วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ทรายร้อนซ่อนเสน่หา : บทที่ 9 ไอร้อนซ่อนรัก


นิยายเปิดเช่าและขาย

เรื่องทรายร้อนซ่อนเสน่หา





ก่อนเวลาสี่โมงเย็นเล็กน้อย ฮาจารีก็กลับมาถึงหมู่บ้าน เขาแวะไปฮาเร็มเพื่อเยี่ยมเยียนบรรดาหญิงสาว พวกเธอเหล่านี้ต่างมีหน้าที่ให้การปรนนิบัติเขา และไม่ว่าเธอจะถูกเรียกจากเขาหรือไม่นั้น หญิงสาวเหล่านี้ก็จะคงความซื่อสัตย์ ไม่คบหาชายอื่นก่อนจะได้รับอนุญาต เพราะตามธรรมเนียมของเผ่า นางในฮาเร็มจะแต่งงานอยู่กินกับชายอื่นจะต้องได้รับการยินยอมจากหัวหน้าเผ่าเท่านั้น  แต่ทว่าพวกเธอก็ไม่อาจเทียบได้กับวาสิตา หญิงสาวต่างแดนผู้น่ารักที่ทำให้จิตใจอ่อนล้าสดชื่นทุกครั้งที่คิดถึง
ฮาจารีพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับหญิงสาวในฮาเร็มทุกคน ก่อนจะกลับมาบ้าน ซึ่งมีหญิงสาวอีกคนพักอาศัยอยู่ด้วย ห้องนั่งเล่นดูเหมือนจะเป็นห้องประจำสำหรับเธอและเขา
ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนเบาะนุ่มที่เปลี่ยนจากเบาะรองนั่งมาเป็นเบาะยาวสำหรับนอนพัก เขาเอ่ยถามขณะหญิงสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือ   
ได้ข่าวว่าวันนี้เธอมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกเยอะ”
ค่ะ นางในฮาเร็มของคุณสวยและใจดีทุกคนเลย” วาสิตายังจำได้ถึงบรรยากาศอันครื้นเครงที่พวกนางต่างสรรหามาเล่าให้ฟัง  กระทั่งถึงเวลาทาธิยานำพาเธอกลับมายังห้องนี้ 
ฉันดีใจที่พวกนางทำให้เธอมีความสุข”
คุณดูเครียดจัง ฮาจารี” หญิงสาวเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
คงเพราะเรื่องเธอจะต้องไปร่วมงานกับซูนัคเซน   ทำให้ฉันเครียดไปหมด หนักหัวไปหมดแล้วรู้มั้ย” เขาให้คำตอบท่ามกลางความไม่เห็นด้วย 
ก็คุยกันรู้เรื่องแล้วนี่คะ ฉันสนใจงานนี้เพื่อทำโปรเจ็กต์ ไม่ได้จะไปเป็นนางในของเขาซะเมื่อไหร่”
นางในหรือ..หึ..ฉันไม่ทันคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นนางในของใครได้ถ้ามีฉันอยู่” ฮาจารีพูดเสียงเครียด แต่นัยน์ตาพราว
ทำไมล่ะคะ”
ก็ฉันจะเก็บเธอไว้เองนะสิ”
ฮาจารี” วาสิตาตกประหม่าไม่คิดว่าเขาจะพูดแสดงความปรารถนาโจ่งแจ้งอย่างนี้ “เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะค่ะ ฉันว่าคุณจะพาให้ฉันเครียดไปด้วยนะ”
หึ หลบเลี่ยงเก่งเหลือเกินสาวน้อย" เขาพูดดักคอ ก่อนดันตัวลุกนั่งแล้วจับมือเธอไปกุมข้างหนึ่ง "ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันชอบเธอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน เธอคือดวงใจที่ฉันห่วงใย”
วาสิตาไม่กล้าพูดขัด เพราะตอนนี้ความประทับใจและไออุ่นจากอุ้งมือของชายหนุ่มหัวหน้าเผ่าอัล-ซาฮานกำลังบีบกระชับมือของเธอ ทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก ทว่าความรู้สึกพิเศษที่แล่นปราดชั่วขณะ ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ระหว่างเธอกับเขา
ปล่อยฉันเถอะค่ะ” เธอเลื่อนมือออกจากการเกาะกุมช้า ๆ
ทำไมวาสิตา เธอรังเกียจจะร่วมชีวิตกับฉันหรือ” เขานิ่วหน้า แต่ก็ยอมปล่อยมือเล็กเรียวโดยดี
เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว วาสิตารำพันในใจ “ฉันไม่รังเกียจคุณ” 
ถ้าไม่รังเกียจ ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับไมตรีจากฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันแสดงให้เธอเห็นชัดเจนว่าฉันรู้สึกกับเธอแบบไหน” ฮาจารีโพล่งออกมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายนอกจากปฏิเสธหัวใจของเขาแล้ว ยังจะรักษาระยะห่างระหว่างกันให้น่าน้อยใจอีก
คุณควรสนใจผู้หญิงในฮาเร็มของคุณให้มาก พวกเธอรักและยกย่องเทิดทูนคุณนะคะ” เธอเสนอแนะ 
“ฉันไม่ได้ชอบพวกเธอในแบบผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้ผู้หญิงที่เขารัก” ชายหนุ่มพูดสวนขึ้นมาทันควัน
หญิงสาวพยายามจะไม่ใจอ่อนกับคำพูดของเขา เพราะมันจะยิ่งทำให้เธอสับสน  แค่นี้หัวใจก็ถลำลึกมากพอแล้ว “ฮาจารี คุณจะทำตามใจตัวเองโดยไม่นึกถึงทำเนียมเก่าก่อนเลยหรือคะ”
ทำเนียมประเพณีมีไว้เพื่อให้คนเรามีจิตสำนึกและประพฤติปฏิบัติไปในทางที่ถูกที่ควร ฉันก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหน ถ้าฉันจะเลือกภรรยาด้วยตัวของฉันเอง”
เรือนร่างบอบบางนิ่งอึ้งอยู่เป็นครู่ เธอพยักหน้ายอมรับในเหตุผลของเขา “ฉันเข้าใจแล้ว”
เข้าใจหรือ เข้าใจว่ายังไงล่ะ ไหนบอกมาหน่อยซิ” ชายหนุ่มย้อนถาม
เข้าใจว่าถ้าฉันเดินทางกลับบ้าน คุณก็คงเลือกคู่ครองได้เหมาะสมเองนั่นล่ะ” วาสิตาตอบอย่างซื่อ ๆ เมื่อใบหน้าสวยหวานของปราลีปรากฏขึ้นในความคิด  ท่านหญิงปราลีจากตระกูลอัล-ซาฮานย่อมเหมาะสมกับเขาที่สุด
ฮาจารีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลางรำพันในใจว่า เฮ้อ..ทำให้ผู้หญิงสักคนยอมรับหัวใจของเขาทำไมมันยากอย่างนี้นะ’
หญิงสาวตรงหน้าอายุยี่สิบสามห่างจากเขาถึงสิบหกปี อีกฝ่ายเล่าว่าได้เข้าเรียนก่อนเกณฑ์และยังแถมสอบเทียบจนสามารถเรียนต่อปริญญาก่อนเพื่อนคนอื่น ส่วนเขาอายุใกล้ชนเลขสี่เข้าไปทุกที ไม่แปลกเลยถ้าทางคณะท่านอาวุโสจะต้องรีบจัดหาคู่ครองมาให้เขาเลือก เพื่อหวังทายาทสืบทอดตำแหน่ง แต่เขายังไม่ตัดสินใจเลือกใครสักที มีเพียงเหตุผลเดียวคือ ยังไม่พบคนที่ถูกใจ
ฮาจารีครองโสดโดดเดี่ยวมาหลายปี เพราะเขาเชื่อในคำปฏิญาณขององค์เทวีไอซิส พระนางจะประทานคู่ครองมาให้เขาเมื่อเวลานั้นมาถึง และวาสิตาคือหญิงสาวที่เขาปักใจเชื่อตั้งแต่แรกพบว่า เธอคือคู่ครองที่องค์เทวีประทานมา
ถึงฮาจารีจะหงุดหงิดใจกับท่าทางหลบเลี่ยงของผู้หญิงตรงหน้า แต่เขาก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการเปลี่ยนเรื่องที่น่าสนใจกว่า
เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องกลับบ้านตอนนี้เลย ฉันยังมีที่ที่สวยงามให้เธอได้เพลิดเพลินอีก สนใจหรือเปล่า”
“สนใจค่ะ ที่ไหนคะวาสิตาตาโตตื่นเต้นขึ้นมาทันที เรื่องเที่ยวแดนทะเลทรายเป็นที่น่าปรารถนาของเธออยู่แล้ว
บ่อน้ำแร่โอเอซิส แถว ๆ นี้”
แถวนี้มีบ่อน้ำแร่โอเอซิสด้วย" วาสิตาตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก 
มีสิ แต่ว่าฉันต้องนอนพักสักงีบก่อน เมื่อคืนสะสางงานดึกยังต้องตื่นมาประชุมแต่เช้าอีก รอก่อนนะ อ้อ อย่าได้ลุกไปไหนนั่งรออยู่ข้าง ๆ ถ้ารู้ว่าหนีหาย จะอดไป”
หือ!” วาสิตาหมั่นไส้ต่อคำขู่
จากนั้นเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่ถูกบังคับให้นั่งรออยู่ข้าง ๆ ทิ้งร่างใหญ่ลงนอนปิดเปลือกตาสนิทพักร่างกายทุกส่วนนิ่งสงบ
วาสิตาถือโอกาสสำรวจตอนเขากำลังหลับ  ดวงหน้าคร้ามเข้มบัดนี้หนวดเคราดกดำถูกตัดแต่งให้ดูน้อยลงเผยให้เห็นผิวหน้ามากขึ้น คิ้วหนาได้รูปจมูกโด่งเป็นสัน ปากล่างหนากว่าปากบนนิดหน่อย มุมปากคล้ายคนจะยิ้มอยู่ตลอดเวลาแม้ยามหลับ ไหนจะดวงตาที่บางครั้งดุดันแต่บางครั้งก็ดูอบอุ่น ลำคอตั้งตรง ช่วงอกผึ่งผายน่าฝากเนื้อฝากตัว
ชายหนุ่มในฝันของเธอ ...
วาสิตานึกถึงคำพูดของแม่เพื่อนสาวที่มักล้อเลียนเธออยู่เสมอ ชอบอ่านการ์ตูนเรื่องคำสาปฟาโรห์ก็เพราะฝันอยากมีแฟนเป็นหนุ่มอาหรับ คงจะดีถ้าระหว่างเธอและฮาจารีจะเป็นเนื้อเรื่องที่ลงตัวได้สวยไม่ใช่อวสานด้วยการจากลา เหมือนดั่งการ์ตูนเรื่องนั้น
นึกแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เพราะสักวันเธอและเขาก็ต้องจากกัน  และถ้าถึงเวลานั้นเขาจะคิดถึงเธอหรือเปล่าหนอ  วาสิตาไม่เข้าใจว่าอะไรดลใจให้เธอใช้ปลายนิ้วสัมผัสคางสากระคายของเขา และด้วยไม่ทันคิดว่าคนหลับจะคว้าตะครุบมือไว้ เธอถึงกลับสะดุ้งตกใจ
ฉันขอโทษค่ะที่ทำให้คุณตื่น”
เปล่าเลยสาวน้อย ฉันไม่ได้หลับซักนิด ฉันเพียงนอนนิ่ง ๆ ให้เธอได้สำรวจตามอำเภอใจ”
ใบหน้าวาสิตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที  เมื่อได้ยินเสียงเขาพูดมาแบบนั้นทั้งที่เปลือกตายังหลับสนิท เธอดึงมือออกจากการเกาะกุม นึกเคืองตัวเองที่เผลอทำอะไรน่าอายลงไป จึงแกล้งทำเสียงบ่นกลบเกลื่อน
คุณเอาแต่นอนหลับสบาย โดยหลอกให้ฉันนั่งเฝ้า ทั้งที่ตอนนี้เราน่าจะได้นั่งอยู่ในบ่อน้ำแร่แล้ว”
ฮาจารีเปิดเปลือกตายันตัวเองลุกขึ้นคว้าเอวเธอไว้ เมื่อเห็นเธอทำท่าจะขยับออกห่าง
อุ้ย!..”
คนอายอยู่แล้วก็ยิ่งอายหน้าแดงไปอีก เมื่อร่างใหญ่ลุกขึ้นมาโอบร่างตนไว้ราวคู่รักคู่หนึ่งกำลังพรอดรักกัน  หัวใจเธอเต้นแรงจนน่ากลัวเขาจะได้ยิน ขณะเขาก้มลงมาจนปลายจมูกจดใบหน้าของเธอ  เธอใช้มือดันแผงอกเขาไว้ ก่อนร้องห้าม
 ฮาจารี คุณทำแบบนี้ไม่ได้”
ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย  ก็แค่อยากจะมองเธอใกล้ ๆ บ้างเท่านั้น” ฮาจารีฉีกยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นสีหน้าระเรื่อแดงของอีกฝ่าย เขาจับปลายคางของเธอให้เงยหน้าสบตากับเขา “คราวต่อไป ฉันไม่ให้เธอเอาเปรียบมองฉันฝ่ายเดียวแล้วนะ”
ชายหนุ่มพูดจาคาดโทษขณะปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงอารมณ์ดี
ฉันว่าเราไปกันเถอะ  ฉันอยากลงไปแช่น้ำแร่เต็มทน  ยิ่งมีผู้หญิงสวยลงไปแช่อยู่ข้าง ๆ การแช่น้ำแร่วันนี้สำหรับฉันคงเป็นนิมิตรหมายที่ดี”
แล้วเราจะไปกันยังไงล่ะคะ ฉันหมายถึงเรายังไม่ได้เตรียมอะไรเลย” จู่ ๆ เขาก็มาชวนเธอไปนอนแช่น้ำโดยไม่บอกล่วงหน้า ยังแถมมานอนหลับตาหลอกให้เธอนั่งเฝ้าอีก เธอจะมีเวลาเตรียมตัวอย่างไรกัน
ทาธิยาคงจัดของไว้แล้ว วาสิตา  วันนี้ฉันจะทำให้เป็นวันแห่งความสุข อย่างที่เธอไม่มีวันลืม”
ชายหนุ่มบ่งบอกความหวัง ร่างใหญ่ดีดตัวลุกขึ้นและยื่นมือมาพยุงเธอลุกขึ้นตาม
ฮาจารีใช้การขี่ม้ากับการเดินทางไปบ่อน้ำแร่ที่มีระยะทางเป็นผืนทราย   ม้าของเขาเป็นม้าตัวใหญ่ส่วนเธอเป็นลูกม้าตัวเมีย ลูกม้าฝึกหัดถูกนำมาใช้เป็นยานพาหนะครั้งแรก กับคนเพิ่งหันขี่ม้าอย่างเธอ การเดินทางครั้งนี้จึงดูทุลักทุเลพอสมควร หญิงสาวตั้งปณิธานกลับถึงเมืองไทย เธอต้องหาเวลาไปปรับเปลี่ยนการขี่ม้าแสนแย่ ๆ ของเธอเสียใหม่ 
  ระยะทางจากตัวหมู่บ้านมาถึงบ่อน้ำแร่ใช้เวลากับการขี่ม้าครึ่งชั่วโมง  รอบบ่อน้ำแร่มีโขดหินก้อนเล็กก้อนน้อย พุ่มไม้เตี้ยขึ้นเขียวขจี ส่วนต้นไม้ใหญ่มีเสียงนกดังแว่วมา ธรรมชาติสดชื่นอากาศบริสุทธิ์นำพาหัวใจว้าวุ่นกลับสู่ความสงบ วาสิตามองน้ำแร่ที่ไหลคดเคี้ยวตามโขดหินที่โผล่พ้นน้ำ จากนั้นเสียงใสอุทาน
เหมือนสวนสวรรค์ที่ตั้งอยู่บนผืนทรายเลยค่ะฮาจารี”
หารู้ไม่ว่าภาพใบหน้าร่าเริงเบิกบาน นำพาความสุขสดชื่นมาสู่หัวใจชายหนุ่มเจ้าของสถานที่มากมายเพียงใด
ฮาจารีสุขใจที่ได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพังในบรรยากาศสุขสงบรอบตัวอย่างนี้ มันสามารถลบล้างความอ้างว้างที่เกาะกินใจเขามานาน ชายหนุ่มก้าวลงไปยืนตรงโขดหินที่อยู่เลยขอบสระไปนิด ก่อนจะเอี้ยวตัวยื่นมือมารอรับ
วาสิตาส่งมือให้เขาจับและก้าวไปยืนเคียงกัน 
อยากลงไปนอนแช่น้ำหรือยัง”  เขาเอ่ยถาม
ฉัน เอ่อ..ยังไม่อยากลงค่ะ” พูดปฏิเสธออกไป ทั้งใจจริงอยากจะลงไปกวักน้ำใส ๆ เล่นจนใจจะขาด  ติดอยู่ที่ว่าเธอมากับเขานั่นล่ะ
ตามใจนะ  ฉันลงคนเดียวก็ได้ แต่ถ้าคิดเปลี่ยนใจชุดเธออยู่ตรงนั้น” ฮาจารีเอ่ยยิ้ม ๆ ขณะชี้มือไปที่ตะกร้าหวายวางอยู่บนผ้าผืนสีขาว ในนั้นมีผ้าหลายพับ เขาสั่งให้ทาธิยาตระเตรียมไว้หลังจากอัคห์เหม็ดบอกกับเขาว่าได้มานอนแผ่หลาอยู่ที่นี่นับชั่วโมง เมื่อเสร็จจากการไปล่าสัตว์
วาสิตานั่งมองฮาจารีนอนลอยคออยู่ในบ่อน้ำราวกับจระเข้ โดยที่หางตาก็เหลือบแลไปทางตะกร้าเสื้อผ้าอยู่เป็นระยะ  เธออยากลงไปสัมผัสน้ำแร่โอเอซิสจะแย่อยู่แล้ว  แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำให้เกิดใจกล้าขึ้นมาได้กระทั่ง
อุ้ย! ฮาจารี” หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ จู่ ๆ ชายหนุ่มโผล่พรวดจากน้ำมาลอยคออยู่ริมโขดหิน
อย่าทรมานตัวเองอยู่เลยน่าสาวน้อย  ลงมานอนแช่น้ำแร่ด้วยกันดีกว่า  จากวันนี้ฉันก็ไม่รู้จะว่างพาเธอมาอีกเมื่อไร” 
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว วาสิตานึกเสียดายขึ้นมาทันที เขาพูดมีเหตุผล  คนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบล้นมืออย่างเขาคงหาเวลานอกเหนือตารางงานยากเต็มที  ถ้าเกิดว่าฮาจารีไม่คิดพาเธอมาที่นี่อีก  หรือเธอเกิดได้กลับบ้านขึ้นมากระทันหัน  คงพลาดโอกาสได้สัมผัสน้ำแร่โอเอซิสแห่งนี้แน่
ใช่สิ..ถึงอย่างไรเธอก็ต้องกลับบ้าน
หญิงสาวลุกเดินไปที่ตะกร้าเสื้อผ้า หยิบผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนแล้วเดินไปหลังโขดหิน จากนั้นไม่นานร่างบอบบางในชุดลำลองเหมาะสำหรับลงน้ำ ก็แหวกว่ายสำราญใจในบ่อน้ำแร่ โดยสายตาของฮาจารีมองด้วยความพึงพอใจ วาสิตาลืมความรู้สึกหวาดระแวงในตัวเขาไปชั่วขณะ เวลานี้ความสุขสดชื่นกับบรรยากาศของโอเอซิสนำพาความซาบซ่านให้หัวใจอย่างที่สุด
เธอและเขาต่างคนต่างอยู่ในวังวนแห่งความเพลิดเพลิน แทบลืมเวลานาทีที่ผ่านไป จนเมื่อขึ้นฝั่งมานอนแผ่หลาลืมตามองท้องฟ้าด้วยกัน ต่างผ่อนลมหายใจยาวอย่างแสนอภิรมย์  
ฉันไม่เคยได้สัมผัสความสุขจริง ๆ สักครั้ง ต่อเมื่อมีเธอเข้ามาในชีวิต” ชายหนุ่มพูดขึ้น
วาสิตาหันไปมองคนข้าง ๆ ยามนี้เขานอนเหยียดยาว ทิ้งสายตามองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม แม้ว่าเธอและฮาจารีจะใช้เวลาใกล้ชิดกันไม่กี่วัน ก็นำพาความรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งที่คิดว่าวันหนึ่งเราต้องจากกัน สีหน้าเปี่ยมสุขของหญิงสาวเจื่อนลงทันที ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมามอง เขาคงสัมผัสถึงอาการเงียบงัน เธอจึงรีบเอียงใบหน้าหนีจากสายตาจ้องจับ แล้วพูดขึ้น
คุณมีผู้หญิงในฮาเร็มหลายคน พวกนางคนหนึ่งคนใดคงจะทำให้คุณมีความสุข”
แต่หนึ่งในนั้นไม่มีเธอ” ฮาจารีพูดสวนมา เขาเอื้อมมือมากดคลึงศีรษะเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยน โดยที่หญิงสาวไม่คิดต่อต้านหรือหลีกหนี เพราะต้องการเก็บซับไออุ่นจากเขาให้มากที่สุดจากช่วงเวลาสั้น ๆ นี้
ถ้าฉันอยู่ที่นั่นคุณคิดว่าฉันจะทำได้ดีกว่าคนอื่นงั้นหรือคะ  เสียใจค่ะฮาจารีฉันคงได้ไปจากคุณก่อนจะได้ศึกษาวิธีปรนนิบัติคุณด้วยซ้ำ”
ลืมเรื่องไปจากฉันได้เลยวาสิตา เพราะฉันเชื่อในสิ่งที่ฉันเชื่อ และเราจะได้อยู่ด้วยกัน” เขากล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ในความเชื่อที่มีมายาวนาน
วาสิตาเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอคงทำให้เขาเปลี่ยนความเชื่อนี้ไม่ได้ การมีความหวังกับบางอย่าง บางครั้งก็ทำให้ชีวิตมีคุณค่ามีความหมาย ทว่าถึงวันนั้น..หัวใจเธอจะเป็นเช่นไร ..?
เมื่อทางบ้านของฉันไม่ได้รับการติดต่อ  พวกเขาต้องเดินทางมาตามหาฉันค่ะ”
สิ้นคำพูดของหญิงสาว ฮาจารีลุกนั่งพร้อมกับดึงร่างบอบบางขึ้นมาด้วย เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตากลมโต  แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม
ฟังนะวาสิตา  ฉันรู้สึกถึงการรอคอยมาแสนนาน และถ้าถึงวันที่เธอจะจากฉันไปอีก ฉันก็จะรอคอยเธอต่อไปจนกว่าเธอจะกลับมา”
อย่าหลอกตัวเองเลยค่ะฮาจารี  คุณรู้ดีว่าฉันและคุณต่างมีช่องว่างกว้างเกิน  เกินกว่าที่เราจะใช้ชีวิตแบบธรรมดาได้  ระหว่างเราความรักไม่ใช่เพียงคนสองคนเท่านั้น” เมื่อเธอพูดออกไป หัวใจดวงน้อยก็เกิดอาการสั่นสะเทือนอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหมือนมันกำลังสะอื้น 
เธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้แล้วหรือ..?ทำไมความรู้สึกเช่นนี้ถึงเกิดขึ้นง่ายดายนัก  หรือจะจริงอย่างที่ตำนานเล่าขานมายาวนานถึงมนต์เสน่ห์แห่งอียิปต์ ที่ไม่ว่าใครได้เผลอตัวเข้ามาก็จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ง่ายๆ
ฮาจารีตวัดแขนโอบรอบตัวเธอ ก่อนจะกระชับกอดอย่างหวงแหน “ฉันไม่เคยคิดว่าระหว่างเรามีช่องว่างอะไร  ฉันยอมทำทุกอย่างขอเพียงให้เธอยอมอยู่กับฉัน”
วาสิตาแนบศีรษะตนเองกับแผงอกของเขา ดวงตามีหยาดน้ำตาซึม ฮาจารีไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนอื่นในชีวิตของเขาตั้งแต่แรกแล้ว  เขายกย่องและให้เกียรติราวเธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา  แต่กระนั้นเมื่อคิดถึงความเหมาะสมระหว่างเธอและเขา หญิงสาวก็ต้องตัดใจ
เราเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะค่ะ เย็นมากแล้ว”  วาสิตาเอ่ยตัดบท พลางขืนตัวออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย เธอไม่อาจทนรับฟังวาจาของเขาได้อีก  ไม่อยากปวดใจกับถ้อยคำที่เขาพรั่งพรูออกมาให้ได้ยิน รังแต่จะทำให้ทั้งคู่มีชีวิตต่อไปกับความทุกข์
ฮาจารีจ้องมองใบหน้าสวยหวานด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดหญิงสาวต้องกังวลถึงความแตกต่างระหว่างกัน ในเมื่อยุคสมัยนี้คนต่างเชื้อชาติศาสนาก็อยู่กินกันดาษดื่น หรือว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว 

ถึงจะถูกปฏิเสธอย่างนั้น ฮาจารีก็ค่อนข้างแน่ใจว่าความจริงใจที่เขามีให้ จะสามารถทำให้วาสิตายอมรับเขาในวันหนึ่ง ระหว่างทั้งคู่ขี่ม้าเดินเหยาะ ๆ กลับหมู่บ้าน บรรยากาศบางอย่างบ่งบอกภัยที่กำลังก่อตัว ตามสัญชาตญาณของนักรบทะเลทราย เขากระตุกม้าให้หยุดยืน
มีอะไรหรือค่ะฮาจารี..?” หญิงสาวเอ่ยถามพลางหยุดม้าของตนเองบ้าง เธอสังเกตเห็นสีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
พายุทราย” เขาตอบเบา ๆ ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้าแล้วรับตัวเธอลงจากหลังม้าเช่นกัน จากนั้นจึงมองหาที่หลบภัยพร้อมกับเอ่ยบอก
“พายุทรายกำลังมา ตอนนี้เราต้องหาที่หลบก่อน”
พายุทราย..” วาสิตาตื่นเต้นกับประสบการณ์ความมหัศจรรย์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังมา!
ทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนกะทันหันอย่างนี้ คงเป็นเรื่องยากที่เราจะฝ่ามันไปถึงหมู่บ้าน”
แล้วม้าล่ะคะ” ม้าสองตัวน่าเป็นห่วง ถ้ามันจะถูกพายุฝังกลบ
ม้าอาหรับรู้วิธีหลบของมันดี  เอาล่ะ ฉันรู้จักที่หลบเจ้าพายุบ้าคลั่งนั่น ตามมาเถอะ” ฮาจารีไม่รอช้า กึ่งลากกึ่งจูงเธอไปยังสถานที่นั้นทันที 
หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้ทันชายหนุ่มที่มีความเร็วในการวิ่งมากขึ้น เขาตรงไปยังเนินหินที่พอมองเห็นอยู่ลิบ ๆ เธอคาดเดาว่าคงใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าที่เขาและเธอจะไปถึงที่นั่น ด้วยความไม่ถนัดเดินบนผืนทรายของเธอเอง 
ให้ตายสิ กลายเป็นว่าพอหลังอาบน้ำแร่แช่หาความสำราญ เธอและเขาก็ต้องผจญการไล่ล่าของพายุทราย
ครู่ต่อมา หญิงสาวก็เห็นแล้วว่า พายุทรายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่งอย่างไร แรงพายุหอบเม็ดทรายปลิวว่อนขึ้นไปบนอากาศหมุนเป็นวง เม็ดทรายพัดพุ่งเข้าใส่ทั้งจมูกทั้งตา อากาศที่เคยหายใจกลับกลายเป็นกลิ่นอายทราย เธอสูดเข้าไปมากจนรู้สึกคอแห้ง ส่วนดวงตาก็แสบร้อนแทบลืมไม่ขึ้น
หญิงสาวล้มหลายครั้งเพราะยกเท้าไม่พ้นผิวทราย ฮาจารีต้องช่วยฉุดและพยายามพยุงตัวเธอมุ่งหน้าตรงไปสถานที่กำบังอย่างทุลักทุเล 
เนินหินลักษณะคล้ายถ้ำหินเล็ก ๆ พอจะใช้เป็นที่หลบได้ แม้จะมองเห็นปากถ้ำหินมีระยะทางเพียงสั้นแล้ว  แต่วาสิตาก็หมดแรงเสียก่อน ร่างของเธอถลาล้มคว่ำลงท่ามกลางพายุทรายที่โหมกระหน่ำ ฝุ่นทรายละเอียดซอกซอนเข้าไปในรูจมูกและลำคอมากขึ้น ที่สำคัญเธอรู้สึกเจ็บข้อเท้า
วาสิตา..รีบไปกันเร็ว..” มืออันทรงพลังแข็งแรงของฮาจารีพยายามรั้งร่างเธอขึ้น  ขณะเธอพยายามอ้าปากหายใจ แต่ก็เหมือนหอบเอาอากาศลวกร้อนเต็มไปด้วยฝุ่นมากกว่า
"ฉันเจ็บข้อเท้า" ดวงตาอ่อนล้าเหลือบมองร่างสูงของเขายืนตระหง่านค้ำจุณร่างของเธอมิให้ล้มลงไปอีก  ส่วนแขนแข็งแรงก็คอยประคองรองรับร่างของเธอตลอดเวลา 
เจ็บข้อเท้าหรือเสียงถามดังแข่งกับลมพายุของฮาจารี เหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล เธอแทบไม่ได้ยิน  มีเพียงดวงตาของเขา ทำให้เธอรับรู้ว่าเขาห่วงใยเธอเพียงใด
ครู่ต่อมา ทั้งสองคนก็เข้ามาถึงถ้ำหลบภัยได้สำเร็จ วาสิตาปวดแปลบไปทั้งตัว แต่เก็บอาการไว้ไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องมากังวลกับตัวเธอ 
ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีเทาก่อนจะค่อย ๆ กลายเป็นสีนิลไปในที่สุด
เจ็บมากใช่มั้ย” เขาถาม 
นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบ พลางกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้
ฮาจารีรู้ว่าหญิงสาวกล้ำกลืนความเจ็บปวดเพื่อความสบายใจของเขา เขาโอบกระชับร่างบอบบางไว้ในอก พร้อมกับวางคางบนศีรษะที่เต็มไปด้วยเม็ดทรายเพื่อปลอบขวัญ ก่อนล้วงมือหยิบบางสิ่งออกมาจากซอกเสื้อคลุม แสงสลัว ๆ ทำให้เห็นวัตถุรูปร่างเหรียญเพียงเลือนราง สิ่งนั้นส่องแสงสีทองตัดกับบรรยากาศสีหม่น
อะไรคะ?”  
เหรียญสุริยะ" เขาตอบ แล้วสวมสร้อยลงบนคอของเธอ "สุริยเทพจะดูแลปกป้องทุกคนที่เป็นลูกหลาน เธอเก็บเหรียญนี้ไว้เถอะเพื่อความปลอดภัย” 
วาสิตาสะดุดตากับแสงทองที่สะท้อนออกมา เธอหยิบเหรียญขึ้น จ้องมองรูปสลักนูนบนเหรียญ เห็นเป็นดวงตาด้านขวา เธอเหมือนคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้ แต่เธอเหนื่อยล้าเกินจะกล่าวอะไรออกมา จึงกำเหรียญแห่งเทพไว้มั่น พร้อมซบลงบนอกของเขา พายุทรายยังไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ   หญิงสาวนั่งขุดคู้อยู่ในอ้อมอกกว้างอบอุ่น เสียงหอบดังกระชั้นชิดสัมผัสแรงเต้นหัวใจของกันและกันถนัดถนี่
คงอีกนานกว่าพายุจะสงบ”
เสียงชายหนุ่มดึงสติครึ่งหลับครึ่งตื่นของเธอ เพียงครู่เดียวเปลือกตาของเธอก็ปิดสนิทเข้าสู่อาการหลับใหล
ฮาจารีแอบสูดกลิ่นผมหอมของคนนั่งซุกอกของเขาจนหลับ พลางนึกขบขันตัวเองที่ต้องพยายามบังคับแรงเต้นของหัวใจให้เป็นไปอย่างปกติที่สุด ก่อนจะนึกทึ่งกับความอดทนของหญิงสาว หมดแรงแทบจะล้มพับแบบนั้นยังอุตส่าห์พยุงตัวเองจนมาถึงถ้ำได้
ในขณะร่างบอบบางขยับตัวออก แล้วเอนศีรษะหอมกรุ่นกลับมาซบอกหนาอีก เขาจ้องมองขนตายาวเป็นแพรบนเปลือกตาที่ปิดสนิท สายตาสะดุดอยู่ที่ริมฝีปากสวย เขาต้องต่อสู้กับความคิดจะขโมยจูบ เพียงเพราะไม่อยากทำลายความไว้ใจของอีกฝ่าย
พายุทรายเริ่มสงบลง จากนั้นสักพักฮาจารีก็ได้ยินเสียงตะโกนก้องดังจากทิศตะวันออก ชายหนุ่มเขย่าร่างหญิงสาวผู้กำลังหลับใหลเบา ๆ เธอครางงึมงำบางอย่าง ก่อนกะพริบตาถี่ ๆ
หญิงสาวสัมผัสถึงไออุ่นจากแผงอกของใครบางคน ได้สติก็ดันตัวเองออกมานั่งตัวแข็ง "ฉันเผลอหลับหรือคะ" 
ขอโทษนะที่ต้องปลุกทั้งที่กำลังหลับ  แต่พายุหยุดแล้ว และฉันได้ยินเสียงคนกำลังเรียกหาเรา”
สิ้นเสียงฮาจารีก็มีเสียงคนหลายคนตะโกนก้องพร้อมกัน
พวกนั้นคงใกล้เข้ามาแล้ว  เราออกไปยืนรอนอกถ้ำกันเถอะ”
เขาพยุงร่างเธอลุกขึ้น พากันเดินออกไปยืนรอผู้ติดตามทางหน้าปากถ้ำ ในชั่วเวลานั้นหญิงสาวสังเกตว่าอาการเจ็บข้อเท้าได้หายเป็นปลิดทิ้ง ความอุ่นร้อนตรงบริเวณอกทำให้เธอคาดว่าน่าจะเป็นอิทธิฤทธิ์ของเหรียญศักดิ์สิทธิ์ หญิงสาวหันมาส่งยิ้มและบอกกับชายหนุ่มว่า 
วันนี้จะเป็นวันที่ฉันจะจดจำไปชั่วชีวิต อย่างที่คุณบอกไว้เลยค่ะฮาจารี” 
เมื่อพายุทรายได้สงบลงโดยสิ้นเชิงแล้ว ทั้งสองก็เห็นอัคห์เหม็ดกับชาระมาพร้อมผู้ติดตามอีกสามนาย ทุกคนต่างจูงม้าและมีอาวุธพร้อมมือ ชาระกล่าวขึ้นหลังจากเข้ามาถึงตัวเจ้านายก่อนใคร
ขอโทษด้วยนายท่าน เราฝ่าพายุมากันไม่ได้”
ไม่เป็นไร เราเอาตัวรอดได้ พวกเจ้าเดินทางมารับเราก็ถือว่าดีแล้ว” ฮาจารีโบกมือให้กับทุกคนเป็นการให้อภัยในความล่าช้าที่สุดวิสัย เพราะพายุทรายไม่เคยปราณีใคร และไม่เคยมีใครต้านทานมันได้
 
 ราคาปก 249 บาท
ทำมือขาย: 180 + 40 = 220 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)

 
ราคาเช่า : เช่าเหมา  7 วัน ราคา 10%ของราคาปก  คิดค่าส่ง 40 (พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ตัวอย่างเช่น นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้ จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
สรุปยอดโอนลูกค้า 200 + 40 = 240 บาท หลังจากร้านได้รับหนังสือคืนแล้วจะโอนคืนให้ในยอด 200-20= 180 บาท
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ 
 




 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น