นิยายเปิดเช่าและขาย
เรื่องทรายร้อนซ่อนเสน่หา
ก่อนเวลาสี่โมงเย็นเล็กน้อย
ฮาจารีก็กลับมาถึงหมู่บ้าน
เขาแวะไปฮาเร็มเพื่อเยี่ยมเยียนบรรดาหญิงสาว พวกเธอเหล่านี้ต่างมีหน้าที่ให้การปรนนิบัติเขา
และไม่ว่าเธอจะถูกเรียกจากเขาหรือไม่นั้น หญิงสาวเหล่านี้ก็จะคงความซื่อสัตย์
ไม่คบหาชายอื่นก่อนจะได้รับอนุญาต เพราะตามธรรมเนียมของเผ่า
นางในฮาเร็มจะแต่งงานอยู่กินกับชายอื่นจะต้องได้รับการยินยอมจากหัวหน้าเผ่าเท่านั้น แต่ทว่าพวกเธอก็ไม่อาจเทียบได้กับวาสิตา
หญิงสาวต่างแดนผู้น่ารักที่ทำให้จิตใจอ่อนล้าสดชื่นทุกครั้งที่คิดถึง
ฮาจารีพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับหญิงสาวในฮาเร็มทุกคน ก่อนจะกลับมาบ้าน ซึ่งมีหญิงสาวอีกคนพักอาศัยอยู่ด้วย ห้องนั่งเล่นดูเหมือนจะเป็นห้องประจำสำหรับเธอและเขา
ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนเบาะนุ่มที่เปลี่ยนจากเบาะรองนั่งมาเป็นเบาะยาวสำหรับนอนพัก เขาเอ่ยถามขณะหญิงสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือ
ฮาจารีพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับหญิงสาวในฮาเร็มทุกคน ก่อนจะกลับมาบ้าน ซึ่งมีหญิงสาวอีกคนพักอาศัยอยู่ด้วย ห้องนั่งเล่นดูเหมือนจะเป็นห้องประจำสำหรับเธอและเขา
ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนเบาะนุ่มที่เปลี่ยนจากเบาะรองนั่งมาเป็นเบาะยาวสำหรับนอนพัก เขาเอ่ยถามขณะหญิงสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือ
“ได้ข่าวว่าวันนี้เธอมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกเยอะ”
“ค่ะ
นางในฮาเร็มของคุณสวยและใจดีทุกคนเลย”
วาสิตายังจำได้ถึงบรรยากาศอันครื้นเครงที่พวกนางต่างสรรหามาเล่าให้ฟัง กระทั่งถึงเวลาทาธิยานำพาเธอกลับมายังห้องนี้
“ฉันดีใจที่พวกนางทำให้เธอมีความสุข”
“คุณดูเครียดจัง ฮาจารี”
หญิงสาวเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
“คงเพราะเรื่องเธอจะต้องไปร่วมงานกับซูนัคเซน ทำให้ฉันเครียดไปหมด หนักหัวไปหมดแล้วรู้มั้ย”
เขาให้คำตอบท่ามกลางความไม่เห็นด้วย
“ก็คุยกันรู้เรื่องแล้วนี่คะ
ฉันสนใจงานนี้เพื่อทำโปรเจ็กต์ ไม่ได้จะไปเป็นนางในของเขาซะเมื่อไหร่”
“นางในหรือ..หึ..ฉันไม่ทันคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
เพราะฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นนางในของใครได้ถ้ามีฉันอยู่”
ฮาจารีพูดเสียงเครียด แต่นัยน์ตาพราว
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ฉันจะเก็บเธอไว้เองนะสิ”
“ฮาจารี”
วาสิตาตกประหม่าไม่คิดว่าเขาจะพูดแสดงความปรารถนาโจ่งแจ้งอย่างนี้
“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะค่ะ ฉันว่าคุณจะพาให้ฉันเครียดไปด้วยนะ”
“หึ
หลบเลี่ยงเก่งเหลือเกินสาวน้อย" เขาพูดดักคอ ก่อนดันตัวลุกนั่งแล้วจับมือเธอไปกุมข้างหนึ่ง "ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันชอบเธอ
ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน เธอคือดวงใจที่ฉันห่วงใย”
วาสิตาไม่กล้าพูดขัด
เพราะตอนนี้ความประทับใจและไออุ่นจากอุ้งมือของชายหนุ่มหัวหน้าเผ่าอัล-ซาฮานกำลังบีบกระชับมือของเธอ
ทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก
ทว่าความรู้สึกพิเศษที่แล่นปราดชั่วขณะ ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ระหว่างเธอกับเขา
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ”
เธอเลื่อนมือออกจากการเกาะกุมช้า ๆ
“ทำไมวาสิตา
เธอรังเกียจจะร่วมชีวิตกับฉันหรือ” เขานิ่วหน้า แต่ก็ยอมปล่อยมือเล็กเรียวโดยดี
เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว วาสิตารำพันในใจ “ฉันไม่รังเกียจคุณ”
“ถ้าไม่รังเกียจ
ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับไมตรีจากฉัน ทั้ง ๆ
ที่ฉันแสดงให้เธอเห็นชัดเจนว่าฉันรู้สึกกับเธอแบบไหน”
ฮาจารีโพล่งออกมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายนอกจากปฏิเสธหัวใจของเขาแล้ว ยังจะรักษาระยะห่างระหว่างกันให้น่าน้อยใจอีก
“คุณควรสนใจผู้หญิงในฮาเร็มของคุณให้มาก
พวกเธอรักและยกย่องเทิดทูนคุณนะคะ” เธอเสนอแนะ
“ฉันไม่ได้ชอบพวกเธอในแบบผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้ผู้หญิงที่เขารัก” ชายหนุ่มพูดสวนขึ้นมาทันควัน
หญิงสาวพยายามจะไม่ใจอ่อนกับคำพูดของเขา เพราะมันจะยิ่งทำให้เธอสับสน แค่นี้หัวใจก็ถลำลึกมากพอแล้ว “ฮาจารี คุณจะทำตามใจตัวเองโดยไม่นึกถึงทำเนียมเก่าก่อนเลยหรือคะ”
“ทำเนียมประเพณีมีไว้เพื่อให้คนเรามีจิตสำนึกและประพฤติปฏิบัติไปในทางที่ถูกที่ควร
ฉันก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหน ถ้าฉันจะเลือกภรรยาด้วยตัวของฉันเอง”
เรือนร่างบอบบางนิ่งอึ้งอยู่เป็นครู่ เธอพยักหน้ายอมรับในเหตุผลของเขา “ฉันเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจหรือ เข้าใจว่ายังไงล่ะ
ไหนบอกมาหน่อยซิ” ชายหนุ่มย้อนถาม
“เข้าใจว่าถ้าฉันเดินทางกลับบ้าน คุณก็คงเลือกคู่ครองได้เหมาะสมเองนั่นล่ะ” วาสิตาตอบอย่างซื่อ ๆ เมื่อใบหน้าสวยหวานของปราลีปรากฏขึ้นในความคิด ท่านหญิงปราลีจากตระกูลอัล-ซาฮานย่อมเหมาะสมกับเขาที่สุด
“เข้าใจว่าถ้าฉันเดินทางกลับบ้าน คุณก็คงเลือกคู่ครองได้เหมาะสมเองนั่นล่ะ” วาสิตาตอบอย่างซื่อ ๆ เมื่อใบหน้าสวยหวานของปราลีปรากฏขึ้นในความคิด ท่านหญิงปราลีจากตระกูลอัล-ซาฮานย่อมเหมาะสมกับเขาที่สุด
ฮาจารีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
พลางรำพันในใจว่า ‘เฮ้อ..ทำให้ผู้หญิงสักคนยอมรับหัวใจของเขาทำไมมันยากอย่างนี้นะ’
หญิงสาวตรงหน้าอายุยี่สิบสามห่างจากเขาถึงสิบหกปี
อีกฝ่ายเล่าว่าได้เข้าเรียนก่อนเกณฑ์และยังแถมสอบเทียบจนสามารถเรียนต่อปริญญาก่อนเพื่อนคนอื่น ส่วนเขาอายุใกล้ชนเลขสี่เข้าไปทุกที
ไม่แปลกเลยถ้าทางคณะท่านอาวุโสจะต้องรีบจัดหาคู่ครองมาให้เขาเลือก
เพื่อหวังทายาทสืบทอดตำแหน่ง แต่เขายังไม่ตัดสินใจเลือกใครสักที
มีเพียงเหตุผลเดียวคือ ยังไม่พบคนที่ถูกใจ
ฮาจารีครองโสดโดดเดี่ยวมาหลายปี เพราะเขาเชื่อในคำปฏิญาณขององค์เทวีไอซิส พระนางจะประทานคู่ครองมาให้เขาเมื่อเวลานั้นมาถึง และวาสิตาคือหญิงสาวที่เขาปักใจเชื่อตั้งแต่แรกพบว่า เธอคือคู่ครองที่องค์เทวีประทานมา
ถึงฮาจารีจะหงุดหงิดใจกับท่าทางหลบเลี่ยงของผู้หญิงตรงหน้า แต่เขาก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการเปลี่ยนเรื่องที่น่าสนใจกว่า
ฮาจารีครองโสดโดดเดี่ยวมาหลายปี เพราะเขาเชื่อในคำปฏิญาณขององค์เทวีไอซิส พระนางจะประทานคู่ครองมาให้เขาเมื่อเวลานั้นมาถึง และวาสิตาคือหญิงสาวที่เขาปักใจเชื่อตั้งแต่แรกพบว่า เธอคือคู่ครองที่องค์เทวีประทานมา
ถึงฮาจารีจะหงุดหงิดใจกับท่าทางหลบเลี่ยงของผู้หญิงตรงหน้า แต่เขาก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการเปลี่ยนเรื่องที่น่าสนใจกว่า
“เอาล่ะ
อย่าพูดถึงเรื่องกลับบ้านตอนนี้เลย ฉันยังมีที่ที่สวยงามให้เธอได้เพลิดเพลินอีก
สนใจหรือเปล่า”
“สนใจค่ะ ที่ไหนคะ” วาสิตาตาโตตื่นเต้นขึ้นมาทันที เรื่องเที่ยวแดนทะเลทรายเป็นที่น่าปรารถนาของเธออยู่แล้ว
“บ่อน้ำแร่โอเอซิส แถว ๆ นี้”
“แถวนี้มีบ่อน้ำแร่โอเอซิสด้วย" วาสิตาตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก
“มีสิ
แต่ว่าฉันต้องนอนพักสักงีบก่อน เมื่อคืนสะสางงานดึกยังต้องตื่นมาประชุมแต่เช้าอีก
รอก่อนนะ อ้อ อย่าได้ลุกไปไหนนั่งรออยู่ข้าง ๆ ถ้ารู้ว่าหนีหาย จะอดไป”
“หือ!”
วาสิตาหมั่นไส้ต่อคำขู่
จากนั้นเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่ถูกบังคับให้นั่งรออยู่ข้าง
ๆ ทิ้งร่างใหญ่ลงนอนปิดเปลือกตาสนิทพักร่างกายทุกส่วนนิ่งสงบ
วาสิตาถือโอกาสสำรวจตอนเขากำลังหลับ ดวงหน้าคร้ามเข้มบัดนี้หนวดเคราดกดำถูกตัดแต่งให้ดูน้อยลงเผยให้เห็นผิวหน้ามากขึ้น คิ้วหนาได้รูปจมูกโด่งเป็นสัน ปากล่างหนากว่าปากบนนิดหน่อย มุมปากคล้ายคนจะยิ้มอยู่ตลอดเวลาแม้ยามหลับ ไหนจะดวงตาที่บางครั้งดุดันแต่บางครั้งก็ดูอบอุ่น ลำคอตั้งตรง ช่วงอกผึ่งผายน่าฝากเนื้อฝากตัว
วาสิตาถือโอกาสสำรวจตอนเขากำลังหลับ ดวงหน้าคร้ามเข้มบัดนี้หนวดเคราดกดำถูกตัดแต่งให้ดูน้อยลงเผยให้เห็นผิวหน้ามากขึ้น คิ้วหนาได้รูปจมูกโด่งเป็นสัน ปากล่างหนากว่าปากบนนิดหน่อย มุมปากคล้ายคนจะยิ้มอยู่ตลอดเวลาแม้ยามหลับ ไหนจะดวงตาที่บางครั้งดุดันแต่บางครั้งก็ดูอบอุ่น ลำคอตั้งตรง ช่วงอกผึ่งผายน่าฝากเนื้อฝากตัว
ชายหนุ่มในฝันของเธอ ...
วาสิตานึกถึงคำพูดของแม่เพื่อนสาวที่มักล้อเลียนเธออยู่เสมอ ชอบอ่านการ์ตูนเรื่องคำสาปฟาโรห์ก็เพราะฝันอยากมีแฟนเป็นหนุ่มอาหรับ
คงจะดีถ้าระหว่างเธอและฮาจารีจะเป็นเนื้อเรื่องที่ลงตัวได้สวยไม่ใช่อวสานด้วยการจากลา เหมือนดั่งการ์ตูนเรื่องนั้น
นึกแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เพราะสักวันเธอและเขาก็ต้องจากกัน
และถ้าถึงเวลานั้นเขาจะคิดถึงเธอหรือเปล่าหนอ วาสิตาไม่เข้าใจว่าอะไรดลใจให้เธอใช้ปลายนิ้วสัมผัสคางสากระคายของเขา และด้วยไม่ทันคิดว่าคนหลับจะคว้าตะครุบมือไว้ เธอถึงกลับสะดุ้งตกใจ
“ฉันขอโทษค่ะที่ทำให้คุณตื่น”
“เปล่าเลยสาวน้อย
ฉันไม่ได้หลับซักนิด ฉันเพียงนอนนิ่ง ๆ ให้เธอได้สำรวจตามอำเภอใจ”
ใบหน้าวาสิตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงเขาพูดมาแบบนั้นทั้งที่เปลือกตายังหลับสนิท เธอดึงมือออกจากการเกาะกุม นึกเคืองตัวเองที่เผลอทำอะไรน่าอายลงไป จึงแกล้งทำเสียงบ่นกลบเกลื่อน
“คุณเอาแต่นอนหลับสบาย
โดยหลอกให้ฉันนั่งเฝ้า ทั้งที่ตอนนี้เราน่าจะได้นั่งอยู่ในบ่อน้ำแร่แล้ว”
ฮาจารีเปิดเปลือกตายันตัวเองลุกขึ้นคว้าเอวเธอไว้ เมื่อเห็นเธอทำท่าจะขยับออกห่าง
“อุ้ย!..”
คนอายอยู่แล้วก็ยิ่งอายหน้าแดงไปอีก เมื่อร่างใหญ่ลุกขึ้นมาโอบร่างตนไว้ราวคู่รักคู่หนึ่งกำลังพรอดรักกัน หัวใจเธอเต้นแรงจนน่ากลัวเขาจะได้ยิน ขณะเขาก้มลงมาจนปลายจมูกจดใบหน้าของเธอ เธอใช้มือดันแผงอกเขาไว้ ก่อนร้องห้าม
คนอายอยู่แล้วก็ยิ่งอายหน้าแดงไปอีก เมื่อร่างใหญ่ลุกขึ้นมาโอบร่างตนไว้ราวคู่รักคู่หนึ่งกำลังพรอดรักกัน หัวใจเธอเต้นแรงจนน่ากลัวเขาจะได้ยิน ขณะเขาก้มลงมาจนปลายจมูกจดใบหน้าของเธอ เธอใช้มือดันแผงอกเขาไว้ ก่อนร้องห้าม
“ฮาจารี คุณทำแบบนี้ไม่ได้”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็แค่อยากจะมองเธอใกล้ ๆ บ้างเท่านั้น”
ฮาจารีฉีกยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นสีหน้าระเรื่อแดงของอีกฝ่าย
เขาจับปลายคางของเธอให้เงยหน้าสบตากับเขา “คราวต่อไป ฉันไม่ให้เธอเอาเปรียบมองฉันฝ่ายเดียวแล้วนะ”
ชายหนุ่มพูดจาคาดโทษขณะปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“ฉันว่าเราไปกันเถอะ ฉันอยากลงไปแช่น้ำแร่เต็มทน ยิ่งมีผู้หญิงสวยลงไปแช่อยู่ข้าง ๆ
การแช่น้ำแร่วันนี้สำหรับฉันคงเป็นนิมิตรหมายที่ดี”
“แล้วเราจะไปกันยังไงล่ะคะ
ฉันหมายถึงเรายังไม่ได้เตรียมอะไรเลย” จู่ ๆ
เขาก็มาชวนเธอไปนอนแช่น้ำโดยไม่บอกล่วงหน้า
ยังแถมมานอนหลับตาหลอกให้เธอนั่งเฝ้าอีก เธอจะมีเวลาเตรียมตัวอย่างไรกัน
“ทาธิยาคงจัดของไว้แล้ว
วาสิตา
วันนี้ฉันจะทำให้เป็นวันแห่งความสุข อย่างที่เธอไม่มีวันลืม”
ชายหนุ่มบ่งบอกความหวัง ร่างใหญ่ดีดตัวลุกขึ้นและยื่นมือมาพยุงเธอลุกขึ้นตาม
ฮาจารีใช้การขี่ม้ากับการเดินทางไปบ่อน้ำแร่ที่มีระยะทางเป็นผืนทราย ม้าของเขาเป็นม้าตัวใหญ่ส่วนเธอเป็นลูกม้าตัวเมีย ลูกม้าฝึกหัดถูกนำมาใช้เป็นยานพาหนะครั้งแรก
กับคนเพิ่งหันขี่ม้าอย่างเธอ การเดินทางครั้งนี้จึงดูทุลักทุเลพอสมควร หญิงสาวตั้งปณิธานกลับถึงเมืองไทย เธอต้องหาเวลาไปปรับเปลี่ยนการขี่ม้าแสนแย่
ๆ ของเธอเสียใหม่
ระยะทางจากตัวหมู่บ้านมาถึงบ่อน้ำแร่ใช้เวลากับการขี่ม้าครึ่งชั่วโมง รอบบ่อน้ำแร่มีโขดหินก้อนเล็กก้อนน้อย พุ่มไม้เตี้ยขึ้นเขียวขจี ส่วนต้นไม้ใหญ่มีเสียงนกดังแว่วมา ธรรมชาติสดชื่นอากาศบริสุทธิ์นำพาหัวใจว้าวุ่นกลับสู่ความสงบ วาสิตามองน้ำแร่ที่ไหลคดเคี้ยวตามโขดหินที่โผล่พ้นน้ำ จากนั้นเสียงใสอุทาน
ระยะทางจากตัวหมู่บ้านมาถึงบ่อน้ำแร่ใช้เวลากับการขี่ม้าครึ่งชั่วโมง รอบบ่อน้ำแร่มีโขดหินก้อนเล็กก้อนน้อย พุ่มไม้เตี้ยขึ้นเขียวขจี ส่วนต้นไม้ใหญ่มีเสียงนกดังแว่วมา ธรรมชาติสดชื่นอากาศบริสุทธิ์นำพาหัวใจว้าวุ่นกลับสู่ความสงบ วาสิตามองน้ำแร่ที่ไหลคดเคี้ยวตามโขดหินที่โผล่พ้นน้ำ จากนั้นเสียงใสอุทาน
“เหมือนสวนสวรรค์ที่ตั้งอยู่บนผืนทรายเลยค่ะฮาจารี”
หารู้ไม่ว่าภาพใบหน้าร่าเริงเบิกบาน นำพาความสุขสดชื่นมาสู่หัวใจชายหนุ่มเจ้าของสถานที่มากมายเพียงใด
หารู้ไม่ว่าภาพใบหน้าร่าเริงเบิกบาน นำพาความสุขสดชื่นมาสู่หัวใจชายหนุ่มเจ้าของสถานที่มากมายเพียงใด
ฮาจารีสุขใจที่ได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพังในบรรยากาศสุขสงบรอบตัวอย่างนี้ มันสามารถลบล้างความอ้างว้างที่เกาะกินใจเขามานาน
ชายหนุ่มก้าวลงไปยืนตรงโขดหินที่อยู่เลยขอบสระไปนิด
ก่อนจะเอี้ยวตัวยื่นมือมารอรับ
วาสิตาส่งมือให้เขาจับและก้าวไปยืนเคียงกัน
“อยากลงไปนอนแช่น้ำหรือยัง” เขาเอ่ยถาม
“ฉัน เอ่อ..ยังไม่อยากลงค่ะ” พูดปฏิเสธออกไป ทั้งใจจริงอยากจะลงไปกวักน้ำใส ๆ เล่นจนใจจะขาด ติดอยู่ที่ว่าเธอมากับเขานั่นล่ะ
“ตามใจนะ
ฉันลงคนเดียวก็ได้ แต่ถ้าคิดเปลี่ยนใจชุดเธออยู่ตรงนั้น” ฮาจารีเอ่ยยิ้ม ๆ
ขณะชี้มือไปที่ตะกร้าหวายวางอยู่บนผ้าผืนสีขาว ในนั้นมีผ้าหลายพับ
เขาสั่งให้ทาธิยาตระเตรียมไว้หลังจากอัคห์เหม็ดบอกกับเขาว่าได้มานอนแผ่หลาอยู่ที่นี่นับชั่วโมง
เมื่อเสร็จจากการไปล่าสัตว์
วาสิตานั่งมองฮาจารีนอนลอยคออยู่ในบ่อน้ำราวกับจระเข้
โดยที่หางตาก็เหลือบแลไปทางตะกร้าเสื้อผ้าอยู่เป็นระยะ เธออยากลงไปสัมผัสน้ำแร่โอเอซิสจะแย่อยู่แล้ว
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำให้เกิดใจกล้าขึ้นมาได้กระทั่ง
“อุ้ย! ฮาจารี”
หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ จู่ ๆ ชายหนุ่มโผล่พรวดจากน้ำมาลอยคออยู่ริมโขดหิน
“อย่าทรมานตัวเองอยู่เลยน่าสาวน้อย ลงมานอนแช่น้ำแร่ด้วยกันดีกว่า จากวันนี้ฉันก็ไม่รู้จะว่างพาเธอมาอีกเมื่อไร”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว วาสิตานึกเสียดายขึ้นมาทันที
เขาพูดมีเหตุผล
คนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบล้นมืออย่างเขาคงหาเวลานอกเหนือตารางงานยากเต็มที ถ้าเกิดว่าฮาจารีไม่คิดพาเธอมาที่นี่อีก หรือเธอเกิดได้กลับบ้านขึ้นมากระทันหัน คงพลาดโอกาสได้สัมผัสน้ำแร่โอเอซิสแห่งนี้แน่
ใช่สิ..ถึงอย่างไรเธอก็ต้องกลับบ้าน
หญิงสาวลุกเดินไปที่ตะกร้าเสื้อผ้า หยิบผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนแล้วเดินไปหลังโขดหิน
จากนั้นไม่นานร่างบอบบางในชุดลำลองเหมาะสำหรับลงน้ำ ก็แหวกว่ายสำราญใจในบ่อน้ำแร่ โดยสายตาของฮาจารีมองด้วยความพึงพอใจ
วาสิตาลืมความรู้สึกหวาดระแวงในตัวเขาไปชั่วขณะ
เวลานี้ความสุขสดชื่นกับบรรยากาศของโอเอซิสนำพาความซาบซ่านให้หัวใจอย่างที่สุด
เธอและเขาต่างคนต่างอยู่ในวังวนแห่งความเพลิดเพลิน
แทบลืมเวลานาทีที่ผ่านไป จนเมื่อขึ้นฝั่งมานอนแผ่หลาลืมตามองท้องฟ้าด้วยกัน
ต่างผ่อนลมหายใจยาวอย่างแสนอภิรมย์
“ฉันไม่เคยได้สัมผัสความสุขจริง ๆ
สักครั้ง ต่อเมื่อมีเธอเข้ามาในชีวิต” ชายหนุ่มพูดขึ้น
วาสิตาหันไปมองคนข้าง ๆ ยามนี้เขานอนเหยียดยาว ทิ้งสายตามองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม
แม้ว่าเธอและฮาจารีจะใช้เวลาใกล้ชิดกันไม่กี่วัน ก็นำพาความรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งที่คิดว่าวันหนึ่งเราต้องจากกัน สีหน้าเปี่ยมสุขของหญิงสาวเจื่อนลงทันที ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมามอง เขาคงสัมผัสถึงอาการเงียบงัน เธอจึงรีบเอียงใบหน้าหนีจากสายตาจ้องจับ แล้วพูดขึ้น
“คุณมีผู้หญิงในฮาเร็มหลายคน
พวกนางคนหนึ่งคนใดคงจะทำให้คุณมีความสุข”
“แต่หนึ่งในนั้นไม่มีเธอ”
ฮาจารีพูดสวนมา เขาเอื้อมมือมากดคลึงศีรษะเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
โดยที่หญิงสาวไม่คิดต่อต้านหรือหลีกหนี
เพราะต้องการเก็บซับไออุ่นจากเขาให้มากที่สุดจากช่วงเวลาสั้น ๆ นี้
“ถ้าฉันอยู่ที่นั่นคุณคิดว่าฉันจะทำได้ดีกว่าคนอื่นงั้นหรือคะ
เสียใจค่ะฮาจารีฉันคงได้ไปจากคุณก่อนจะได้ศึกษาวิธีปรนนิบัติคุณด้วยซ้ำ”
“ลืมเรื่องไปจากฉันได้เลยวาสิตา เพราะฉันเชื่อในสิ่งที่ฉันเชื่อ
และเราจะได้อยู่ด้วยกัน”
เขากล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ในความเชื่อที่มีมายาวนาน
วาสิตาเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เธอคงทำให้เขาเปลี่ยนความเชื่อนี้ไม่ได้
การมีความหวังกับบางอย่าง บางครั้งก็ทำให้ชีวิตมีคุณค่ามีความหมาย
ทว่าถึงวันนั้น..หัวใจเธอจะเป็นเช่นไร ..?
“เมื่อทางบ้านของฉันไม่ได้รับการติดต่อ พวกเขาต้องเดินทางมาตามหาฉันค่ะ”
สิ้นคำพูดของหญิงสาว
ฮาจารีลุกนั่งพร้อมกับดึงร่างบอบบางขึ้นมาด้วย เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตากลมโต แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม
“ฟังนะวาสิตา ฉันรู้สึกถึงการรอคอยมาแสนนาน
และถ้าถึงวันที่เธอจะจากฉันไปอีก ฉันก็จะรอคอยเธอต่อไปจนกว่าเธอจะกลับมา”
“อย่าหลอกตัวเองเลยค่ะฮาจารี
คุณรู้ดีว่าฉันและคุณต่างมีช่องว่างกว้างเกิน เกินกว่าที่เราจะใช้ชีวิตแบบธรรมดาได้ ระหว่างเราความรักไม่ใช่เพียงคนสองคนเท่านั้น”
เมื่อเธอพูดออกไป หัวใจดวงน้อยก็เกิดอาการสั่นสะเทือนอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหมือนมันกำลังสะอื้น
เธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้แล้วหรือ..?ทำไมความรู้สึกเช่นนี้ถึงเกิดขึ้นง่ายดายนัก
หรือจะจริงอย่างที่ตำนานเล่าขานมายาวนานถึงมนต์เสน่ห์แห่งอียิปต์
ที่ไม่ว่าใครได้เผลอตัวเข้ามาก็จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ง่ายๆ
ฮาจารีตวัดแขนโอบรอบตัวเธอ
ก่อนจะกระชับกอดอย่างหวงแหน “ฉันไม่เคยคิดว่าระหว่างเรามีช่องว่างอะไร ฉันยอมทำทุกอย่างขอเพียงให้เธอยอมอยู่กับฉัน”
วาสิตาแนบศีรษะตนเองกับแผงอกของเขา
ดวงตามีหยาดน้ำตาซึม
ฮาจารีไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนอื่นในชีวิตของเขาตั้งแต่แรกแล้ว
เขายกย่องและให้เกียรติราวเธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา แต่กระนั้นเมื่อคิดถึงความเหมาะสมระหว่างเธอและเขา
หญิงสาวก็ต้องตัดใจ
“เราเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะค่ะ
เย็นมากแล้ว” วาสิตาเอ่ยตัดบท
พลางขืนตัวออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย เธอไม่อาจทนรับฟังวาจาของเขาได้อีก
ไม่อยากปวดใจกับถ้อยคำที่เขาพรั่งพรูออกมาให้ได้ยิน รังแต่จะทำให้ทั้งคู่มีชีวิตต่อไปกับความทุกข์
ฮาจารีจ้องมองใบหน้าสวยหวานด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดหญิงสาวต้องกังวลถึงความแตกต่างระหว่างกัน ในเมื่อยุคสมัยนี้คนต่างเชื้อชาติศาสนาก็อยู่กินกันดาษดื่น หรือว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว
ถึงจะถูกปฏิเสธอย่างนั้น ฮาจารีก็ค่อนข้างแน่ใจว่าความจริงใจที่เขามีให้ จะสามารถทำให้วาสิตายอมรับเขาในวันหนึ่ง ระหว่างทั้งคู่ขี่ม้าเดินเหยาะ ๆ กลับหมู่บ้าน บรรยากาศบางอย่างบ่งบอกภัยที่กำลังก่อตัว
ตามสัญชาตญาณของนักรบทะเลทราย เขากระตุกม้าให้หยุดยืน
“มีอะไรหรือค่ะฮาจารี..?” หญิงสาวเอ่ยถามพลางหยุดม้าของตนเองบ้าง
เธอสังเกตเห็นสีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
“พายุทราย” เขาตอบเบา ๆ
ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้าแล้วรับตัวเธอลงจากหลังม้าเช่นกัน จากนั้นจึงมองหาที่หลบภัยพร้อมกับเอ่ยบอก
“พายุทรายกำลังมา ตอนนี้เราต้องหาที่หลบก่อน”
“พายุทราย..” วาสิตาตื่นเต้นกับประสบการณ์ความมหัศจรรย์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังมา!
“ทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนกะทันหันอย่างนี้ คงเป็นเรื่องยากที่เราจะฝ่ามันไปถึงหมู่บ้าน”
“แล้วม้าล่ะคะ” ม้าสองตัวน่าเป็นห่วง ถ้ามันจะถูกพายุฝังกลบ
“ม้าอาหรับรู้วิธีหลบของมันดี เอาล่ะ ฉันรู้จักที่หลบเจ้าพายุบ้าคลั่งนั่น ตามมาเถอะ”
ฮาจารีไม่รอช้า กึ่งลากกึ่งจูงเธอไปยังสถานที่นั้นทันที
หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้ทันชายหนุ่มที่มีความเร็วในการวิ่งมากขึ้น เขาตรงไปยังเนินหินที่พอมองเห็นอยู่ลิบ ๆ เธอคาดเดาว่าคงใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าที่เขาและเธอจะไปถึงที่นั่น ด้วยความไม่ถนัดเดินบนผืนทรายของเธอเอง
ให้ตายสิ กลายเป็นว่าพอหลังอาบน้ำแร่แช่หาความสำราญ เธอและเขาก็ต้องผจญการไล่ล่าของพายุทราย
ครู่ต่อมา หญิงสาวก็เห็นแล้วว่า
พายุทรายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่งอย่างไร แรงพายุหอบเม็ดทรายปลิวว่อนขึ้นไปบนอากาศหมุนเป็นวง เม็ดทรายพัดพุ่งเข้าใส่ทั้งจมูกทั้งตา
อากาศที่เคยหายใจกลับกลายเป็นกลิ่นอายทราย เธอสูดเข้าไปมากจนรู้สึกคอแห้ง ส่วนดวงตาก็แสบร้อนแทบลืมไม่ขึ้น
หญิงสาวล้มหลายครั้งเพราะยกเท้าไม่พ้นผิวทราย
ฮาจารีต้องช่วยฉุดและพยายามพยุงตัวเธอมุ่งหน้าตรงไปสถานที่กำบังอย่างทุลักทุเล
เนินหินลักษณะคล้ายถ้ำหินเล็ก ๆ พอจะใช้เป็นที่หลบได้ แม้จะมองเห็นปากถ้ำหินมีระยะทางเพียงสั้นแล้ว แต่วาสิตาก็หมดแรงเสียก่อน ร่างของเธอถลาล้มคว่ำลงท่ามกลางพายุทรายที่โหมกระหน่ำ ฝุ่นทรายละเอียดซอกซอนเข้าไปในรูจมูกและลำคอมากขึ้น ที่สำคัญเธอรู้สึกเจ็บข้อเท้า
“วาสิตา..รีบไปกันเร็ว..” มืออันทรงพลังแข็งแรงของฮาจารีพยายามรั้งร่างเธอขึ้น ขณะเธอพยายามอ้าปากหายใจ แต่ก็เหมือนหอบเอาอากาศลวกร้อนเต็มไปด้วยฝุ่นมากกว่า
"ฉันเจ็บข้อเท้า" ดวงตาอ่อนล้าเหลือบมองร่างสูงของเขายืนตระหง่านค้ำจุณร่างของเธอมิให้ล้มลงไปอีก ส่วนแขนแข็งแรงก็คอยประคองรองรับร่างของเธอตลอดเวลา
เนินหินลักษณะคล้ายถ้ำหินเล็ก ๆ พอจะใช้เป็นที่หลบได้ แม้จะมองเห็นปากถ้ำหินมีระยะทางเพียงสั้นแล้ว แต่วาสิตาก็หมดแรงเสียก่อน ร่างของเธอถลาล้มคว่ำลงท่ามกลางพายุทรายที่โหมกระหน่ำ ฝุ่นทรายละเอียดซอกซอนเข้าไปในรูจมูกและลำคอมากขึ้น ที่สำคัญเธอรู้สึกเจ็บข้อเท้า
“วาสิตา..รีบไปกันเร็ว..” มืออันทรงพลังแข็งแรงของฮาจารีพยายามรั้งร่างเธอขึ้น ขณะเธอพยายามอ้าปากหายใจ แต่ก็เหมือนหอบเอาอากาศลวกร้อนเต็มไปด้วยฝุ่นมากกว่า
"ฉันเจ็บข้อเท้า" ดวงตาอ่อนล้าเหลือบมองร่างสูงของเขายืนตระหง่านค้ำจุณร่างของเธอมิให้ล้มลงไปอีก ส่วนแขนแข็งแรงก็คอยประคองรองรับร่างของเธอตลอดเวลา
“เจ็บข้อเท้าหรือ”
เสียงถามดังแข่งกับลมพายุของฮาจารี เหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล
เธอแทบไม่ได้ยิน มีเพียงดวงตาของเขา ทำให้เธอรับรู้ว่าเขาห่วงใยเธอเพียงใด
ครู่ต่อมา ทั้งสองคนก็เข้ามาถึงถ้ำหลบภัยได้สำเร็จ วาสิตาปวดแปลบไปทั้งตัว แต่เก็บอาการไว้ไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องมากังวลกับตัวเธอ
ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีเทาก่อนจะค่อย ๆ กลายเป็นสีนิลไปในที่สุด
ครู่ต่อมา ทั้งสองคนก็เข้ามาถึงถ้ำหลบภัยได้สำเร็จ วาสิตาปวดแปลบไปทั้งตัว แต่เก็บอาการไว้ไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องมากังวลกับตัวเธอ
ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีเทาก่อนจะค่อย ๆ กลายเป็นสีนิลไปในที่สุด
“เจ็บมากใช่มั้ย” เขาถาม
“นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบ
พลางกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้
ฮาจารีรู้ว่าหญิงสาวกล้ำกลืนความเจ็บปวดเพื่อความสบายใจของเขา
เขาโอบกระชับร่างบอบบางไว้ในอก พร้อมกับวางคางบนศีรษะที่เต็มไปด้วยเม็ดทรายเพื่อปลอบขวัญ ก่อนล้วงมือหยิบบางสิ่งออกมาจากซอกเสื้อคลุม แสงสลัว ๆ ทำให้เห็นวัตถุรูปร่างเหรียญเพียงเลือนราง สิ่งนั้นส่องแสงสีทองตัดกับบรรยากาศสีหม่น
“อะไรคะ?”
“เหรียญสุริยะ" เขาตอบ แล้วสวมสร้อยลงบนคอของเธอ "สุริยเทพจะดูแลปกป้องทุกคนที่เป็นลูกหลาน
เธอเก็บเหรียญนี้ไว้เถอะเพื่อความปลอดภัย”
วาสิตาสะดุดตากับแสงทองที่สะท้อนออกมา
เธอหยิบเหรียญขึ้น จ้องมองรูปสลักนูนบนเหรียญ เห็นเป็นดวงตาด้านขวา
เธอเหมือนคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้ แต่เธอเหนื่อยล้าเกินจะกล่าวอะไรออกมา จึงกำเหรียญแห่งเทพไว้มั่น พร้อมซบลงบนอกของเขา พายุทรายยังไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ หญิงสาวนั่งขุดคู้อยู่ในอ้อมอกกว้างอบอุ่น
เสียงหอบดังกระชั้นชิดสัมผัสแรงเต้นหัวใจของกันและกันถนัดถนี่
“คงอีกนานกว่าพายุจะสงบ”
เสียงชายหนุ่มดึงสติครึ่งหลับครึ่งตื่นของเธอ เพียงครู่เดียวเปลือกตาของเธอก็ปิดสนิทเข้าสู่อาการหลับใหล
ฮาจารีแอบสูดกลิ่นผมหอมของคนนั่งซุกอกของเขาจนหลับ พลางนึกขบขันตัวเองที่ต้องพยายามบังคับแรงเต้นของหัวใจให้เป็นไปอย่างปกติที่สุด ก่อนจะนึกทึ่งกับความอดทนของหญิงสาว หมดแรงแทบจะล้มพับแบบนั้นยังอุตส่าห์พยุงตัวเองจนมาถึงถ้ำได้
ฮาจารีแอบสูดกลิ่นผมหอมของคนนั่งซุกอกของเขาจนหลับ พลางนึกขบขันตัวเองที่ต้องพยายามบังคับแรงเต้นของหัวใจให้เป็นไปอย่างปกติที่สุด ก่อนจะนึกทึ่งกับความอดทนของหญิงสาว หมดแรงแทบจะล้มพับแบบนั้นยังอุตส่าห์พยุงตัวเองจนมาถึงถ้ำได้
ในขณะร่างบอบบางขยับตัวออก แล้วเอนศีรษะหอมกรุ่นกลับมาซบอกหนาอีก เขาจ้องมองขนตายาวเป็นแพรบนเปลือกตาที่ปิดสนิท สายตาสะดุดอยู่ที่ริมฝีปากสวย
เขาต้องต่อสู้กับความคิดจะขโมยจูบ เพียงเพราะไม่อยากทำลายความไว้ใจของอีกฝ่าย
พายุทรายเริ่มสงบลง
จากนั้นสักพักฮาจารีก็ได้ยินเสียงตะโกนก้องดังจากทิศตะวันออก
ชายหนุ่มเขย่าร่างหญิงสาวผู้กำลังหลับใหลเบา ๆ เธอครางงึมงำบางอย่าง ก่อนกะพริบตาถี่ ๆ
หญิงสาวสัมผัสถึงไออุ่นจากแผงอกของใครบางคน ได้สติก็ดันตัวเองออกมานั่งตัวแข็ง "ฉันเผลอหลับหรือคะ"
หญิงสาวสัมผัสถึงไออุ่นจากแผงอกของใครบางคน ได้สติก็ดันตัวเองออกมานั่งตัวแข็ง "ฉันเผลอหลับหรือคะ"
“ขอโทษนะที่ต้องปลุกทั้งที่กำลังหลับ แต่พายุหยุดแล้ว
และฉันได้ยินเสียงคนกำลังเรียกหาเรา”
สิ้นเสียงฮาจารีก็มีเสียงคนหลายคนตะโกนก้องพร้อมกัน
“พวกนั้นคงใกล้เข้ามาแล้ว เราออกไปยืนรอนอกถ้ำกันเถอะ”
เขาพยุงร่างเธอลุกขึ้น พากันเดินออกไปยืนรอผู้ติดตามทางหน้าปากถ้ำ ในชั่วเวลานั้นหญิงสาวสังเกตว่าอาการเจ็บข้อเท้าได้หายเป็นปลิดทิ้ง ความอุ่นร้อนตรงบริเวณอกทำให้เธอคาดว่าน่าจะเป็นอิทธิฤทธิ์ของเหรียญศักดิ์สิทธิ์ หญิงสาวหันมาส่งยิ้มและบอกกับชายหนุ่มว่า
เขาพยุงร่างเธอลุกขึ้น พากันเดินออกไปยืนรอผู้ติดตามทางหน้าปากถ้ำ ในชั่วเวลานั้นหญิงสาวสังเกตว่าอาการเจ็บข้อเท้าได้หายเป็นปลิดทิ้ง ความอุ่นร้อนตรงบริเวณอกทำให้เธอคาดว่าน่าจะเป็นอิทธิฤทธิ์ของเหรียญศักดิ์สิทธิ์ หญิงสาวหันมาส่งยิ้มและบอกกับชายหนุ่มว่า
“วันนี้จะเป็นวันที่ฉันจะจดจำไปชั่วชีวิต อย่างที่คุณบอกไว้เลยค่ะฮาจารี”
เมื่อพายุทรายได้สงบลงโดยสิ้นเชิงแล้ว
ทั้งสองก็เห็นอัคห์เหม็ดกับชาระมาพร้อมผู้ติดตามอีกสามนาย
ทุกคนต่างจูงม้าและมีอาวุธพร้อมมือ
ชาระกล่าวขึ้นหลังจากเข้ามาถึงตัวเจ้านายก่อนใคร
“ขอโทษด้วยนายท่าน
เราฝ่าพายุมากันไม่ได้”
“ไม่เป็นไร เราเอาตัวรอดได้
พวกเจ้าเดินทางมารับเราก็ถือว่าดีแล้ว”
ฮาจารีโบกมือให้กับทุกคนเป็นการให้อภัยในความล่าช้าที่สุดวิสัย
เพราะพายุทรายไม่เคยปราณีใคร และไม่เคยมีใครต้านทานมันได้
ราคาปก 249 บาท
ทำมือขาย: 180 + 40 = 220 บาท
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก คิดค่าส่ง 40 (พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ตัวอย่างเช่น
นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้
จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว
จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
สรุปยอดโอนลูกค้า 200 + 40 = 240 บาท หลังจากร้านได้รับหนังสือคืนแล้วจะโอนคืนให้ในยอด 200-20= 180 บาท
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น