วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไร่เสน่หาจองจำหัวใจ : บทที่12 เพื่อนบ้าน


 

นิยายเปิดเช่าและขาย

เรื่องไร่เสน่หาจองจำหัวใจ

 

 “เปิดฉากรักกลางไร่ไม่แคร์สื่อเลยนะปฐพี”
เสียงหยอกเย้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ปฐพีหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงหยุดยืนยิ้มอยู่เบื้องหลัง เมื่อครู่ตัวเขามัวอารมณ์เสีย จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถกระบะจอดเยื้องไปอีกคัน
“นายกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อไหร่ โปรแกรมเที่ยวมันหนึ่งอาทิตย์ไม่ใช่หรือสาธิต?” ปฐพีเลิกคิ้ว นึกแปลกใจเห็นเพื่อนกลับมาเร็วกว่ากำหนด
“ตีตั๋วกลับ ตั้งแต่นาทีที่ยัยศุได้ข่าวว่านายมีเมียนั่นแหละ” สาธิตกล่าวทีเล่นทีจริง เพราะตามโปรแกรมนำเที่ยวญี่ปุ่นที่เขาถูกศุภักษรคะยั้นคะยอให้ไปเป็นเพื่อนมีกำหนดกลับอีกสองวัน ทว่าพอแม่น้องสาวรู้ข่าวชายในดวงใจมีภรรยา ก็ใจร้อนบอกลาทัวร์กะทันหันพร้อมรีบรุดบินกลับประเทศไทยทันที
“เรื่องศุ ฉันต้องขอโทษนายด้วย สาธิต” ปฐพีกล่าว เพราะรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำตามความหวังของเพื่อนได้
 “ไม่เป็นไรหรอก สักวันศุก็คงทำใจได้” สาธิตเข้าใจเพื่อนเสมอ อีกทั้งปฐพีเป็นพี่ชายที่เสมอต้นเสมอปลายต่อน้องสาวของเขามาตลอด
“ศุอาจจะยังไม่ยอมรับความจริงตอนนี้ แต่ต่อไปฉันเชื่อว่าศุจะเข้าใจ เพราะสำหรับฉันแล้วศุเป็นน้องสาวที่ดีคนหนึ่ง” การได้สนิทสนมกันมานานทำให้ปฐพีมองเห็นถึงพื้นฐานนิสัยที่มีเหตุมีผลของศุภักษร แต่อีกฝ่ายมักซ่อนมันไว้ภายใต้ความเอาแต่ใจ
“ขอบใจมากปฐพีที่นายดีกับศุเสมอมา ฉันเคยบอกศุหลายครั้งเรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ แต่ศุยังยืนยันจะรอนาย ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ตามใจเขา พูดก็พูดเถอะงานนี้ฉันคงต้องทนเสียงวีนแตกของยัยศุอีกนาน”
เสียงหัวเราะของผองเพื่อนดังประสาน จากนั้นสาธิตเบนความสนใจไปที่หญิงสาวซึ่งคนงานต่างเรียกเธอว่านายหญิง
“ดูเธอน่ารักดีนะ” สายตาอ่อนโยนมองหญิงสาวรูปร่างบอบบาง แม้จะในระยะไกลแต่เค้าความงามนั้นโดดเด่นชัดเจน
ตอนที่ปฐพีเปรยเรื่องจะทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของน้องชาย สาธิตยังไม่คิดว่าเพื่อนจะดำเนินการได้เร็วทันใจเพียงนี้  อีกทั้งไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีนำตัวหญิงสาวมาด้วยการผูกมัดทางกฎหมายจริง ๆ
“ปกติไม่เคยเห็นมองใครนาน” ปฐพีเหล่ตาทำน้ำเสียงห้วน ไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นเพื่อนเปลี่ยนประเด็นสนทนา โดยเฉพาะน้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวภรรยาในนาม ยิ่งพาลหงุดหงิด และพาลเหน็บแนมหญิงสาวในใจ เสน่ห์แรงจริง
ปฐพีมองว่าเพื่อนของเขาคนนี้เป็นหนุ่มหล่อ ร่ำรวย เป็นที่ต้องตาต้องใจบรรดาสาวน้อยใหญ่ แต่ที่ผ่านมาเจ้าตัวกลับไม่เคยชายตาแลใครเป็นพิเศษสักคน
“เฮ้ นายคงไม่หึงฉัน” สาธิตค่อนข้างตกใจกับคำค่อนขอด
“ทำไมฉันต้องหึง ฉันแค่ข้องใจนิดหน่อยที่เห็นนายตาค้างกับเมียของฉัน” ปฐพีว่าแกมประชด
สาธิตส่ายหน้าเล็กน้อย เหมือนมีความขบขันเริงร่าในใจ เขาเบนความสนใจไปที่หญิงสาวอีกครั้ง
 “อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยได้พบคนที่อยากจะชื่นชมจริง ๆ เหมือนคุณรัญชิดาก็ได้ ดูเธอสิ รูปร่างบอบบางกลับทำงานแข็งขันไม่มีทีท่าเหนื่อยล้าหรือรังเกียจฝุ่นดิน เธอคงคุ้มกับตำแหน่งนายหญิงที่นายรอคอย” สาธิตพูดปนขำ ขณะมองเห็นหัวคิ้วชนกันบนใบหน้าของเพื่อน
“ฉันไม่ได้รอคอยใคร มันเป็นไปตามชะตากรรมของผู้หญิงไฮโซคนนั้นต่างหาก” ปฐพีปัดปฏิเสธและหันหลบสายตา
“ไฮโซหรือ? เธอดูไม่เหมือนอย่างที่นายพูดเลย และเท่าที่ฉันได้ยินคนงานพูดถึงเธอ  พวกเขาล้วนชื่นชมความขยันเอางานของนายหญิง และเท่าที่รู้เธอได้กลายเป็นขวัญใจของคนงานไปแล้วนะเพื่อน” สาธิตหันไปจับจ้องหญิงสาวซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตานับวัตถุดิบที่วางกองอยู่บนพื้น เขาเกิดความรู้สึกเห็นด้วยกับคำบอกเล่าของเหล่าคนงานทุกประการ

รัญชิดาลงมือตรวจเช็กวัตถุดิบที่ปฐพีสั่งเข้ามาใหม่ทันที หลังจากเดินหนีเขามาได้สักพักเธอก็มาให้ความสนใจกับการนับจำนวน มือจดตัวเลขลงสมุดยิก ๆ ไม่ยอมหยุด แม้จะได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของคนงานหญิงแว่วมาตามสายลมเป็นระยะ เสียงกระซิบแต่ดังพอที่เธอจะรู้ว่าคนงานกลุ่มนี้ไม่พลาดกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อสักครู่เลย
สงสัยเค้าทะเลาะกัน
ทะเลาะอะไรกัน ฉากหวานชัด ๆ กอดกันกลมเชียว คริๆ..
คนงานหญิงสองคนยื่นหน้ากระซิบกระซาบคาดเดาเหตุการณ์กันไปต่าง ๆ นานา ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะคิกคัก รัญชิดาถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอไม่ได้นึกโกรธเคืองพฤติกรรมพวกเขา แต่การได้ยินถึงช่วงเวลาที่เธอและปฐพีกำลังอยู่ในฉากรักแบบนั้น เหมือนมโนภาพมันจะผุดพรายขึ้นมาหลอกหลอนเธอให้เกิดใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาอีก ร้ายสุดคือ ความรู้สึกต่อสัมผัสที่ปฐพีมีต่อเธอมันเปลี่ยนไป
ก็หลายต่อหลายครั้งแล้วที่เธอได้เข้าไปอยู่ในวงแขนของเขา แม้ทุกครั้งเธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้พ้นพันธนาการ แต่ทว่าบ่อยเข้าหัวใจของเธอก็เริ่มคุ้นชินและเหมือนจะปฏิเสธอ้อมกอดนั้นน้อยลงทุกที ๆ
“รัญชิดา”
เสียงเรียกของปฐพีทำให้เธอหลุดจากภวังค์หันมามอง  และเห็นว่านอกจากเขาแล้วยังมีชายหนุ่มร่างสูงเทียมกันยืนถัดไป ที่จริงเธอไม่อยากเสียมารยาท แต่ความรู้สึกน้อยใจที่ถูกโมโหใส่อย่างไร้เหตุผลยังตกค้าง ทำให้เธอไม่อยากสนทนาด้วย เท้าจึงเตรียมก้าวหนีแต่ก็ถูกเขาเรียกรั้งไว้
“เดี๋ยว นั่นเธอจะไปไหน ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกหรือไง?” ปฐพีย่นคิ้ว แม้จะรู้สึกผิดที่ตนเผด็จการเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายอยากหนีหน้า แต่เขาเลือกที่จะใช้คำสั่งเพื่อกลบเกลื่อน
 “มีเรื่องอะไรจะมาสั่งให้ฉันจำอีกล่ะคะ?” รัญชิดาหันมาเอ่ยประชด ก็ผู้ชายคนนี้มักสรรหาคำสั่งมากมายมาให้เธอจดจำ..จนจำแทบไม่ไหว
ปฐพีทำตาวาว ถ้าทำได้ตอนนี้เขาอยากจะจับคนตรงหน้ามาสั่งสอนที่ริอ่านทำท่าดื้อดึงกับเขาต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว ทั้งที่เขาย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าดื้อกับเขานัก แต่ก็ทำได้แค่หน้าบึ้งกับพ่นลมร้อนออกจากจมูก จากนั้นพยักหน้าให้คนเจ้าปัญหาขยับเข้ามาใกล้ แม้จะดูเหมือนอีกฝ่ายอิดออดตอนแรกแต่สุดท้ายปฏิบัติตามแต่โดยดี ซึ่งก็ทำให้เขาคลายความโมโหลงบ้าง
“ฉันแค่อยากแนะนำให้เธอรู้จักเพื่อนบ้านของเรา สาธิต เจ้าของไร่แสงจันทร์ เขตไร่เราติดกันทางฟากตะวันออก” ปฐพีแนะนำ พลางนึกหมั่นไส้เพื่อนที่ยืนส่งยิ้มหวานผ่านหน้าผ่านตาเขาไปให้อีกคนทันที
“เราเป็นเพื่อนบ้านกันนะครับ คุณรัญ” ด้วยความเป็นชายหนุ่มอารมณ์ดี สาธิตถือวิสาสะเรียกแทนตัวหญิงสาวอย่างสนิทสนม
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณสาธิต” รัญชิดาปัดความน้อยเนื้อต่ำใจต่อปฐพีได้แล้ว ส่งยิ้มตอบชายหนุ่มผู้มาใหม่พร้อมกับยกมือไหว้เขา
“ผมฟังจากพวกคนงานพูดถึงคุณรัญแล้วอดปลื้มแทนไม่ได้ ดูคุณจะเป็นนายหญิงบ้านไร่ที่คนงานเฝ้ารอคอยมานานจริง ๆ” เท่าที่สาธิตเห็นการทำงานของหญิงสาว แม้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เขาบอกได้เลยว่าทุกคำพูดของคนงานไม่เกินความจริง
รัญชิดายิ้มรับคำกล่าวชมของหนุ่มเจ้าของบ้านไร่แสงจันทร์ และรู้สึกยินดีที่ยังได้เห็นแววตาอ่อนโยนบ้าง  ไม่ใช่วัน ๆ ได้สบแต่ดวงตาดุ ๆ ของใครอีกคน
“ฉันก็ปลื้มพวกเขาค่ะ ทุกคนที่นี่ดีกับฉันเสมอ เว้นเสียแต่..ใครบางคน ที่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้” คำพูดของเธอพาดพิงถึงคนที่กำลังยืนทำหน้าบึ้งตึง ซึ่งถูกอกถูกใจสาธิตจนเขาปล่อยเสียงหัวเราะ
แต่ดวงตาวาววับของคนที่เธอริอ่านพาดพิงถึงนี่สิ ฮื่ม..ก็มันจริงนี่นา คนอะไรเอะอะก็ฉันสั่ง..เธอต้อง พูดได้อยู่แค่นี้ รัญชิดาไม่ได้นึกหวั่นกับสายตาเอาเรื่อง กลับชวนเพื่อนบ้านคนใหม่คุยต่อหน้าตาเฉย
“คนงานเคยพูดถึงไร่แสงจันทร์ค่ะ ว่าเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมด้วย”
“ครับ ไร่ผมเป็นไร่ขนาดเล็ก ปลูกแต่องุ่นผลสดไม่มีผลิตภัณฑ์ไวน์ ก็เลยใช้การท่องเที่ยวเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงที่ผลขึ้นดกและรอฤดูกาลเก็บเกี่ยว มีรถนำเที่ยวเสร็จแล้วเลี้ยงส่งพวกเขาด้วยอาหารมื้อกลางวัน..”
ปฐพีมองคนเพิ่งรู้จักกันคุยกันถูกคอจนตัวเองรู้สึกเป็นส่วนเกิน เขากระแอมเพื่อย้ำเตือนบุคคลทั้งสองรับรู้การอยู่ของเขา..ทว่าไม่มีใครสนใจ กลับมีเสียงใสชวนสนทนาให้ได้รื่นรมย์กันต่อเนื่อง เพิ่มความหงุดหงิดใจให้กับเขาเข้าไปอีก
“เป็นความสุขของคนรักธรรมชาติ องุ่นเป็นผลไม้ที่สวย รสชาติดี ถึงฉันจะเพิ่งเคยเห็นไร่องุ่นเป็นครั้งแรก แต่ก็ทำให้ฉันหลงรักได้ไม่ยากเลยค่ะ คนงานเล่าว่าไร่แสงจันทร์องุ่นขึ้นดกมาก แล้วทำไมคุณสาธิตไม่แบ่งมาทำไวน์บ้างล่ะคะ?”
“ผมไม่มีความสามารถเรื่องไวน์องุ่นจริง ๆ อาจเพราะไม่มีความสนใจตั้งแต่แรก ที่ทำอยู่ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ จึงต้องศึกษาเพื่อสานต่อกิจการของท่าน”
“เอาล่ะ” ปฐพีเห็นว่าตนคล้ายอากาศธาตุเข้าไปทุกที เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณยุติการสนทนา.. “ถ้าจะคุยอะไรกันอีก ก็เก็บไว้คุยต่อตอนเย็นแล้วกัน” เขาว่า ก่อนหันมาเจาะจงพูดกับหญิงสาวที่คุยกับชายคนอื่นด้วยสีหน้าเริงร่าอย่างน่าหมั่นไส้ ตรงข้ามกับเวลาคุยกับเขาอีกฝ่ายมักทำสีหน้าง้ำงอ
“รัญชิดาเย็นนี้ครอบครัวของสาธิตจะมากินข้าวเย็นด้วย เราจะกลับบ้านไร่เร็วหน่อย ทำงานในมือให้เสร็จแล้วไปรอฉันที่รถ”
“ค่ะ”รัญชิดารับคำสั่งเสร็จ ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้สาธิต ซึ่งเธอมองเห็นแล้วว่าเขาเป็นชายหนุ่มร่าเริง อารมณ์ดี สังเกตจากรอยยิ้มมักปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาเสมอ ต่างจากปฐพีตีหน้าบึ้งตึงใส่เธอตลอด ความต่างของสองหนุ่มทำให้เธอลงความเห็นว่า ..บุคลิกคนละขั้วกันจริง ๆ
“ยืนยิ้มอยู่อีก รีบกลับไปทำงานสิ” ปฐพีทำเสียงดุหญิงสาวที่ยืนยิ้มไม่ขยับ 
รัญชิดาถูกเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงดุ เธอจึงชักสีหน้าใส่ก่อนถอยหลังเพื่อหันกลับไปทำงานที่เดิม ทว่าจังหวะหันไม่ทันระวัง ปลายเท้าตวัดโดนถุงปุ๋ยที่วางอยู่บนพื้นดิน ส่งร่างของเธอคะมำ
“..ว้าย!
 “รัญชิดา!” ปฐพีแผดเสียงก้องตกใจ และร่างหญิงสาวคงล้มหน้าคะมำไปแล้ว ถ้าไม่มีมือคว้าตัวไว้เสียก่อน
แต่มือคว้าตัวหญิงสาวไว้กลับไม่ใช่เขา..
“ขอบคุณค่ะคุณสาธิต” รัญชิดาค่อย ๆ ถอยออกมาจากวงแขนสาธิต ที่ช่วยยึดตัวเธอไว้ไม่ให้ล้มไปกองอยู่บนพื้น และขณะเธอเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มผู้ที่ช่วยเธอไว้ เธอสังเกตเห็นในแววตาของชายอีกคนบ่งบอกถึงความไม่พอใจ เขาอาจคิดว่าเธอแกล้งหกคะเมนเพื่อหว่านเสน่ห์ให้เพื่อนของเขาก็ได้ มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าลูบผมที่ตกมาบังตรงหน้าผาก หวังกลบเกลื่อนความซุ่มซ่ามที่ทำให้ได้อาย
“คุณรัญเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ทั้งสีหน้าและแววตาของสาธิตแสดงความห่วงใยอาทร
“ไม่ค่ะ” รัญชิดาตอบเสียงแผ่ว
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ไปทำงานต่อสิ” เสียงห้วนของปฐพีดังตัดบท มันห้วนจนตัวเขาเองยังนึกแปลกใจ  เมื่อกี๊เขาตกใจแทบแย่ที่เห็นร่างหญิงสาวกำลังจะล้มคะมำ แต่พอเห็นมือที่เข้าช่วยยื้อยุดร่างนั้นไว้ ก่อนที่มือของเขาจะเอื้อมไปถึง ที่ว่าตกใจก็กลับกลายเป็นไม่พอใจไปเสียอย่างนั้น แปลกจริง..วันนี้เขารู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้จนเหมือนจะเป็นบ้า
สาธิตมองสายตาของเพื่อนที่จับจ้องภรรยาไปจนลับ ก่อนจะนึกขำถ้อยคำที่อีกฝ่ายได้พูดต่อหน้าหญิงสาว
“นายพูดเหมือนจงใจให้เธอคิดว่าฉันมีครอบครัว ฉันไม่อยากจะคิดว่านายพยายามตัดช่องทางกันนะ”
“ช่องทาง? นายจะมีช่องทางอะไรที่นี่อีกหรือสาธิต” ปฐพีหันมาถาม คิ้วเข้มเลิกขึ้น
“โธ่ อย่างน้อยฉันก็ยังอยากให้คุณรัญมองเห็นว่าฉันยังเป็นชายโสด” ..ยั่วคนเล่นสักนิดดีกว่า สาธิตตั้งใจพูดยั่ว ในเมื่อเพื่อนขี้โมโหทำท่าทางหวงก้างภรรยาสาวเสียเหลือเกิน
“มันสำคัญกับนายนักหรือไง ว่าเมียฉันจะมองนายโสดหรือไม่โสด” ปฐพีลากเสียงต่ำยกมือขึ้นกอดอก พร้อมส่งสายตาพิฆาตมาที่ใบหน้ายิ้มระรื่นของเพื่อน
“ฮ่า..ฉันล่ะเชื่อข่าวของนายจริง ๆ นะปฐพี” สาธิตหัวเราะร่วน
“ข่าวอะไรของนาย?” ปฐพีเข่นเขี้ยวกับท่าทางกวนอารมณ์ของเพื่อน
“ข่าวที่นายหวงเมียยังไงล่ะ ฮ่าฮ่า” สาธิตหัวเราะดังขึ้น เมื่อปฐพีทำหน้ามุ่นเข้าใส่ ก่อนจะเล่าถึงข่าวซุบซิบที่เขาได้ยินมาจากเหล่าคนงาน ตอนแรกเขายังไม่ปักใจเชื่อแต่พอได้มาเห็นด้วยตาตนเอง เขาบอกได้เลยว่าเชื่อเต็มร้อย
จะเขาหรือใครก็คงจะมองออกว่าปฐพีได้วางหญิงสาวที่เจ้าตัวเพียรบอกมิได้หวังครอบครองด้วยความเสน่หานั้น บัดนี้ปฐพีได้เปิดพื้นที่ใจให้เธอได้เข้าไปนั่งจับจองเรียบร้อยแล้ว นั่นเพราะเสน่ห์ของหญิงสาวคนนี้มิใช่เพียงรูปร่างหน้าตา แต่ยังรวมถึงจิตใจที่เข้มแข็งอดทน รู้จักปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่แม้จะมาจากอีกวิถีชีวิตหนึ่งที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน 
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ สาธิตจึงไม่แปลกใจเลยที่รัญชิดาสามารถครอบครองพื้นที่กลางใจของชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้ไม่เคยให้ความสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ แม้กระทั่งศุภักษร น้องสาวคนเดียวของเขาที่เพียรนำตัวมาใกล้ชิดสนิทสนม แต่ยังไม่เคยเข้าถึงหัวใจชายหนุ่มที่วางตัวดุจหินผาคนนี้ได้เลย
 ราคาขาย: 200 + 40 = 240 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)

 
ราคาเช่า : เช่าเหมา  7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ไร่เสน่หาจองจำหัวใจราคาปก 319x10%=31 บาท + ค่าส่ง 40 = 71บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง ยอดยืม 31 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 319 บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
 
 

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น