน้ำที่พลิ้วไหว
ไม่นานก็เงียบหาย และในขณะเดียวกัน ปรากฏคาทูชสลักอักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิกสีทองลอยเด่นอยู่เหนือกองผ้า
ซึ่งสิ่งที่ไม่คาดคิดต่อจากนั้นคือเขาเปล่งเสียงราวเรียกขานมัน
“คิยา!” รูปสลักคาทูชหายไป
อาทิตย์ไม่รู้ว่าตนกล่าวอักษรภาพเหล่านั้นไปได้อย่างไร
แต่เท่าที่มีสติเขาได้ยินเสียงของตนดุดันและมีอำนาจ เขาชักมือจากกองผ้า ก้าวถอยหลังพร้อมเหลียวมองรอบกาย
มีเสียงฟังไม่ได้สรรพดังสะท้อนอีกครั้งแล้วเงียบหาย สายตาคมกวาดมองไปรอบ ๆ มองหาสิ่งผิดปกติ
ที่สัญชาตญาณเตือนว่าเขากำลังจะเผชิญกับอะไรสักอย่าง
ตอนนั้นเองที่แสงสีทองจากฟากฟ้าส่องเป็นลำลงมา ริ้วผ้าพวกนั้นต้องแสงก็ลอยขึ้นหมุนวนพันกันหลายตลบ
อาทิตย์มองตาไม่กะพริบ ท่ามกลางริ้วผ้ายาวม้วนวนอย่างต่อเนื่อง ความเงียบที่เกิดภายในห้องสร้างความอึดอัดใจให้กับเขา
ในนาทีมันหุ้มห่อกันจนกลายเป็นร่างมนุษย์!
อาทิตย์รู้สึกว่าทุกรูขุมขนของเขากำลังถูกซอกซอนด้วยความเหน็บหนาว
เหตุจากสิ่งที่เรียกได้ว่ามัมมี่มันกำลังเคลื่อนไหวคล้ายกำลังสนองตอบต่อลำแสงนั่น
‘เป็นไปไม่ได้’ ชายหนุ่มหายมึนศีรษะเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อใต้เนื้อผ้าเริ่มมีเนื้อหนา ซึ่งก็ทำให้มันมีรูปร่างสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ
มันมีชีวิตขึ้นมาแล้ว!
อาทิตย์จับตามองร่างหุ้มผ้าดิบสีขาวเก่า
ๆ ก้าวมายืนประจันหน้ากับตน ได้ยินเสียงหอบหายใจหนัก ๆ เหมือนมันพยายามต่อสู้กับอาการหายใจติดขัดของตัวเอง
ก่อนจะค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะหายใจสม่ำเสมอในระดับปกติ ซึ่งทรวงอกสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจนั้นทำให้เขารู้ว่าเป็นมัมมี่สตรีเพศ
‘อะไรกัน?’ อาทิตย์สับสนกับความคิดตัวเอง ซึ่งไม่มีครั้งใดในชีวิตที่เขาปฏิเสธทั้งเหตุผลและความจริงเท่าครั้งนี้
ด้วยมัมมี่ร่างอิสตรีที่ยืนเด่นอยู่ แม้ทุกสัดส่วนถูกซ่อนภายใต้ผ้าขาวขุ่น
แต่ก็พอคาดคะเนได้ว่าตอนเป็นมนุษย์เจ้าหล่อนต้องมีรูปร่างเพรียวบาง
ส่วนทางด้านของมัมมี่ ในท่ามกลางรังสีแสงแห่งรุ่งอรุณ
พระนางมีความรู้สึกว่าตนเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ขยายกลีบออกช้า ๆ เพื่อรับแสงจากดวงอาทิตย์
ลำแสงสีทองสาดส่องเข้ามากระทบนัยน์ตา ทิวากาลนี้คาของพระนางได้กลับมาหาร่างเดิมตามคำบัญชาขององค์เทพรา
พระบิดาผู้มีพระพักตร์เป็นเหยี่ยว เหนือพระเศียรมีดวงสุริยะลอยเด่น พระองค์ปรากฏกายมาประทานความเมตตา
ด้วยพระนางเป็นธิดาของพระองค์ ที่ถูกส่งมาเป็นของขวัญแด่องค์ฟาโรห์ ทว่าพอดวงวิญญาณของพระนางมาถึง
กลับฟื้นขึ้นมาในห้องสี่เหลี่ยมของคนยุคใหม่ หาใช่สุสานเก็บพระศพ
แต่ถึงพระนางจะตื่นขึ้นในสถานที่ไม่คุ้นเคย
หากมหาบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับให้ความรู้สึกเบิกบานใจ
“ท่านพี่อัคเคนาเตน”
แม้กาลเวลาจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป แต่ยอดดวงใจของพระนางไม่เปลี่ยนแปลงเขายังคงมีคุณลักษณะมหาบุรุษผู้ทรงอำนาจอีกทั้งรูปงามเช่นเดิม
แม้ใบหน้าคล้ายว่าเขากำลังใช้ความพยายามฉุดตัวเองให้หลุดจากฝันร้ายเช่นนั้นก็ตาม
อาทิตย์ซึ่งถูกความเงียบอึ้งปล้นเอาคำพูดไปเสียหมด
และแทบจะปล้นลมหายใจของเขาไปด้วย แต่แล้วเขาก็สามารถเค้นเสียงกล่าวถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าออกมาจนได้
“มัม..มี่”
“ข้า คิยา นามนี้ท่านพี่เรียกขานข้า”
พระนางให้คำตอบ
“เรียกขาน?”
อาทิตย์หรี่ตา นึกประเมินสถานการณ์กองผ้าเก่า ๆ ที่ห่อหุ้มกันเป็นร่างมัมมี่ พร้อมกับคาทูช สิ่งที่ใช้สลักอักษรภาพเป็นชื่อของชาวอียิปต์โบราณที่นนทัชเคยลงนิตยสารอยู่บ่อย
ๆ
“ใช่ คาทูชที่ปรากฏคือชื่อของข้า การที่ข้าตื่นเมื่อถูกเรียก
นั่นก็หมายถึงว่า ท่านคือ พระสวามีของข้า ฟาโรห์อัคเคนาเตน”
“ผมชื่อ อาทิตย์ และ..ไม่ใช่ฟาโรห์” อาทิตย์จ้องค้าง แม้ในอกจะเต้นระทึกกับริมฝีปากบางที่ขยับพ้นขอบผ้า
แต่เขามีสติพอที่จะปฏิเสธ
“ชื่อใหม่ของท่านรึ แต่ข้าชอบอัคเคนาเตนมากกว่า”
พระนางเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดทุกคำ พลางนึกขอบคุณองค์เทพราที่ประทานให้พระนางได้มีชีวิตใหม่แล้วยังทรงบัญชาเหล่าเทพเทวีมอบการเรียนรู้
เพื่อให้พระนางปรับตัวกับโลกยุคใหม่ได้อย่างไม่ติดขัด
“แต่มันเป็นชื่อของผม” อาทิตย์แย้ง
นึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ต้องมาเผชิญกับเรื่องเหลือเชื่อ “ว่าแต่คุณเป็นใครกัน” เขาถามเสียงแข็ง
หมดสิ้นความกลัวเมื่อเห็นว่ามัมมี่ตนนี้ตอนตายท่าจะยังวัยรุ่น การพูดจาจึงดูไร้เดียงสา
“ข้าคือพระนางคิยา ราชินีองค์รองของท่าน”
พระนางเป็นเพียงราชินีรอง หากแต่เป็นราชินีที่องค์พระสวามีสถาปนาให้ด้วยองค์เอง
ต่างจากราชินีทุกพระองค์ที่ล้วนอภิเษกตามเหตุผลทางการเมือง “วันที่ข้าหลับใหลในสุสานท่านให้เหล่านักบวชสวดผนึกคาถาเรียกคาของข้าไว้
และท่านจะเป็นผู้ปลุกข้าฟื้นขึ้นมา”
ซึ่งม้วนปาปิรุสระบุว่าคาของพระนางจะเป็นอิสระด้วยบทสวดถอดคาถาอักษรภาพ
และเมื่อใดคาทูชพระนามคิยาถูกเรียกขาน พระนางก็จะตื่นจากการหลับใหล
ซึ่งมีเพียงผู้เดียวจะมองเห็นคาทูชได้ นั่นคือองค์ฟาโรห์อัคเคนาเตน
“มีอักษรภาพโบราณผุดขึ้นมาเหนือกองผ้าของคุณ
ผมไม่รู้ว่าอ่านมันได้ยังไง โอ ให้ตายสิ นายนนมันเป็นบ้าหรือยังไง
ถึงส่งคุณมาให้ผมเนี่ย” อาทิตย์ก่นว่าน้องชายที่ส่งปัญหามาให้ ดูอย่างตอนนี้สิ
เขาควรจะทำอย่างไรกับมัมมี่ร่างนี้ในเมื่ออีกสักพักเด็กทำงานบ้านก็จะต้องขึ้นมาทำความสะอาด
อีกทั้งคู่หมั้นของนนทัชก็จะเดินทางมารับเอกสารลงลายเซ็นอนุมัติ ‘ถ้าได้เห็นสิ่งที่ยืนอยู่นี่บ้านคงแตก’
อาทิตย์หันรีหันขวางคิดหาวิธีแก้ปัญหา
สรุปเขาต้องหาที่ทางให้มัมมี่อยู่ก่อน ไม่เช่นนั้นใครมาเห็นอาจเกิดความโกลาหล
“ท่านพี่ ท่านปรารถนารู้สิ่งใดอีก” มัมมี่พระนางมองสงสัยผ่านผ้าหุ้มห่อ
“ยังมีเวลาที่คุณจะตอบคำถามผม
ตอนนี้ไปกับผมก่อน” เขาบอกเสียงเครียด แล้วคว้าหีบหินสลักบนโต๊ะ
“ไปไหน?” มัมมี่เอียงคอมองเห็นสีหน้ายุ่งยากใจของมหาบุรุษ
“ห้องของผม เพราะห้องนี้เดี๋ยวเด็กทำงานบ้านจะขึ้นมาทำความสะอาด
และคู่หมั้นของน้องชายผมก็จะมาอีก ฉะนั้นผมต้องหาที่อยู่ให้คุณ เดินตามผมมา”
อาทิตย์ไม่รีรอตอบคำถาม เขาก้าวเดินนำแต่แล้วหยุดชะงักเท้า
และหันกลับมา
“ผมลืม ว่าคุณต่างจากผม”
“แล้วอย่างไรล่ะ” มัมมี่พระนางไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสิ่งใดกันแน่
“คุณแปลงเป็นมนุษย์ไม่ได้เหรอ
อียิปต์โบราณมีมนต์คาถามากมาย ไม่มีสักบทที่จะร่ายให้มัมมี่แปลงเป็นมนุษย์บ้างหรือ”
“เหตุใดข้าต้องแปลงเป็นมนุษย์”
พระนางสงสัย
“ก็ผมไม่อยากให้ใครมองว่าผมเป็นคนบ้านะสิ
เป็นคุณจะทำยังไง ถ้าจู่ ๆ มัมมี่โผล่มายืนในบ้านอย่างนี้”
“ข้าเข้าใจท่านแล้ว
ตราบใดที่องค์มหาเทพโอซิริสยังคุ้มครองร่างแท้ของข้า ข้าจะสามารถใช้คาของข้าเนรมิตร่างมัมมี่ให้เหมือนร่างเดิมของข้าได้”
“งั้นแปลงเลย เดี๋ยวนี้” อาทิตย์คุ้นชินการออกคำสั่ง
และใช้น้ำเสียงเฉียบขาด
“ท่านช่างใจร้อนมิเปลี่ยน” พระนางถอนใจ
จากนั้นริ้วผ้าลินินที่ห่อหุ้มร่างไว้คลายตัว ท่ามกลางสายตาจ้องมอง ขณะคลายผ้าออกจากร่างอย่างต่อเนื่อง
เผยรูปลักษณ์อิสตรีที่มีเนื้อหนังอ่อนนุ่มผิวพรรณผุดผ่องลออตา
อาทิตย์มองจ้องค้างกับผ้าพันที่หลุดร่วงลงแทบเท้า
เผยเรือนร่างเพรียวบางเปล่าเปลือย บนใบหน้าเรียวขาวประดับดวงตาสีดำประกายน้ำเงิน ท่อนแขนกลมกลึง
หัวไหล่กลมมน ทรงผมดำประบ่า
ดวงตาคมเข้มมองตะลึงหญิงสาวแสนสวยท่ามกลางกองผ้า
ผิวพรรณเธอเรียบเนียนตรงข้ามกับผิวหนังซีดแข็งเมื่อสักครู่อย่างเหลือเชื่อ
ใครจะคาดคิดว่ามัมมี่คืนชีพจะแปรสภาพเป็นอิสตรีโดยปราศจากสภาพคนตายที่ถูกชุบด้วยน้ำยา
แล้วยังมีความสวยเย้ายวนใจอีก
“ท่านพี่ปรารถนาให้ข้าทำสิ่งใดอีก” มัมมี่พระนางเอ่ยถาม
ริมฝีปากที่ดูอ่อนนุ่มเผยยิ้มจาง ๆ เมื่อเห็นมหาบุรุษจ้องพระนางตาค้าง
“ใส่เสื้อผ้า” อาทิตย์อึกอักที่จะบอกสิ่งที่อีกฝ่ายควรกระทำเป็นอันดับแรก ต่อเมื่อคิดว่าตนควรให้ความเอื้อเฟื้อเครื่องนุ่งห่มจึงก้าวยาวไปหยิบเสื้อสูทที่พาดพนักเก้าอี้มาช่วยคลุม
“ใส่เสื้อตัวนี้ไปก่อน แล้วผมจะหาเสื้อผ้ามาให้”
ขณะปกปิดเรือนร่างอีกฝ่าย อาทิตย์ก็หาวิธีลดความประหม่าที่ส่งให้เกิดอาการมือสั่น
ด้วยการหาเรื่องชวนคุย
“ตอนทำมัมมี่คุณอายุเท่าไหร่”
“สิบเจ็ด” พระนางให้คำตอบ แววตารื่นรมย์ขณะจ้องมองอากัปกิริยาพระสวามีผู้กำเนิดเป็นมนุษย์
นั่นเพราะพระนางรู้ว่าเรือนร่างของตน แม้ตอนทำมัมมี่จะอายุเพียงสิบเจ็ด
หากทรวดทรงกลับมีมากเกินวัย และมันมีผลอย่างไรกับบุรุษ
ใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้ว พระนางก็เอ่ยถาม
“มีสิ่งใดที่ท่านปรารถนาให้ข้าต้องทำอีก”
“มี
แต่ตอนนี้คุณต้องไปที่ห้องของผมก่อน ตามผมมา” เขาตอบทันควัน ระหว่างนั้นนึกประหลาดใจตนเอง
เห็นการแปรสภาพคาตาเหตุใดเขาไม่นึกกลัวผู้หญิงคนนี้เลย
อาทิตย์เดินไปรวบผ้าลินินที่กองอยู่บนพื้น
แล้วยัดใส่หีบหินสลัก เขาเดินนำออกจากห้องทำงานโดยเร็วไม่คิดตอบคำถามใดอีก เขาพาพระนางมายังห้องนอนของเขาเอง
เมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัวขนาดกว้างขวางหรูหราที่แยกส่วนเตียงนอนกับมุมโซฟา อาทิตย์วางหีบหินสลักไว้บนโต๊ะกลาง
แล้วชี้เชิญให้อิสตรีอียิปต์นั่งลงเก้าอี้ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ชั่ววินาทีมีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง
และมันทำให้เขารีบเอ่ยถาม
“คุณจะอยู่ในร่างเนรมิตนี้ตลอดไปได้หรือเปล่า”
“ข้าจะอยู่ในร่างเนรมิตนี้ได้ทุกวัน
แต่ไม่ตลอด เพราะถ้าเมื่อใดพลังชีวิตของข้าอ่อนลง ข้าต้องกลับเป็นมัมมี่ และถ้ามีผู้ใดแตะต้องร่างแท้ของข้าในสุสาน
ร่างเนรมิตของข้าจะสลาย และคาของข้าจะไม่สามารถไปกำเนิดใหม่ ข้าจะถูกขังอยู่ในโลกหลังความตายตลอดกาล”
“หมายถึงดวงวิญญาณของคุณจะวนเวียนอยู่ในโลกไปตลอดกาลงั้นหรือ”
อาทิตย์คิดว่าช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน การมีชีวิตอมตะสำหรับเขาว่าแย่แล้ว
การที่วิญญาณไม่ได้ผุดได้เกิดแล้วยังวนเวียนในโลกมืดไปชั่วนิรันดร์ยิ่งแย่กว่า
“ใช่ แต่ตราบใดที่ร่างข้ายังอยู่ดี
ข้าก็จะใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดาได้เรื่อย ๆ แต่ข้าชอบร่างมัมมี่ของข้ามากกว่า
เพราะการอยู่กับผ้าพวกนั้นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้ข้ามีอำนาจ
การอยู่ในร่างเนรมิต ข้าจะปราศจากอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น”
“แต่การที่คุณจะอยู่บ้านของผม คุณจะต้องมีตัวตนเหมือนคนธรรมดา”
อาทิตย์ให้เหตุผล พลางมองของขวัญจากอียิปต์อย่างหนักใจ
มัมมี่หัวใจพันทิวากาล
ทำมือขาย: 150 + 40 = 190 บาท
ยอดโอนยืม ราคาปก 175 + 40 = 215
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่งร้านรับคืนหนังสือแล้วโอนคืนลูกค้า 175-17=158 บาท
เงื่อนไขราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ตัวอย่างการยืม
เช่น นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว
จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น