นิยายเปิดเช่าและขาย
เรื่องมัมมี่หัวใจพันทิวากาล
“เอาล่ะ ทีนี้เราจะมาพูดตกลงกัน” เขามองดวงตาสีดำที่ตอนนี้มีประกายน้ำเงิน
ขณะเตรียมกล่าวอย่างเป็นงานเป็นการ แต่คู่สนทนากลับโพล่งขึ้นมาว่า
“ข้าหิว”
อาทิตย์เกิดอาการอึ้ง
“คุณเป็นมัมมี่นะ?”
“แต่ตอนนี้ข้าเป็นมนุษย์ ข้าอยู่ในร่างเนรมิตนี้ข้าจะมีความต้องการเหมือนมนุษย์ทุกประการ
นอกเสียจากจะให้ข้ากลับไปอยู่ในร่างมัมมี่”
หมายความว่าตอนนี้มัมมี่มีกระเพาะเหมือนมนุษย์งั้นหรือ
“งั้นก็ รอเดี๋ยว” อาทิตย์พูดไปก็สับสนตัวเอง
“ผมว่าตอนนี้หาเสื้อผ้าใส่ก่อน แล้วผมจะไปหาอาหารเช้าขึ้นมาให้” เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ
เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยหาข้าวให้ใครกิน
“ข้าอยากอาบน้ำก่อน”
“อาบน้ำ!” อีกแหละ..อาทิตย์ร้องเสียงหลง
เดี๋ยวหิวเดี๋ยวอยากอาบน้ำ ให้ตายสิ มัมมี่เรื่องมาก “งั้นคุณไปอาบน้ำ
ผมจะวางเสื้อผ้าไว้ให้บนเตียง เดี๋ยวผมขึ้นมา”
“ข้าจะรอ” ร่างเนรมิตพูดหน้าตาเฉย
“อาบน้ำแต่งตัว..แล้วมานั่งรอ
ที่อาบน้ำอยู่ทางนี้”
ชายหนุ่มลากเสียงย้ำในสิ่งที่พระนางควรทำก่อนที่เขาจะกลับเข้ามา เขาลุกขึ้นพยักหน้าให้ร่างเนรมิตพระนางเดินตามเข้าไปยังห้องเล็กด้านใน
“นี่ห้องอาบน้ำ มีของใช้ทำความสะอาดร่างกายอยู่ในนั้น
ไม่มีของใช้ผู้หญิงหรอกนะ มีแต่ของผม” อาทิตย์หยุดพิจารณาสีหน้าคนฟัง ก่อนพูดต่อ “อาบน้ำเสร็จออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย
ผมจะกลับมาพร้อมอาหาร”
“ท่านพี่ดีกับข้ามิเปลี่ยนแปลง” พระนางปลื้มใจนัก
กาลเวลาไม่อาจลดทอนน้ำใจของเขา
แต่คนถูกชมกลับทำสีหน้าหงุดหงิด ก่อนพาเดินมาหยุดหน้าอ่างอาบ
เสียงเขาอธิบาย
“กดปุ่มเปิดน้ำตรงนี้
ปริมาณน้ำกำหนดหยุดครึ่งอ่าง ปุ่มนี้คือปุ่มชะล้างตอนเราขึ้นจากอ่าง เอ้า
อยากอาบก็อาบซะ เดี๋ยวผมมา”
พูดจบเขาก็เดินออกไป ไม่ลืมเลื่อนบานประตูกระจกปิดให้สนิท
แต่ครู่เดียวประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออก ในจังหวะที่พระนางปลดเสื้อคลุมเลื่อนลงไปกองปลายเท้าเช่นกัน
‘ให้ตายสิ’ อาทิตย์สบถใส่ตัวเอง
“ท่านพี่มีสิ่งใดจะบอกข้าอีกรึ” คิยาถาม
พลางมองดวงตาคมค้างของเขา ซึ่งคนตัวใหญ่ก็พูดจาติดขัด
“ผมแค่ แค่ อยากถาม แน่ใจนะว่าคุณจะอาบน้ำ
มันไม่มีผลกับร่างของคุณใช่มั้ย จริงแล้วผมว่าคุณไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ แต่
เออ..ยังไงก็ ผมวางชุดไว้ให้แล้วนะ”
ประตูเลื่อนปิดฉับ!
พระนางยังไม่ได้ให้คำตอบใด ๆ เขาก็ไปแล้ว เสียงฝีเท้าย่ำเร็วห่างไปจนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูด้านนอกอีกที
ทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ
‘พบท่านครานี้ ข้าไม่ใคร่เข้าใจท่านเลย’
พระนางรำพัน แล้วกลับมาให้ความสนใจกับน้ำใส ๆ
ในปริมาณครึ่งอ่าง ริมฝีปากอิ่มยิ้มปริ่มสุข ก่อนพาร่างเปล่าเปลือยลงอ่าง ใครว่าพระนางไม่ต้องอาบน้ำ
การชำระล้างเรือนร่างเป็นสิ่งที่อิสตรีพันปีโหยหาเป็นที่สุด..
นิ้วเรียวค่อย ๆ เอื้อมกดปุ่มตามคำแนะนำของมหาบุรุษ
สัมผัสลูบไล้สายน้ำไปตามผิวเปียกลื่น พอใจที่เทวีไอซิสประทานผิวพรรณขาวผ่อง
และทรวดทรงที่งดงามนี้นัก
อุณหภูมิน้ำกำลังดี
ดวงตาสีสวยกวาดมองเครื่องหอมชโลมผิว เอื้อมมือหยิบมาขวดหนึ่งดมมีกลิ่นหอมแบบบุรุษ
จึงเปิดฝาและเทละเลงบนพื้นผิว เกิดฟองสีขาวทั่วตัว พระนางวาดปลายนิ้วถูเบา ๆ
ไปตามผิวหนัง เสร็จแล้วกดปุ่มชำระล้าง ก่อนยกตัวขึ้นจากน้ำแล้วเดินออกมาทั้งตัวเปียก
มุ่งตรงไปที่เตียงนอนเพื่อสวมอาภรณ์ที่เขาบอกว่าจะวางไว้ให้ ซึ่งก็คือชุดกระโปรงสีขาวนวล
จังหวะที่สวมชุด เขาก็เข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ
‘ทำไมหนอ ต้องเข้ามาเห็นอะไรที่ทำใจสั่นแบบนี้อยู่เรื่อย’ อาทิตย์ก่นว่าตนเองในใจ
เพราะเหมือนถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาต้องเผอิญเห็นสิ่งเย้ายวนตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายหนุ่มพยายามตั้งสติก่อนเดินเอาถาดอาหารไปวางบนโต๊ะ
แล้วเดินออกไปก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง
พระนางคิยามองพฤติกรรมด่วนมาด่วนไปของมหาบุรุษอย่างไม่เข้าใจ
โดยเฉพาะเขากลับเข้ามาใหม่ในมือมีผ้าชิ้นเล็กสองชิ้น
ซึ่งอาทิตย์เห็นว่าร่างเนรมิตมัมมี่พระนางสวมชุดของมารดาที่เขาหาเตรียมไว้ให้เรียบร้อยดี
ติดที่ว่าเนื้อผ้าสีขาวแม้ไม่ถึงกับบางตา แต่ไม่อาจพรางรูปร่างความเป็นหญิง โดยเฉพาะผิวมีหยดน้ำเกาะพราวแล้วทำให้มันเปียกแนบเนื้อแบบนั้น
“คุณต้องถอดชุดออก แล้วใส่สองชิ้นนี้เข้าไปก่อน”
เขาบอก ทั้งที่ก่อนเข้ามาพยายามเรียบเรียงคำพูดแล้วเชียว หากแต่พอจะพูดจริง ๆ
กลับติดขัดไปหมด ที่แย่ก็คือพอเขาพูดจบ ชุดที่สวมอยู่บนกายสาวก็ร่วงลงมากองอยู่ปลายเท้าเรียว
‘อีกแล้ว’ อาทิตย์กลั้นหายใจไปชั่วขณะ
เขายอมรับว่าพระนางคิยาสวยมากเรียกได้ว่าสวยทั้งเนื้อทั้งตัว ทว่าสภาวะเช่นนี้เขาต้องรักษาเกียรติอีกฝ่าย
มากกว่าจะคิดเรื่องอื่น
ชายหนุ่มทนเก็บอารมณ์ตามธรรมชาติของตนไว้ เขายื่นชุดชั้นในส่งให้
แล้วบอกอย่างไม่สบตา
“ใส่ซะ”
พระนางคิยารับสิ่งที่พระสวามีมอบให้ด้วยสีหน้างุนงง
นิ้วเรียวกรีดคลี่เศษผ้าสองชิ้น พินิจสักครู่ก็แยกแยะได้ว่าอะไรควรสวมตรงไหน ชิ้นที่หนึ่งพระนางยกขาสวมเข้าไปดึงรั้งให้ปกปิดเนินเนื้อความเป็นหญิง
ส่วนอีกชิ้นมีสองเบ้าก็พอเข้าใจว่ามันอยู่ตำแหน่งใด หากมันจะสวมอย่างไรนี่ซี
“แบบนี้หรือเปล่า?” พระนางเอ่ยถาม
เมื่อลองนำมาแปะไว้บนหน้าอก เอามือกดทาบไว้ ซึ่งก็เห็นว่ามันไม่สามารถครอบคลุมไว้ได้หมด
อาทิตย์ได้ยินเสียงถามก็เบนหน้ามาดู พอได้เห็นลักษณะเก้
ๆ กัง ๆ ของพระนางกับสิ่งที่อยู่ในมือ เขาบอกอารมณ์ไม่ถูกว่าจะขำหรือสงสารตัวเองที่ดันหยิบชุดชั้นในตะขอหน้ามาให้มัมมี่สาวสามพันปี
“ผมจะติดให้” เขาตัดสินใจช่วยเหลือ เพราะไม่อย่างนั้นอารมณ์ดิบของเขาคงระเบิดเสียก่อน
อาทิตย์กลั้นใจแตะปลายนิ้วลงบนตะขอ ออกแรงดึงรั้งช่วงปลายซ้ายขวามาจรดกัน
ซึ่งดูเหมือนง่าย แต่เขาต้องข่มอารมณ์ชายเป็นอย่างมาก ในเมื่อยอดอกสีชมพูมันชูเด่นอยู่คาตา
หลังจากตะขอมันเกี่ยวกัน เขาก็ถอนหายใจแรง พระนางคิยามองมหาบุรุษด้วยความเอ็นดู
เพราะไม่เพียงเขาจะดูแลชั้นใน แต่ชุดชั้นนอกเขาก็ดึงขึ้นมาสวมให้อย่างดี
“แต่งตัวเสร็จแล้ว ก็มากินข้าว หิวไม่ใช่เหรอ”อาทิตย์เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเหตุใดต้องมาดูแลมัมมี่
แต่อีกใจก็ให้เหตุผลว่ามันเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายฟื้นขึ้นมามีตัวตนแล้วแบบนี้
หากไม่ดูแลแล้วคนงานเห็นเข้าก็อาจเกิดเรื่อง
อีกอย่างของขวัญชิ้นนี้เขารอส่งคืนให้น้องชาย จากนั้นจะพากันไปอยู่ที่ไหนก็ไปเลย
“ข้า ขอบคุณท่านพี่” พระนางคิยามองเห็นความวุ่นวายใจในแววตาของเขา
หากว่าไม่รู้จะทำอย่างไรในเมื่อตอนนี้พระนางไม่มีใครสักคนก็ต้องพึงพาเขา ดวงตาหม่นเศร้ามองเขาด้วยความน้อยใจ
หากองค์พระสวามีไม่ทันได้สังเกต เพราะตอนนี้กำลังยกชามอาหารออกจากถาด
“แม่บ้านทำข้าวต้มเสร็จพอดี ร้อนหน่อยนะ”
เขารอร่างเพรียวบางในชุดกระโปรงสีขาวสะอาดตานั่งลงตรงข้าม ก็ยกช้อนคนข้าวในชาม ความหอมกรุ่นโชยขึ้นพร้อมควันร้อน
จากนั้นก็วางลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนมาไว้ตรงหน้า
พระนางมองอาหารร้อน ๆ น่ากิน จากนั้นหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มใส่ปาก
ไม่รู้ว่ารสชาติมันอร่อยหรือเพราะห่างหายจากอาหารมาหลายพันปี ทำให้ไม่กี่อึดใจพระนางจัดการข้าวหมดชาม
“เติมอีกไหม” เขาถาม
“ไม่ ข้าพอแล้ว” พระนางส่ายหน้า
เขาหยิบชามเปล่ากลับไปวางในถาด
แล้วเอนตัวพิงพนักโซฟา สายตาคมมองจ้องก่อนจะเริ่มต้นซักถามสิ่งที่ค้างคาใจ
“คุณบอกว่าผมคือฟาโรห์อัคเคนาเตน
อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น”
“เพราะท่านปลุกข้าตื่น ด้วยการเรียกขานนามของข้า”
“ผมบอกแล้วว่าไม่รู้อ่านมันได้ยังไง
ฉะนั้นผมไม่คิดว่าตัวผมคือองค์ฟาโรห์”
“แต่ข้ารู้สึกได้ ว่าท่านคือองค์พระสวามีของข้า” พระนางยืนกราน
อาทิตย์หยุดค้าน เขาต้องการรู้ข้อมูลมัมมี่ตนนี้อีกมาก
จึงยังไม่อยากจะแย้งอะไรตอนนี้
“งั้นผมถามใหม่ การคืนชีพของคุณ
มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“มันเกิดขึ้น เพราะท่านใช้คาถาเก็บรักษาคาของข้าไว้
จากนั้นจะทรงกลับมาหาข้า ร่ายคาถาปลดปล่อยข้า ด้วยพระองค์เอง”
“คา?”
“คา คือดวงจิตของข้า ท่านให้นักบวชร่ายคาถาเก็บไว้ในม้วนปาปิรุส
ท่านใส่ม้วนคาถาไว้ในหีบหิน โจรลอบเข้ามาในสุสานมันนำหีบไปขาย มีผู้ซื้อต่อหลายทอดและพยายามอ่านคาถา
แต่สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกคำสาปแช่งของข้า
ซึ่งคนสุดท้ายที่ได้ปาปิรุสมาครอบครองก็คือน้องชายของท่าน”
อาทิตย์ได้ฟังแล้วเกิดความกังวลใจ
เกรงน้องชายจะถูกคำสาปสุสาน
“น้องชายผมอ่านมันหรือเปล่า”
“ข้าไม่รู้ ตัวข้าเองก็แปลกใจที่มองไม่เห็น
ข้าคิดว่าอาจเป็นเพราะข้าอยู่ระหว่างเดินทางข้ามจากโลกหลังความตายมาสู่อีกโลกหนึ่ง
ข้าจึงไม่สามารถเห็นได้”
“แล้วทำไมคุณเดินทางมาโผล่ที่นี่”
“เพราะผู้อ่านคาถามิใช่ท่าน ข้าจึงไม่สามารถผ่านประตูสุสานที่ปิดผนึกด้วยอิทธิฤทธิ์เทพอนูบิสไว้ได้
คาของข้าจึงถูกดึงมายังผ้าที่เคยพันร่างตอนทำพิธีศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งมันถูกเก็บไว้ในหีบหินสลักที่น้องชายของท่านได้มาจากโจร”
“เขาได้มันมาจากการประมูล ไม่ใช่จากโจร” อาทิตย์แก้ไขให้ถูกต้อง
เพราะนนทัชเดินทางไปอียิปต์สักพักก็ส่งข่าวมาว่าประมูลวัตถุโบราณได้ และจะส่งกลับเมืองไทย
ซึ่งเขาไม่คิดว่าน้องชายจะระบุพัสดุเป็นของขวัญมอบให้พี่ชาย
“ก็รับต่อมาจากโจร โลงพระศพเคลือบทองคำพวกมันก็แกะจนพรุนเอาทองไปขาย
ดีที่หีบนี่เป็นหิน ไม่เช่นนั้นไม่มาถึงมือน้องชายของท่านหรอก” น้ำเสียงพระนางเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
อาทิตย์ไม่ต้องการให้มัมมี่อารมณ์เสีย ก่อนที่เขาจะรู้เรื่องราวความเป็นมาชัดเจน
“คราวนี้เราจะมาพูดเรื่องเป้าหมายของคุณ”
“การคืนชีพไม่ใช่เป้าหมายของข้าเสียทีเดียว
แต่เป็นความปรารถนาของท่าน เหตุเพราะท่านไม่ปรารถนาพรากจากข้า จึงนำผ้าพันร่างของข้าส่วนหนึ่งมาทำพิธีเก็บคาไว้
เพื่อว่ายามท่านกลับมาจะได้ตามหาสุสานข้าและเรียกข้าให้ตื่นมาครองคู่กันอีกครั้ง”
อาทิตย์มองหีบหินสลัก
พลางเปรยขึ้น
“สุดท้ายแล้ว หีบหินใบนี้ก็มาอยู่ในมือน้องชายผม”
“อยู่ในมือของท่านพี่ต่างหาก เยี่ยงนี้ ท่านจึงเรียกขานนามให้ข้าฟื้นขึ้นมาได้”
ดูเหมือนมัมมี่พระนาง จะปักใจเชื่อว่าเขาเป็นองค์ฟาโรห์อัคเคนาเตน
“เอาเป็นว่าเก็บเรื่องสุสานไว้ก่อน รอนนทัชกลับมาค่อยว่ากันอีกที
ตอนนี้คุณอยู่บ้านผม และในบ้านก็มีคนงานหลายคน ฉะนั้นผมต้องการให้คุณเลิกใช้คำพูดโบราณ
เพราะมันจะทำให้พวกเขาสงสัย”
“แล้วท่านจะให้ข้าพูดอย่างไร”
“เราจะใช้คุณ เรียกผู้สนทนา ผมก็คือตัวผม และ
ฉันก็คือแทนตัวคุณ” เขาอธิบาย พร้อมให้อีกฝ่ายทวนคำ “คุณลองดูสิ”
เขาชี้อกตัวเอง พระนางก็เอ่ยว่า
“คุณ”
เขาชี้ไปที่ตัวพระนาง พระนางก็เอ่ยแทนตัวว่า
“ฉัน”
“ดีมาก เรื่องต่อไป
อย่าพูดอะไรกับใครก่อนที่ผมจะชี้นำให้คุณพูด” เขามองสบตามัมมี่พระนางแวบหนึ่ง
ก่อนพูดประโยคสุดท้าย “และคุณ อย่าไปไหนมาไหนโดยไม่มีผมอยู่ด้วย
ถ้าคุณปฏิบัติได้ตามนี้ คุณจะอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบ จนกว่าน้องชายผมจะกลับมา”
“ข้า เอ้ย! ฉัน เข้าใจแล้ว”
“อ้อ ผู้หญิง พูดลงท้ายด้วยค่ะ”
“ฉันเข้าใจ แล้วค่ะ”
“ดี ตอนนี้คุณอยู่ในห้องผมไปก่อน
หรือจะกลับไปอยู่ในหีบก่อนก็ได้ อย่าให้ใครเห็น ผมต้องไปเคลียร์เอกสารในห้องทำงาน เช้านี้คู่หมั้นน้องชายของผมจะมารับมันที่นี่
อยู่ในนี้นะ จำไว้อย่าออกไปไหน จนกว่าผมจะเข้ามาหา” เขาสั่งทิ้งท้าย
“ข้าจะจำไว้” พระนางรับคำ
“ฉัน” เขาท้วง เสียงอีกฝ่ายปฏิบัติตามทันที
“ฉันจะจำไว้”
“ค่ะ” เขาท้วงอีก
“ฉันจะจำไว้ ค่ะ”
อาทิตย์มองมัมมี่พระนางอย่างหนักใจ ด้วยของขวัญที่ถูกส่งมาจากอียิปต์ไม่ใช่ของขวัญธรรมดา
หากแต่เป็นสิ่งเร้นลับในยุคอียิปต์โบราณที่เรียกกันว่ามัมมี่
ราคาขาย: 150 + 40 = 190 บาท
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก มัมมี่หัวใจพันทิวากาลราคาปก 175x10%=17 บาท + ค่าส่ง 40 = 57 บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง
ยอดยืม 17 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 175
บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว
ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ
: ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ
ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ
และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น