ในเมื่อเขาไม่อยู่แล้ว และพระนางก็ถูกจำกัดพื้นที่เพียงลำพัง
เยี่ยงนี้พระนางกลับคืนสู่ร่างมัมมี่ดีกว่า เพราะร่างนี้ทำให้พระนางมีพลังอำนาจ
ทว่านาทีที่เปลี่ยนร่าง..
“กรี๊ดดด”
อาทิตย์ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ได้ไม่นาน ก้นของเขาก็ต้องเด้งขึ้นด้วยเสียงอันแหลมลั่น
“เกิดเรื่องบ้าอะไร!” เขาสบถ
รู้สึกหัวเสียกับเรื่องที่มาบังเกิดกับตนเอง ทันทีที่เขาออกจากห้องทำงาน
เดินตรงไปยังต้นเสียง เขาก็พบสาวใช้นั่งงอเข่าเนื้อตัวสั่นเทาปิดหน้าปิดตา
เขาร้องถาม
“เกิดอะไรขึ้นลำไย”
“ผีขาวค่ะ ผีขาวอยู่ในห้องคุณอาทิตย์” ลำไยร้องบอกผ่านเสียงอู้อี้
ไม่ยอมจะเปิดหน้าออกมาพูดด้วย ศีรษะสั่นหงึกหงักบ่งบอกอาการหวาดหวั่นขวัญผวา
อาทิตย์คาดเดา ลำไยต้องเปิดเข้าไปเห็นแน่
“ห้องนอนของฉัน จะมีผีที่ไหนกัน” อาทิตย์พยายามบังคับเสียงให้ปกติ
ไม่ให้แฝงความดุดัน เพราะมันไม่ใช่ความผิดของลำไย ถ้าเผอิญเปิดประตูเข้าไปเจอผีขาวเข้าจริง
ๆ และผีขาวตนนั้นก็ขัดคำสั่งของเขาเสียด้วย
“มีจริง ๆ ค่ะคุณอาทิตย์ พันผ้าขาวทั้งตัวเลย”
นิ้วลำไยสั่นดิกๆ ขณะชี้ไปที่ประตู
“ฉันจะเปิดดู” ก่อนที่เสียงของลำไยจะทำให้ทุกคนแตกตื่น
อาทิตย์ตัดสินใจจะเปิดประตูพิสูจน์ ชายหนุ่มเว้นช่วงเวลาให้ผีขาวพร้อมปรากฏตัว
“อย่าค่ะคุณอาทิตย์ ลำไยกลัว”
เสียงลำไยร้องห้าม ทว่าอาทิตย์ก็เปิดประตูออกกว้าง
“ลำไย นี่หรือเปล่าผีขาวของเธอ เปิดหน้าออกมาดูสิ”
“ไม่ค่ะลำไยกลัว” สาวใช้ยังคงปฏิเสธไม่ยอมเปิดหน้าออกมาดู
“ฉันบอกให้ดู” เขาใช้วิธีออกคำสั่ง คราวนี้ลำไยไม่กล้าปฏิเสธ
มือที่ปิดหน้าปิดตา ค่อย ๆ เผยดวงตาออกมาดู
“สวยจัง” ลำไยเอ่ยคำแรกที่นึกถึง เมื่อเปิดตามาเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
อาทิตย์โล่งอกเมื่อเห็นแววตาสาวใช้คลายความหวาดกลัวลงแล้ว
เขาถามย้ำ
“ใช่ผีขาวหรือเปล่า”
“ใช่ เอ..ไม่ใช่ค่ะ ลำไยคงตาฝาด เห็นคุณเค้าใส่ชุดขาวเป็นผีขาว”
สีหน้าท่าทางลำไยไม่มั่นใจตัวเอง
“คุณเค้าชื่อคิยา เมื่อคืนเรากลับกันมาดึก
ฉันจึงให้นอนในห้องนี้ เจอลำไยก็ดี เพราะฉันกำลังจะให้ไปตรวจดูความเรียบร้อยในห้องคุณแม่
ฉันจะให้คุณคิยาพักห้องนั้น”
อาทิตย์เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะใจอยากหาที่ทางให้มัมมี่สาวได้พักอาศัยอยู่แล้ว
“ลำไยยังไม่ได้ทำความสะอาดห้องคุณเลยค่ะ”
“ห้องฉันไว้ก่อนก็ได้ ไปเตรียมห้องให้คุณคิยา อ้อ
อย่าเล่าเรื่องผีขาวให้คนอื่นตกใจ และบอกแม่นิ่มด้วยว่าเตรียมสำรับไว้สามที่
เดี๋ยวคุณรดาจะมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย”
สั่งการเสร็จอาทิตย์พยักหน้าให้สาวใช้ไปทำตามคำสั่ง
จากนั้นตัวเขาเดินเข้ามาในห้อง เอ่ยต่อว่าผีขาวทันที
“ผลของการขัดคำสั่งผม เห็นหรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คราวหน้าถ้าคุณไม่กลับเข้าไปอยู่ในหีบคุณก็ควรอยู่ในร่างเนรมิต คุณมัมมี่
ผมขอย้ำนะ ว่าหากคุณอยู่ในบ้านของผม คุณจะต้องอยู่อย่างคนธรรมดา” เขาลากเสียงดุยาว
บ่งบอกความไม่พอใจ สีหน้าแววตาก็พลอยดุดันไปด้วย
“ข้าอยู่ในร่างเนรมิต ข้าไร้อำนาจ”
มัมมี่พระนางก้มหน้าบ่นอุบ
“คุณอยู่ในบ้านผม คุณไม่จำเป็นต้องมีอำนาจ
มีตัวตนเหมือนคนปกติทั่วไปก็พอ!” อาทิตย์ฉุนที่ต้องผจญกับเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขณะเดียวกันก็รู้สึกหัวใจหล่นวูบ เมื่อเห็นแววตาเศร้าสลดของคนถูกดุ “เอาล่ะ คราวนี้จำเป็นบทเรียน
ต่อไปต้องเชื่อฟังผม เข้าใจมั้ย”
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่าท่านพี่
ข้าสามารถเนรมิตร่างมนุษย์ได้ แต่ถ้าพลังข้าอ่อน ข้าจะต้องกลับคืนสู่ร่างมัมมี่อยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรกลับเข้าร่างมัมมี่ของคุณ
ในเวลาและสถานที่ที่ปลอดจากคน” เขาแนะนำ
“ข้าเข้าใจแล้ว” พระนางรู้สึกเศร้าใจ
ที่ทำอะไรก็ดูเหมือนผิดไปหมด
“ดี อีกอย่าง อย่าลืมเรื่องคำพูดโบราณด้วยล่ะ”
เขาท้วงติง
“ค่ะ ฉันจะไม่ลืม” พระนางรีบเปลี่ยนสรรรพนามโดยพลัน
เพราะไม่อยากถูกดุ
ลำไยเดินกลับมารายงาน โดยมีสาวใช้อีกคนตามมาด้วย
“ห้องคุณผู้หญิงเรียบร้อยดีค่ะคุณอาทิตย์”
“ดี เดี๋ยวฉันจะพาคุณคิยาไปที่ห้องนั้น ส่วนพวกเธอวันนี้งดทำความสะอาดห้องข้างบน
พากันไปช่วยงานข้างล่างเลยแล้วกัน”
“ค่ะคุณอาทิตย์”
สาวใช้ทั้งสองรับคำสั่งเสร็จก็เดินสำรวมจากไป
คิยาได้ยินเสียงลำไยกระซิบกระซาบกับเพื่อนอีกคนว่า
“เห็นหรือยังเรไร แฟนคุณอาทิตย์สวยแค่ไหน”
“สวยมากเลยแก”สาวใช้ชื่อเรไรลากเสียงยาว ทั้งสองกำลังเดินลงบันได
พระนางก็ถามเขาถึงคำที่สงสัย
“อะไรคือแฟน”
“แฟน ความหมายเดียวกับคนรัก” อาทิตย์คิดหาคำตอบที่เข้าใจง่าย
เพราะชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจกับคำนี้นัก ต่างจากคนฟังที่มีแววตาเป็นประกาย
“ผมจะพาคุณไปพักที่ห้องนั้น” อาทิตย์พามัมมี่พระนางมาที่ห้องของมารดา
พระนางคิยามองห้องสวยหรูลักษณะบ่งบอกถึงความเป็นอิสตรีชั้นสูง
“ห้องแม่ผมเอง ท่านจากไปสามปีแล้วแต่ทั้งห้องและของทุกชิ้นยังได้รับการดูแลอย่างดี
คุณพักที่นี่ได้ตามสบาย แต่เดี๋ยวคู่หมั้นน้องชายผมจะมาที่นี่
บางทีคุณต้องร่วมสนทนาด้วย ฉะนั้นเพื่อที่เราจะได้พูดคุยกันเหมือนคนปกติ คุณจำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของผม”
อาทิตย์หยุดเว้นช่วงมองสีหน้าคนฟัง
พระนางพยักหน้า พร้อมทำตามเงื่อนไขของเขาทุกอย่าง
แม้เขายังไม่ยอมรับว่าเป็นองค์พระสวามี แต่เขาก็ทำให้พระนางได้ตื่นมามีชีวิตใหม่
และหาที่อยู่ให้อีก เหตุนั้นพระนางจึงพร้อมทำตามความปรารถนาของเขาทุกประการ
เสียงรถแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน อาทิตย์ไม่คิดว่ามธุรดาจะมาเร็ว
“แขกของเรามาแล้ว ผมจะออกไปดูก่อน
คุณอยู่ที่นี่นะ หรือไม่ กลับเข้าหีบก่อนก็ได้” เขาสั่งไม่รอฟังคำตอบรับใด ๆ
ก็เดินออกจากห้องมารดา กลับมายังห้องของตน
อาทิตย์อาบน้ำเปลี่ยนชุด แล้วลงมาต้อนรับคู่หมั้นสาวของน้องชายซึ่งนั่งรอในห้องรับแขก
เขารู้ว่าการมาของมธุรดาเพื่อถามถึงพัสดุของนนทัช เขาจึงบอกความจริงบางส่วนว่าเป็นหีบหินสลักที่มีผ้าลินินของมัมมี่อยู่ในนั้น
มธุรดามีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ระหว่างรอแม่บ้านจัดสำรับอาหารขึ้นโต๊ะ เขาก็ขึ้นมารับคนข้างบน
ซึ่งออกจะตะลึงกับลุคใหม่ของมัมมี่พระนาง ในเมื่อเปลี่ยนจากชุดขาวมาสวมชุดกระโปรงสุ่มครึ่งน่องสีแดงเลือดนก
เสื้อท่อนบนมีห่วงแขนเล็ก ๆช่วงด้านหน้าเผยเนินอกอวบอิ่มยวนตา
“ข้าสวยหรือเปล่า”
อยู่กันตามลำพัง พระนางคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการพูด
“สวย”
“ข้าเห็นชุดนี้ในตู้นั่น ข้าชอบ”พระนางชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าติดผนัง
ตู้ใหญ่กว้างขวางหรูหรา
“ชุดของแม่ผม ท่านไม่ได้ซื้อมาใส่เองหรอก
ท่านหาซื้อมาเตรียมรับลูกสะใภ้ ผมยังไม่ได้แต่งงานท่านมาด่วนจากไปเสียก่อน
คุณเอามาใส่ได้ทุกชุด ผมอนุญาต” ใจจริงแล้วอาทิตย์อยากแย้งว่าชุดนี้ดูยั่วยวนเกินไป
แต่พอเห็นดวงตากลมโตมีประกายสดใส จึงพูดตัดบท “ลงไปข้างล่างกัน”
ทั้งสองเดินมาหยุดในห้องสี่เหลี่ยมด้านล่าง
มีที่นั่งหุ้มผ้าปักลวดลายดอกไม้ บนที่นั่งเดี่ยวมีหญิงสาวหน้าตาสวยเด่นกำลังนั่งจิบน้ำชาอุ่น
ๆ เธอขยับตัววางถ้วยชาแล้วลุกขึ้นมาทักทายชายหนุ่ม
“รดามารบกวนเร็ว ต้องขอโทษคุณอาทิตย์ด้วยนะคะ”
มธุรดาหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด มีรูปร่างสูงเพรียวหุ่นหนากว่าพระนางเล็กน้อย
ส่งยิ้มหวานมีเสน่ห์ให้หนุ่มเจ้าของบ้าน ก่อนจะมองมาทางหญิงสาวรุ่นยืนอยู่ข้าง ๆ
และนาทีนี้เองที่อาทิตย์รู้ว่าเขาพลาดไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือสถานะภาพของมัมมี่พระนาง
“รดา นี่ คิยา เธอเป็น” อาทิตย์ลืมสถานะภาพของพระนางเสียสนิท
ทว่าเสียงหนึ่งดังขึ้นมาตอบแทน
“แฟน ฉันเป็นแฟน” พระนางคิยานึกถึงคำพูดลำไย
ผู้หญิงในยุคใหม่เขาเรียกคนรักกันว่าแฟน
“แฟน หรือคะ” มธุรดาเลิกคิ้วฉงน
“ใช่ คิยาเป็นคนรักของผม” อาทิตย์หายอึ้งก็รีบรับสมอ้าง
บางทีสถานะนี้ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อจะบอกพระนางเป็นญาติฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็จะเกิดการสอบถามให้ยุ่งยากเข้าไปอีก
แต่ถ้าอยู่ในสถานะคนรักฝ่ายหญิงจะเป็นใครมาจากไหนก็ไม่สำคัญ
เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ใครก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง
มธุรดามองพินิจหญิงสาวรุ่นหุ่นเซ็กซี่เหลือกินเหลือใช้
“รดาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณอาทิตย์มีคนรัก”
“ผมก็เพิ่งรู้ตัวต่อเมื่อคิยามายืนอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ”
อาทิตย์พูดติดขำ แต่ก็ต้องรีบอธิบายเพราะเกรงความลับจะแตกเพราะตน “ผมเผอิญพบเขาเมื่อคืน
ก็เลยพามาพักที่บ้าน”
“พบกันโดยบังเอิญหรือค่ะ” เรื่องนี้ยิ่งน่าประหลาดใจ
“ก็ประมาณนั้น” อาทิตย์ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้
‘อะไรกันชายหนุ่มผู้ครองตัวเป็นโสดไม่มีทีท่าจะคบหาใครจริงจัง
จู่ ๆ มีคนรักโผล่มา อีกทั้งพบกันโดยบังเอิญ’
“สวัสดีจ้ะคิยา” มธุรดาจำใจเอ่ยทักทาย
ทั้งสีหน้ายังไม่คลายความสงสัย
“สวัสดีค่ะ” พระนางทักตอบ
อาทิตย์สังเกตการวางตัวของมัมมี่พระนาง
ไม่มีตื่นตระหนก ไม่ส่อพิรุธ จนเขาวางใจได้ว่าการพบอดีตเลขาของเขาวันนี้จะผ่านไปด้วยดี
ยังไม่ทันจะร่วมสนทนา เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ เขาขอตัวออกไปรับสาย
สักครู่ก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้าติดกังวล แต่พอเห็นมธุรดาพยายามจับสังเกตคนรักกำมะลอของเขา
เขาก็ปรับสีหน้าให้ปกติที่สุด แล้วนั่งลงตรงที่เดิม
“รดาดูแล้วคิยาน่าจะอายุน้อยกว่ามาก
เรียกพี่รดาก็ได้นะจ๊ะ” มธุรดาคาดคะเนจากรูปลักษณ์ ว่าหญิงสาวมีใบหน้าอ่อนเยาว์ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวดอกไม้แรกผลิ
อายุไม่น่าจะถึงยี่สิบ
“ค่ะ” พระนางมองสบดวงตาชายหนุ่มที่ส่อสีหน้าอีหลักอีเหลื่อ
ก็ในเมื่อพระนางมีพระชนมายุเป็นพัน ๆ ปี แต่ต้องมานับมนุษย์วัยเยาว์เป็นพี่นี่นา
“พูดน้อยจัง” คุยได้สักพัก
มธุรดาตั้งข้อสังเกตว่าหญิงคนรักของอาทิตย์
เหมือนสาวต่างประเทศที่เพิ่งหัดพูดภาษาไทย สำเนียงจึงฟังดูแปร่งปร่าชอบกล
“คิยายังไม่คุ้นเคย ถ้าคุ้นแล้วจะพูดเก่ง” อาทิตย์รีบแก้ต่างให้
เพราะเท่าที่เขาบอกเป็นคนรักก็เป็นความสงสัยสำหรับคนช่างสังเกตอย่างมธุรดาอยู่แล้ว
ถ้าขืนบอกเพิ่งจะเรียนรู้ภาษาไทยคงกลายเป็นเรื่องประหลาดเข้าไปอีก
มธุรดาตั้งใจจะรู้ความเป็นมาของคิยามากขึ้น
ก็พอดีป้านิ่มแม่บ้านเข้ามาเชิญทุกคนไปห้องอาหารเสียก่อน
อาทิตย์คิดอยู่แล้วว่ามธุรดาจะต้องไม่ปล่อยผ่านความสงสัยไปง่าย
ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็โล่งอกเพราะลำไยได้พบคิยาก่อนหน้านั้นแล้ว และคงจะบอกต่อทุกคนว่าเขามีหญิงสาวมาพักด้วย
จึงไม่มีใครแปลกใจ ซึ่งข้อดีของคนงานในบ้านคือไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวเจ้านาย
แม้มีความฉงนสงสัยอย่างไร ก็มักจะกลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างรับประทานอาหารมธุรดาสังเกตว่าคิยาไม่พูดอะไร
เพราะสนใจตักอาหารใส่ปากอย่างเดียว พอเธอเอ่ยถามชื่ออาหาร อาทิตย์ก็มักตอบตัดหน้า
แถมยังคอยกำชับให้คิยากินต่อหน้าตาเฉย
“กินอาหาร ร่างกายจะแข็งแรงเร็วไว
นี่ก็ใกล้เวลาต้องนอนพักผ่อนแล้ว”
“คิยาไม่สบายหรือคะ”
มธุรดาเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ เพราะดูจากใบหน้าผ่องใส ผิวพรรณผุดผาด
ไม่ปรากฏแววคนป่วยสักนิด โดยเฉพาะเจ้าหล่อนสวมชุดเซ็กซี่สีฉูดฉาด อวดอกอึ๋มออกอย่างนั้น
“คิยาเพิ่งเดินทางมาถึง ผิดอากาศจึงไม่ค่อยสบาย
กินอาหารเสร็จแล้วก็ต้องนอนพักผ่อน” อาทิตย์ตั้งใจพูดให้เหตุผล เพื่อบอกกลาย ๆ ว่าหลังรับประทานอาหาร
เขาอยากอยู่กับคิยาตามลำพัง
‘พูดไล่เรา’ มธุรดาเข้าใจความหมายในถ้อยคำของชายหนุ่มดี
เธอไม่แปลกใจ เพราะชายหนุ่มเป็นผู้มีโลกส่วนตัวสูง
แต่เป้าหมายที่เธอมาคือเรื่องพัสดุ ฉะนั้นเมื่อทั้งสามย้ายมาคุยกันในห้องรับแขก
และชายหนุ่มยื่นเอกสารลงลายเซ็นอนุมัติเงินก้อนโตให้แล้ว มธุรดาจึงมุ่งถามเข้าประเด็น
“รดา อยากดูสิ่งที่คุณนนส่งมาค่ะ”
“ได้สิ แต่เดี๋ยวผมส่งคิยาเข้านอนแล้ว
จะนำมาวางในห้องทำงาน ป้านิ่มจะคอยอยู่เป็นเพื่อนรดา” เขาบอกพลางมองหาป้าแม่บ้าน
เพื่อบอกเป็นนัยถึงภารกิจที่เขามอบหมาย
แม้มธุรดาจะเคยเป็นเลขาของเขามาก่อน และหญิงสาวกำลังจะมาเป็นน้องสะใภ้
ทว่าการพากันขึ้นไปบนห้องสองต่อสอง เขาก็เห็นว่ามันไม่สมควร
‘นิสัยระวังตัวไม่มีเปลี่ยน’ มธุรดาค่อนขอดอดีตเจ้านาย
กับความระมัดระวังตัวของเขา “งั้น รดาไม่ดูดีกว่าค่ะ เห็นเพื่อนคุณนนบอกว่า ส่งของมาจากอียิปต์
รดาก็อยากรู้ว่าคืออะไรเท่านั้น แต่ถ้าแค่ผ้าพันมัมมี่ รดาก็ไม่รู้จะดูทำไม
ถ้าตัวมัมมี่เป็น ๆ จะน่าสนใจเสียกว่า”
“มัมมี่ตัวเป็น ๆ เหรอ ผมคงขอผ่าน น่ากลัว” อาทิตย์หัวเราะออกมาเบา
ๆ จริงแล้วชายหนุ่มไม่ได้นึกกลัวอย่างที่พูด อาจเพราะเห็นภาพถ่ายวัตถุโบราณของนนทัชอยู่บ่อยครั้ง
อีกทั้งยังเห็นซากเก่าลึกลับชวนสยองขวัญที่เจ้าน้องชายตัวแสบส่งมาให้ดูนับไม่ถ้วน
ที่สำคัญมัมมี่ที่ว่าก็ไม่น่ากลัวสักนิด
เมื่อสังเกตหนุ่มเจ้าของบ้านมองหญิงสาวคนรักบ่อยครั้ง
มธุรดาอึดอัดใจ จึงเอ่ยขอตัว
“คุณอาทิตย์พาคิยาขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ รดาขอตัวเอาเอกสารกลับสำนักพิมพ์
ขอบคุณสำหรับอาหารเช้าค่ะ”
อาทิตย์จูงมือคู่รักมายืนส่งคู่หมั้นของน้องชาย
รถเก๋งคันสีบลอนด์เคลื่อนออกนอกประตูใหญ่ไปแล้ว เขาคิดว่ามธุรดาเป็นคนช่างสังเกต เรื่องคู่รักกำมะลอคงโกหกหญิงสาวได้ไม่นาน
จากนั้นเขาหันมาเอ่ยชมคนยืนข้าง ๆ “ขึ้นข้างบนกันเถอะ ผมมีเรื่องจะบอก”
ราคาขาย: 150 + 40 = 190 บาท
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก มัมมี่หัวใจพันทิวากาลราคาปก 175x10%=17 บาท + ค่าส่ง 40 = 57 บาท
(เฉพาะพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่ง
ยอดยืม 17 บาทจะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อนคือ 175
บาท ต่อเมื่อส่งหนังสือคืนร้านแล้ว
ทางร้านจะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ
: ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ
ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ
และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น