บนเนื้อที่หนึ่งพันไร่ฉากหลังล้อมด้วยภูเขาดุจดั่งกำแพงธรรมชาติอันบริสุทธิ์
คือไร่องุ่นแสงจันทร์ที่นอกจากส่งผลผลิตออกสู่ตลาดแล้วยังเปิดให้นักท่องเที่ยวชมสถานที่
ชิมองุ่นผลสดและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น ซึ่งยอดขายสินค้าและบริการที่ดีทำให้ไร่องุ่นแห่งนี้ติดอันดับความน่าสนใจต่อนักท่องเที่ยวที่นิยมชมไร่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร
รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ขับผ่านป้ายระบุชื่อสถานที่
‘บ้านไร่แสงจันทร์’ ก่อนมุ่งเข้ามาจอดภายในโรงรถที่ก่อด้วยครึ่งไม้ครึ่งอิฐพื้นปูลาดด้วยปูน
มีประตูบานเลื่อนไว้ปิดล็อกอย่างดี
ร่างสูงเมื่อก้าวลงจากรถสายตาจับไปที่รถเก๋งสีขาวพลันให้นึกไปถึงผู้เป็นเจ้าของมัน
ก่อนถอนหายใจออกมาแผ่ว ๆ เพื่อหวัง
ผ่อนคลายความหนักใจที่แบกกลับมา
ผ่อนคลายความหนักใจที่แบกกลับมา
จากนั้นจึงก้าวเดินตรงไปที่ตัวบ้านสองชั้นทรงยุโรปอย่างช้า
ๆ เพื่อหวังประวิงเวลาสนทนากับผู้ที่อยู่ด้านในด้วยเรื่องที่ชวนให้อีกฝ่ายปวดใจ
แต่ทว่าเสียง..กรี๊ด! ดังมาจากภายในตัวอาคารเร่งให้เขาก้าวเท้าเร็วจนกลายเป็นวิ่ง..
“ศุ!” สาธิตวิ่งหน้าตั้งเข้ามาภายในบ้าน
หยุดยืนเรียกชื่อน้องเสียงก้อง สายตาตื่นตระหนกกวาดหาตัวน้องสาวไปทั่วบริเวณ
และเมื่อจับต้นเสียงได้ว่าอยู่ในครัว เขาก็วิ่งตรงไปทันที
สิ่งที่สาธิตเห็นคือร่างระหงของผู้เป็นน้องสาวนั่งสั่นงันงกอยู่ในท่าขดตัวข้างตู้กับข้าว
โดยมีแม่บ้านวัยกลางคนร่างผอมและสาวใช้อีกคนนั่งคุกเข่าอยู่ห่าง ๆ ทั้งสองกำลังพยายามช่วยกันปลอบประโลมให้นายสาวหายจากอาการสั่นเทา
เพราะไม่มีใครเข้าถึงตัวนายสาวได้เลยถ้าเกิดอาการหวาดกลัวเช่นนี้
สาธิตตรงเข้าไปคุกเข่าใกล้
ๆ สายตาจับจ้องหน้าน้อง ส่วนปากเอ่ยถามถึงสาเหตุ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า
ศุภักษรเข้ามาในช่วงที่สาวใช้กำลังติดไฟต้มน้ำ ประกายไฟทำให้ศุภักษรชะงักงันไปชั่วขณะก่อนจะส่งเสียงร้องกรี๊ด ๆ ไม่ยอมหยุด
ศุภักษรเข้ามาในช่วงที่สาวใช้กำลังติดไฟต้มน้ำ ประกายไฟทำให้ศุภักษรชะงักงันไปชั่วขณะก่อนจะส่งเสียงร้องกรี๊ด ๆ ไม่ยอมหยุด
สาธิตเข้าใจถึงสาเหตุความหวาดกลัวของน้องสาวทันที
เขาบอกให้ทั้งสองกลับไปทำงานของตนจากนั้นโอบรับร่างที่เจ้าตัวมองเห็นว่าเป็นพี่ชายก็โถมเข้าสู่อ้อมอก
ก่อนลุกขึ้นประคับประคองกันออกไปนั่งลงบนโซฟาเบาะนุ่มในห้องรับแขก
สาธิตหนักใจกับอาการหวาดผวาต่อเปลวไฟของศุภักษรที่เกิดขึ้นตั้งแต่อายุสิบแปด
ผ่านมาเก้าปีแล้วน้องสาวยังมีอาการนี้อยู่อีก และมันทำให้เขาหวนคิดถึงเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัว
วันนั้นพ่อแสงและแม่จันทร์ได้เดินทางกลับมาพร้อมกับลูกสาววัยสิบแปดปีและลูกชายซึ่งอยู่ในชุดครุยจากงานเข้ารับปริญญามหาบัณฑิต
ระหว่างเดินทางเครื่องยนต์เกิดขัดข้องพ่อของเขาซึ่งเป็นคนขับไม่สามารถหยุดรถได้จึงพยายามที่จะหาที่จอด
ซึ่งสองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้ารกชันไม่สามารถจะมองหาจุดที่หยุดรถได้เลย
แต่แล้วท่านก็มองเห็นก้อนหินใหญ่ข้างทางจึงคิดใช้ก้อนหินนั้นเป็นที่หยุดมัน
และท่านก็หยุดมันได้
แต่ทว่าร่างท่านไม่สามารถออกจากรถเพราะด้านคนขับปะทะกับก้อนหินอย่างแรง
ทำให้รถถูกบีบอัดจนคนขับขยับเขยื้อนไม่ได้
แม่จันทร์หันมาตะโกนสั่งให้เขาพาน้องสาวออกมาก่อน เขาทำตามทันที และคิดว่าจะกลับไปพาร่างของท่านทั้งสองที่พยายามช่วยดึงกันออกมาอยู่นั้น
แต่ปรากฏว่าเปลวเพลิงลุกท่วมเครื่องยนต์
เขาเพิ่งลุกห่างตัวน้องสาวมาได้ไม่เท่าไหร่ต้องกลับไปโอบกอดปกป้องเพราะกลัวน้องจะถูกสะเก็ดไฟ
ชั่วขณะเสียงเครื่องยนต์ระเบิดดังสนั่น และก็มีบางสิ่งปลิวมาตกลงตรงพื้นเบื้องหน้า
วินาทีนั้นสมองของเขาแทบไม่รับรู้อะไรนอกจากเสียงกรีดร้องสุดเสียงของศุภักษร
ก่อนจะส่งให้ร่างในอ้อมแขนแน่นิ่งหมดสติไปพร้อมกับชิ้นส่วนท่อนแขนของแม่จันทร์ที่นิ้วนางข้างซ้ายยังคงสวมแหวนของพ่อ!
ศุภักษรต้องใช้เวลารักษาสุขภาพทางด้านจิตใจในโรงพยาบาลนานนับเดือน
เพราะหลังเกิดอุบัติเหตุ
ศุภักษรต้องผจญกับฝันร้ายทุกค่ำคืนจนต้องพึ่งยานอนหลับอยู่บ่อยครั้ง จากวันนั้นศุภักษรค่อย ๆ เปลี่ยนจากเด็กสาวร่าเริงแจ่มใส กลายเป็นหญิงสาวเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ ซึ่งสาธิตรู้ตัวว่าเขามีส่วนทำให้พฤติกรรมของน้องเปลี่ยนไปในทางลบเพราะเขาตามใจ การตามใจเพื่อหวังชดเชยความสูญเสียที่น้องสาวต้องเผชิญ
ศุภักษรต้องผจญกับฝันร้ายทุกค่ำคืนจนต้องพึ่งยานอนหลับอยู่บ่อยครั้ง จากวันนั้นศุภักษรค่อย ๆ เปลี่ยนจากเด็กสาวร่าเริงแจ่มใส กลายเป็นหญิงสาวเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ ซึ่งสาธิตรู้ตัวว่าเขามีส่วนทำให้พฤติกรรมของน้องเปลี่ยนไปในทางลบเพราะเขาตามใจ การตามใจเพื่อหวังชดเชยความสูญเสียที่น้องสาวต้องเผชิญ
สาธิตกลับมาให้ความสนใจร่างสั่นเทาในอก
แม้เสียงร้องกระซิกเริ่มเบาลงแต่ชายหนุ่มรู้ว่าน้องยังหวาดผวา เขากระชับวงแขนเพื่อยืนยันความปลอดภัยให้น้องสาว
ก่อนยกมือขึ้นลูบศีรษะ
“พี่เคยบอกแล้วไงว่าเวลาป้าสลวยทำอาหารอย่าเข้าไปในครัว”
สาธิตเอ่ย
“ก็ศุหิวนี่คะ
ศุยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืน” ศุภักษรให้เหตุผลด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
ดวงตาที่ยังหลงเหลือความหวาดกลัวช้อนมองใบหน้าพี่ชายที่เธอรักที่สุด เพราะพี่ชายคนนี้ดูแลเธอด้วยความรักทั้งหมดที่มีเสมอมา
สาธิตได้ฟังแล้วถอนใจ
ทั้งที่การเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเกือบสามทุ่มต่อด้วยการขับรถกลับบ้านไร่
เขายังต้องตื่นเช้าเพื่อตะเวนนำของฝากจากญี่ปุ่นที่ศุภักษรซื้อหามาฝากกลุ่มเพื่อนเกือบหมดวันอีก
เหตุที่เขาต้องทำแทนเช่นนี้ เพราะศุภักษรอยู่ในอาการไร้เรี่ยวแรง อันเกิดจากตรอมใจในเรื่องของปฐพีจนแทบไม่แตะอาหารสักอย่าง
ที่สำคัญถ้าศุภักษรอารมณ์เสียสาธิตก็ไม่อยากให้ได้พบปะกับใคร
“พี่สาธิตเอาของไปให้แม่พวกนั้นหมดแล้วหรือคะ?”
ศุภักษรได้รับข่าวจากเพื่อนสนิทว่าปฐพีมีภรรยาแล้ว เธอก็แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ
จนต้องอาศัยพี่ชายจัดการส่งของให้เพื่อน ๆ แทน
สาธิตดันร่างที่คลายอาการสั่นเทาลงออกห่างอีกนิด
เพื่อมองสบดวงตากลมโตสีดำบนใบหน้าสวยที่เคลือบด้วยเครื่องสำอางยี่ห้อยุโรป
ศุภักษรจัดเป็นผู้หญิงสวยเฉิดฉายคนหนึ่ง
ทว่าที่เห็นยังครองตัวเป็นสาวโสดไม่ใช่เพราะไม่มีชายใดหมายปอง แต่เป็นเพราะศุภักษรได้มอบหัวใจรักให้กับชายหนุ่มที่เจ้าตัวไม่มีวันได้รับความรักตอบนั่นเอง
“อืม..ไปแจกจ่ายจนถึงวิคนสุดท้าย
พี่ก็เลยถือโอกาสขอบคุณที่เขาติดตามความเคลื่อนไหวนายปฐพีมารายงานศุทุกระยะด้วย”
สาธิตไม่ปิดบังว่าเขารู้สึกไม่ชอบใจต่อการกระทำของเพื่อนสาวคนนี้ของศุภักษรเลย
แต่ไม่คิดถ่ายทอดเป็นคำพูดเพราะรู้ว่าศุภักษรสนิทกับเพื่อนคนนี้มาก
“เสร็จแล้วพี่ก็เข้าไปหาปฐพี
ไปขอกินข้าวเย็นที่บ้านไร่อย่างที่ศุต้องการ”
สาธิตจ้องมองแววตากลมโตที่ขยายกว้างเมื่อได้ยินเขาเอ่ยชื่อปฐพี
“ขอบคุณค่ะพี่สาธิต
พี่สาธิตเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดเลย” ศุภักษรดีใจจนเนื้อเต้น เธอจะได้ดึงช่วงเวลาสนิทสนมกับปฐพีกลับคืนมา
“แล้วก็เป็นพี่ชายที่รักศุมากที่สุดด้วย
อย่าลืม” สาธิตกล่าวพลางบีบปลายจมูกน้องสาวเบา ๆ ด้วยความรักความอาทร
แต่ภายในใจกลับกำลังวิตกกังวลว่าศุภักษรจะเป็นเช่นไร เมื่อได้ประจักษ์ชัดเจนว่าหัวใจชายหนุ่มที่ตนหมายปองมีเจ้าของแล้วแบบนั้น
สาธิตแทบไม่อยากทนเห็นแววตาเจ็บปวดของผู้เป็นน้องสาว
แต่มันถึงเวลาแล้วที่ศุภักษรจะต้องตัดใจ..
ส่วนทางด้านผู้เป็นน้องกลับมิได้คิดวิตกเฉกเช่นพี่ชายเลยสักนิด
เพราะความคิดในส่วนลึกมันบ่งบอกให้เธอแย่งชิงสิ่งที่เธอมุ่งหวังกลับคืนมา
หญิงสาวเฝ้ารอปฐพีมาตลอดและคิดว่าสักวันชายหนุ่มจะต้องหันมารักเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
เพราะเธอและเขาต่างมีความผูกพันที่ร้อยเรียงกันมายาวนาน
..นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่เธอยังเรียนอยู่ระดับมัธยมปลายคุณพ่อแสงและคุณแม่จันทร์ได้มาซื้อไร่องุ่นติดเขาใหญ่ต่อจากเจ้าของไร่คนเก่า
จากนั้นครอบครัวของเราก็ย้ายกันมาอยู่ที่นี่และได้รู้จักกับชายหนุ่มเจ้าของไร่ปานเทวา
ที่ต้องดูแลทั้งน้องชายและกิจการไร่องุ่นต่อจากบิดามารดาที่เสียชีวิตไปหมดแล้ว
ศุภักษรยังจำครั้งแรกที่พบกับปฐพีได้เวลานั้นเขาเป็นหนุ่มนักศึกษาที่มีร่างสูงและใบหน้าหล่อเหลา
เขาจะกลับมาไร่ทุกวันหยุด สองไร่มีความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน
ที่สำคัญพี่ชายของเธอและปฐพีกลายเป็นเพื่อนที่คุยกันถูกคอทั้งสองจึงไปมาหาสู่กันเสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียพ่อแสงและแม่จันทร์
ความทรงจำอันโหดร้ายนั้นได้กลายเป็นฝันร้ายทุกค่ำคืนของเธอ
‘กรี๊ด!!!’ เสียงที่ดังมาจากห้องคนไข้พิเศษ เรียกให้สองหนุ่มที่นั่งกุมขมับกันอยู่ด้านนอกได้เข้ามาทันที
‘ศุ..’
ร่างของผู้เป็นพี่ชายถลาเข้ามาโอบกอดร่างน้องสาวที่นอนดิ้นโดยมีสายรัดข้อมือและข้อเท้าไว้
ทั้งสีหน้าแววตาของเขาฉายชัดถึงความปวดใจ
‘พี่สาธิตช่วยศุด้วย ฮือ..’
ใบหน้าที่มีน้ำตานองผงกขึ้นมาอ้อนวอนผู้เป็นพี่ชาย
ก่อนจะส่งสายตาผ่านไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ยืนเยื้องไป ‘พี่ปฐพี..ช่วยศุด้วย ศุกลัว..’ พูดจบสักพักร่างนั้นค่อย ๆ
สงบลงเพราะฤทธิ์ยาที่นางพยาบาลเพิ่งจะฉีดให้เพื่อระงับอาการต่อต้านที่รุนแรงของคนไข้
ปฐพีขยับเข้ามาแทนที่พี่ชายของเธอ มือหนาของเขาเอื้อมมากุมมือซีดเซียวของเธอไว้ ก่อนจะปลอบโยน
‘นอนพักเถอะนะศุ
พี่สัญญาว่าถ้าหมออนุญาตให้ศุกลับบ้านได้แล้วพี่จะคอยดูแลศุเอง’ น้ำเสียงทุ้มนุ่มกับแววตาอาทรห่วงใยของปฐพี ทำให้ดวงตากำลังหรี่ปรือปิดสนิทด้วยความไว้วางใจ
นับจากนั้น
เธอได้ปฐพีเป็นผู้ดูแลเยียวยาจิตใจเป็นต้นมา
ชายหนุ่มจะแวะเวียนไปเยี่ยมเธอที่หอนักศึกษาทุกครั้งที่เดินทางไปกรุงเทพ
จนกระทั่งเธอเรียนจบและกลับมาอยู่บ้านไร่ จากวันนั้นถึงวันนี้ปฐพีก็ยังไม่ลืมสัญญา
ความใกล้ชิดกลายเป็นความผูกพันที่ถักทอคำว่ารักขึ้นในใจของเธอทีละนิดจนเต็มหัวใจ
ทำให้เธอคาดหวังอยู่เสมอว่าสักวันปฐพีจะเลิกมองเธอในฐานะน้องสาว
และหันมามองเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาจะเลือกมาเป็นคู่ชีวิต
ทว่าความหวังของเธอกลับพังทลายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเพื่อนสาวโทรไปรายงานต่อเธอว่าปฐพีมีภรรยาแล้ว..ช่างเป็นเรื่องน่าใจหายถึงขั้นช็อก
แต่พอตั้งสติได้เธอก็คิดได้ว่ายังไม่ควรยอมแพ้
ในเมื่อเธอมาก่อนและมีความรักความผูกพันกับเขามานานกว่า
เธอจึงลุกขึ้นสู้และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็จะต้องนำหัวใจของเธอกลับคืนมาให้ได้!
“พี่สาธิตไปที่ไร่เจอแม่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าล่ะคะ
ได้ข่าวว่าแม่นั่นตามพี่ปฐพีไปที่ไร่ทุกวัน” ศุภักษรเอ่ยถามด้วยแววตาหยัน
ทั้งที่ยังไม่พบหน้าแต่ก็รู้สึกรังเกียจผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาใกล้ชิดกับปฐพี
แล้วยิ่งแม่ผู้หญิงคนนี้มาแย่งดวงใจของเธอไปครอง เธอยิ่งรู้สึกเกลียดแม้แต่ชื่อก็ไม่อยากเอ่ยออกมา
“เจอสิ
แต่ข่าวที่ศุได้ยินมาคงจะผิดไปสักนิด เพราะคุณรัญไปที่ไร่ตามคำสั่งของปฐพีต่างหาก”
สาธิตอธิบาย เนื่องด้วยความจริงคือหญิงสาวนัยน์ตาสวยหวาน
ต้องไปทำงานในไร่ตามคำบัญชาของสามี มิใช่เป็นดั่งที่อีกฝ่ายได้ข่าวมา
แต่ผู้เป็นน้องสาวกลับยักไหล่และเหยียดปากไม่น่ารัก เนื่องจากหมั่นไส้ต่อคำแก้ต่างของพี่ชายที่มีต่อศัตรูของตน
“ไปรู้จักมักจี่กันแล้วหรือคะ
ถึงออกรับแทนกันแบบนี้” ศุภักษรมองค้อนพี่ชาย ร่างระหงถดถอยหนีไม่พอใจ
เพราะปกติในสายตาของพี่ชายไม่ว่าเธอจะพูดอะไรเขามักนิ่งเฉยรับฟังบางครั้งคล้อยตาม
แต่มาวันนี้กลับดูเหมือนเขาจะพยายามปกป้องบุคคลที่เธอถือว่าเป็นศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่ง
“ก็ศุไปฟังข่าวผิด
ๆ มา คนที่เขาไม่รู้เรื่องก็จะเดือนร้อนโดยไม่รู้ตัว มันไม่ดีเลยนะศุ
แล้วพี่อยากจะเตือนเรื่องเพื่อนของศุ
อย่าไปฟังเขามากนักเพราะมันจะยิ่งทำให้เราตกอยู่ในวังวนความทุกข์ไม่จบสิ้น”
สาธิตกล่าวเตือน
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความปรารถนาของน้องสาวที่ต้องการสานสัมพันธ์ระหว่างเขากับ
วิลาวรรณเพื่อนสนิท แต่เขาก็วางตัวเฉยมาตลอดไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้ผองเพื่อนเคืองใจกัน เลยกลายเป็นว่าเขาต้องมารับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่วิลาวรรณขยันนำมาเล่าให้ตนรู้สึกเคืองใจเสียเอง
วิลาวรรณเพื่อนสนิท แต่เขาก็วางตัวเฉยมาตลอดไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้ผองเพื่อนเคืองใจกัน เลยกลายเป็นว่าเขาต้องมารับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่วิลาวรรณขยันนำมาเล่าให้ตนรู้สึกเคืองใจเสียเอง
“แหม
ศุก็แค่พูดล้อเล่นพี่สาธิตก็โกรธแล้วหรือคะ” ศุภักษรรีบพูดประโลมใจ
เธอยังหวังได้ข่าวจาก
วิลาวรรณเพราะเพื่อนสาวคนนี้มีญาติเป็นหัวหน้าคนงานหญิงอยู่ในไร่ปานเทวา เมื่อใดที่ญาติผู้นั้นมาเยี่ยมแม่ของวิลาวรรณที่บ้าน เธอก็มักจะได้รู้ข่าวคราวภายในไร่เสมอ
วิลาวรรณเพราะเพื่อนสาวคนนี้มีญาติเป็นหัวหน้าคนงานหญิงอยู่ในไร่ปานเทวา เมื่อใดที่ญาติผู้นั้นมาเยี่ยมแม่ของวิลาวรรณที่บ้าน เธอก็มักจะได้รู้ข่าวคราวภายในไร่เสมอ
ฉะนั้นเธอจึงไม่อยากให้พี่ชายมีอคติกับเพื่อนสาวของเธอไปเสียก่อน
อีกอย่างเธอยังหวังลึก ๆ ว่าเขาจะหันมามองเพื่อนสาวของเธอคนนี้บ้าง
เพราะอย่างน้อยวิลาวรรณก็เป็นเพื่อนสนิทที่เธอไว้วางใจพอที่จะให้ดูแลพี่ชายที่เธอรักที่สุด
แม้ว่าผู้เป็นพี่ชายจะมีท่าทีเมินเฉยมาโดยตลอด แต่เธอก็ยังตั้งความหวังว่าสักวันเขาจะสงสารและหันมาชอบเพื่อนเธอบ้าง
เหมือนดั่งที่เธอปรารถนาได้รับจากปฐพีเช่นเดียวกัน
เมื่อชื่อปฐพีปรากฏขึ้นมาในใจ
ศุภักษรจึงคิดว่าเธอน่าจะเดินทางไปบ้านไร่ปานเทวาเร็วกว่าที่ควร
เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับเขานาน ๆ
“เอาล่ะศุไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า
เก็บความหิวไว้ไปกินอาหารฝีมือป้ามาลัยทีเดียวเลย” พูดจบ
หญิงสาวก็ลุกยืนขอตัวขึ้นข้างบน ปล่อยให้ผู้เป็นพี่ชายมองตามด้วยจิตกังวลปนสงสาร
‘อย่าคิดทำอะไรอีกเลยศุ ตัดใจเสียเถอะ
พี่ไม่อยากเห็นศุฝังใจอยู่กับความรักที่ไม่มีวันได้ครอบครองแบบนี้อีกแล้ว’
สาธิตได้แต่ถอนใจกับความหวังลม
ๆ แล้ง ๆ ของศุภักษร ที่ไม่เคยยอมรับว่าเรื่องความรักมันบังคับใจกันไม่ได้
โดยเฉพาะหัวใจชายหนุ่มอย่างปฐพีที่ไม่มีวันมอบให้ใครด้วยความสงสาร
ซึ่งตัวสาธิตเองก็เช่นกัน
ตลอดเวลาที่สาธิตครองตัวเป็นโสดใช่ว่าเขาจะไม่เคยชายตาแลผู้หญิงคนไหนเลย
แต่เพราะภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลจิตใจน้องสาวและกิจการงานในไร่องุ่น
ทำให้แทบไม่มีเวลาเหลือให้ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ
อีกทั้งศุภักษรวางตัววิลาวรรณเพื่อนสาวไว้เป็นตัวเลือกหลักให้กับเขา
ยิ่งทำให้โอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับหญิงสาวคนใดน้อยลงไปอีก
มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกที่จะเห็นเขายังไร้คู่ร่วมเรียงเคียงหมอนอยู่เช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดเลือกวิลาวรรณมาเป็นคู่ชีวิตเพียงเพราะสงสารหญิงสาวที่เฝ้ารอคอยเขามานานปี
มาถึงตรงนี้
สาธิตก็พลันนึกไปถึงดวงตาสวยของหญิงสาวที่เขาลงความเห็นว่ามีเสน่ห์น่าคบหาคนหนึ่ง
รัญชิดาเป็นหญิงสาวสวยที่ไม่ต่างจากผู้หญิงที่เขาพบในวงสังคมอยู่บ่อย ๆ แต่รัญชิดากลับมีบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกดีกับเธอเป็นพิเศษ
และก่อนที่ชายหนุ่มจะคิดไกลไปกว่านั้น เขาก็ลงโทษตนเองที่ริอ่านหวั่นไหวกับเมียของเพื่อน
ด้วยการยกมือขึ้นตบหน้าผากตนเองหนึ่งที
ราคาขาย: 200 + 40 = 240 บาท
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ไร่เสน่หาจองจำหัวใจราคาปก 319x10%=31 บาท + ค่าส่ง 40 = 71บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง
ยอดยืม 31 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 319
บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว
ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ
: ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ
ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ
และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น