วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

เสน่หานาคี : บทที่ 6 นาคราช

           

นิยายเปิดเช่าและขาย

เรื่อง เสน่หานาคี

       

บุรุษยืนอยู่หน้าบ่อน้ำมีรูปทรงองอาจสมชาติพันธุ์แห่งนาคราช บนอกกว้างไขว้สร้อยสังวาลประดับอัญมณีแห่งนาคา สวมผ้านุ่งหยักรั้งสีเขียวแกมทอง ทับทรวงสลักเป็นรูปพญานาคและดอกบัวรวมกัน ท่อนแขนล่ำสันและข้อเท้ารัดรูปนาคทองคำ

นาคราชหนุ่มอายุพันปีแต่เมื่ออยู่ในภาวะมนุษย์จะดูเหมือนชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่า ๆ ดวงตาสีนิลน้ำเอกผสมประกายมรกตทอดมองเหตุการณ์ผ่านผิวน้ำ มุมปากหยักยิ้มเยาะ ขณะพาหนะสี่เหลี่ยมเคลื่อนกลับขึ้นไปสู่ชั้นบนสุด
“อุรัสยาวารี เจ้าจะอยู่ภพใดนิสัยเจ้าซุกซนมิเคยเปลี่ยน”
ดวงตาเปี่ยมไปด้วยอำนาจบารมีเหลือบมองดอกบัวแก้วกลางสระ ตั้งฐานชูช่อรองรับก้อนหินสีดำ หินศิลาคอน ภายในมีดวงแก้วมณีฝังตัวอยู่อย่างไร้สีไร้แสง..ดวงแก้วมณีนิ่งสงบรอเวลาเปล่งรัศมี ในวันที่ผู้เป็นเจ้าของมันกลับมา
ระหว่างองค์นาคราชหนุ่มเพ่งพิศเนื้อหินหนา สภาวะจิตนำพาย้อนระลึกเหตุการณ์หนึ่งบนสรวงสวรรค์ เมื่อครั้งได้พบธิดาของเทวาราชเจ้า นางฟ้าผู้มีบุคลิกปราดเปรียว เฉลียวฉลาดบังอาจต่อรองยึดของสำคัญไปจากเขา
“ถ้าท่านอยากเข้าเฝ้าพระบิดาและพระมารดาของเรา ท่านต้องให้สิ่งนี้กับเราก่อน” ใบหน้าสวยงดงามช่างยอกย้อนและยิ้มเย้าทุกครั้งที่ได้เจอกัน มองจ้องไปที่ข้อแขนแกร่ง
“เจ้าช่างเอาแต่ใจ จนไม่ใคร่ครวญเหตุผลเลยว่าเหตุใดเราจะต้องให้สิ่งนี้กับนางฟ้าซุกซนเช่นเจ้าด้วย” สีหน้าเรียบเฉยของนาคราชนาคินทร์ เก็บซ่อนความรู้สึกทั้งมวลไว้ภายในใจ
“เราใคร่ครวญดีแล้ว และเห็นว่าสิ่งใดที่เป็นของท่านจักเป็นของเราในอีกไม่กี่เพลานี้ อย่าโยกโย้มาก ส่งกำไลนาคราชมาให้เราเสียทีองค์นาคินทร์” มือเรียวยื่นมารอรับสิ่งที่ขู่เข็นจากนาคราชหนุ่ม และเมื่อได้ดั่งใจแล้วนางฟ้าแสนสวยยกกำไลขึ้นจรดริมฝีปากย่ามใจในชัยชำนะ
ภาพเหล่านั้นสั่นคลอนหัวใจนาคราชหนุ่มคล้ายตะกอนขุ่นข้นอยู่ก้นบึ้งมหาสมุทร ที่บางคราสงบได้ก็ใส แต่บางคราวก็หมุนวนเดือดพล่าน เพราะคลื่นลมมันโถมถะถั่ง
ดวงตาสีนิลอมเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง เมื่อเกิดประกายเรืองรองออกมาจากหินศิลาคอน ราวมันล่วงรู้ว่าผู้เป็นเจ้าของกำลังมาเยือน..!

อุรัสยาเดินออกจากลิฟท์อย่างพะว้าพะวังเล็กน้อย พลางคิดถึงตอนลิฟท์หยุดนิ่งชั้นบี ทำให้เธอใจเสีย เมื่อไม่มีหนทางจะทำให้ลิฟท์ลงมาอีกชั้นสำเร็จ เธอก็ได้แต่นึกถึงใบหน้าของชายแปลกประหลาดคนนั้น แต่แล้วจู่ ๆ ลิฟท์ขยับเลื่อนลงสู่ชั้นที่ต้องการทันที และนั่น ทำให้เธอรู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะลงมาชั้นนี้ได้ในคราวต่อไป
หญิงสาวหยุดยืนลังเลบริเวณที่เหมือนปากทางเข้าถ้ำ สายตาเพ่งมองผ่านช่องทางแคบอย่างว้าวุ่น เห็นผนังถ้ำมีสีต่าง ๆ ตัดกันจนดูอึมครึมไปหมด ท้องไส้ปั่นป่วนนำพาเนื้อกายในชุดนอนบางเบาเริ่มสั่นเทา ยิ่งตอนเอี้ยวตัวมองด้านหลัง แล้วเห็นลิฟท์หายวับไปกับตาเส้นเลือดตรงขมับกระตุกตึงขึ้นมาทันที
ความเย็นยะเยือกแล่นกุมทั่วสรรพางค์กาย แม้พยายามข่มความปั่นป่วนที่เกิดจากความหวาดหวั่นอย่างที่สุด แต่อุรัสยาหมายมั่นในใจ เธอจะต้องตามหาผู้ชายคนนี้จนถึงที่สุด ไม่ว่าเขาจะเป็นมนุษย์หรือไม่ก็ตาม
ร่างสูงหุ่นระหงก้าวเดินไปตามทางแคบ ชั่วครู่โผล่มาหยุดยืนในบริเวณกว้างที่มีบ่อน้ำขนาดสิบคนลงอาบตรงกลางมีพานใสรูปบัวบานตั้งตระหง่าน  หญิงสาวเดินสำรวจไปโดยรอบขอบบ่อ ไม่ได้หยุดสายตาที่ใดที่หนึ่ง จนกระทั่งสังเกตเห็นผิวน้ำนิ่งดุจกระจกใสฉายภาพบางอย่างผ่านผิวน้ำ จึงหยุดให้ความสนใจ
ภาพที่เห็นคือหญิงวัยกลางคน สวมอาภรณ์ของสตรีสูงศักดิ์มีดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตา นั่งอยู่ข้างชายสูงวัยแต่งกายคล้ายกษัตริย์ ทั้งสองมีสีหน้าครุ่นคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดาราสาวเกิดอาการตาค้างด้วยความตกใจได้เท่าหญิงสาวผู้นั่งอยู่ด้านล่างหันหน้ามาทางตน!
“เป็นไปได้ยังไง?”
 เพราะหญิงสาวที่โลดแล่นอยู่บนพื้นผิวน้ำราวเล่นละครอยู่ในจอโทรทัศน์ มีรูปร่างและใบหน้าเหมือนเธอไปเสียทุกอย่าง อุรัสยาตะลึงผู้หญิงที่เหมือนตัวเองมิผิดเพี้ยน พลันให้นึกสนใจชายหนุ่มนั่งถัดไป เขานั่นเอง! เธอจำได้แม้จะเห็นกันชั่วแวบเดียวแต่เธอก็จำชายประหลาดที่ตนกำลังตามหาตัวได้ดี ยิ่งเขามีใบหน้าคล้ายชัชพิมุข เธอยิ่งจำแม่น
หญิงสาวหันเหความสนใจมามองคนที่เหมือนตนเองอีกครั้ง สังเกตจริงจังกับรูปร่างสะสวยสวมชุดไทยสีงาช้างเข้ากับเครื่องประดับทองคำ เกล้ามวยผมต่ำมาด้านหลัง ขมวดปลายเป็นรูปดอกไม้อย่างงดงาม มีกิริยาเรียบร้อยเพียบพร้อมอย่างกุลสตรี ใบหน้าสวยงดงามเผยรอยยิ้มพราย ขณะก้มกราบบนตักหญิงสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่บนพระแท่น
“พระแม่เจ้าลูกขอพระทานพร ให้ลูกไปจุติในภพภูมิบาดาลเพคะ”
“อุรัสยาวารีจะให้เราทำได้เยี่ยงไร ในเมื่อองค์นาคินทร์มิได้เอ่ยขอเจ้า” พระนางเจ้าสิริจันทราหันสบพระเนตรท้าววิรูปักษ์ซึ่งดำรงตำแหน่งองค์เทวาราชเจ้าแห่งสรวงสวรรค์
“องค์นาคราชขอหม่อมฉันแล้วเพคะพระแม่เจ้า โปรดทอดพระเนตรเพคะ” ธิดาน้อยของท้าวเทวาราชเจ้า ขยับองค์ยื่นข้อพระกรที่สวมกำไลนาคราช มาตรงพระพักตร์พระบิดาและพระมารดา
“ท่านมีใจปฏิพัทธ์ต่อธิดาของเราจริงหรือท่านนาคราชนาคินทร์” องค์เทวาผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาตรัสถามองค์นาคาธิบดีหนุ่ม
พญานาคราชหนุ่มเหมือนถูกมัดมือชก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “ข้าเจ้าได้มอบกำไลนาคราชประจำองค์ ให้เป็นของกำนัลแก่พระธิดา เป็นความจริงพระเจ้าค่ะ”
“เราถามว่าท่านมอบให้ธิดาของเราด้วยใจปฏิพัทธ์หรือไม่ต่างหากเล่า ท่านก็ตอบเรามาตามเป็นจริง”
“ด้วยใจปฏิพัทธ์จริงพระเจ้าค่ะ”
“ท่านเป็นนาคราชหนุ่มที่มีบุญบารมีแผ่ไพศาล เราดีใจที่จะประทานธิดาให้เป็นพญานาคิณีคู่บัลลังก์นครบาดาลของท่าน วันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด นางจะไปจุติเป็นภรรยาของท่าน”
อุรัสยามองภาพที่ปรากฏอย่างขัดอกขัดใจ เพราะการสู่ขอช่างเป็นไปอย่างง่ายดายนัก ดูเหมือนพ่อแม่คู่นี้จะตามใจลูกสาวเสียมากมาย นอกจากไม่มีวาจาติติงยังไม่มีการกล่าวตักเตือนถึงพฤติกรรมใจกล้าน่าอายอีก มีอย่างที่ไหน เป็นหญิงสูงศักดิ์แต่กลับเป็นฝ่ายใช้เล่ห์อุบายมัดมือชกฝ่ายชายเสียเช่นนั้น
หึ..หึ ก็เพราะว่าเจ้าถูกตามใจจนเสียนิสัยนะสิ
เสียงกังวานก้องเข้ามาในหู เต็มไปด้วยน้ำคำเยาะหยัน อุรัสยาหันรีหันขวาง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างที่ใจนึกสงสัย
“ท่านคือนาคราชนาคินทร์ใช่ไหม?” เธอนิ่งรอชั่วอึดใจ เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงแสร้งหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยออกไป “ไม่ตอบ ก็แปลว่าใช่ และคนที่ต้องการสร้างเรื่องราวทุกอย่างให้เป็นละครก็คือท่าน” ที่พูดไปแบบนั้น เพราะอุรัสยาทบทวนเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้น ล้วนเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น เธอจึงมั่นใจว่านี่แหละคือนายทุนที่ไม่ปรารถนาเผยตัว
ระหว่างที่รอว่าจะเกิดสิ่งผิดปกติตรงไหน หญิงสาวก็ก้าวเดินห่างบ่อน้ำมา กวาดสายตาไปโดยรอบ และเพิ่งสังเกตว่าตามผนังถ้ำด้านในลึกเข้าไปอีกมีรูขนาดกว้างเท่าคนคลานเข้าออกได้สบาย มีมากมายหลายรู และดูเหมือนจะเชื่อมกันไปหมด
จริงสินะ ก็นี่มันนครนาคา รูพวกนี้ก็คงเป็นที่อยู่ของงู เอะ! นี่เธอเลิกกลัวงูตั้งแต่เมื่อไหร่ ดาราสาวยิ่งคิดยิ่งแปลกใจ เพราะจู่ ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เคยมีความรู้สึกกลัวสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้เสียเลย
หญิงสาวปล่อยเวลาผ่านไปได้สักพัก เห็นว่าฝ่ายนั้นไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ เธอจึงย้อนกลับมายืนตรงบ่อน้ำและเอ่ยในสิ่งที่ตนได้ตัดสินใจออกไป
“ท่านจะไม่ปรากฏตัวก็ได้ แต่ฉันรู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ และฉันจะลงมาหาท่านอีก” เธอเงียบเสียงลงชั่วครู่เพื่อรอดูท่าที แต่ทุกอย่างยังเงียบ เธอจึงพูดต่ออีก คราวนี้น้ำเสียงหญิงสาวเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายจะต้องเกิดปฏิกิริยาขึ้นแน่
“ในเมื่อฉันรู้แล้วว่าท่านคือนายทุน และบทละครที่ท่านกำหนด มันคือเรื่องราวของท่านกับผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนฉัน ฉะนั้นในฐานะผู้แสดงบทนาคีอุรัสยาวารี ภรรยาของท่าน ฉันจะต้องมาเรียนรู้บทกับท่านที่นี่”
อุรัสยานึกขอบคุณบทละครที่เธอได้อ่านผ่านตาก่อนลงมาที่นี่ มันบ่งบอกว่าทุกอย่างเป็นฉากเดียวกันกับบทบาทตัวละครที่เธอเห็นในบ่อน้ำนั่น
รอยยิ้มผุดพรายมุมปาก แม้คนที่เธอคุยด้วยจะเก็บตัวเงียบ แต่สัมผัสอย่างหนึ่งบอกต่อเธอว่า เขากำลังวุ่นวายใจกับการกระทำของเธอ เหมือนอย่างที่เขาเคยวุ่นวายใจกับนางฟ้าแสนซุกซนองค์นั้น
ระหว่างตกอยู่ในความคิด อุรัสยาสังเกตเห็นผิวน้ำกระเพื่อมไหวและเริ่มปรากฏฉากละครบนผืนน้ำอีกครั้ง คราวนี้บรรยากาศในถ้ำสีทองล้อมด้วยสีสันสดใสตระการตาที่สะท้อนจากผนังหิน มีเตียงหรูหราสี่เสาตั้งตระหง่านว่างเปล่าอยู่มุมหนึ่ง แต่ชั่วขณะ บนความว่างเปล่าปรากฏรัศมีสีทองอร่ามพร้อมร่างเงาในท่านั่งเทพธิดา มือยกประนม ดวงตาทั้งสองหลับสนิท
“นางฟ้าอุรัสยาวารี!” ดาราสาวอุทาน เมื่อร่างเลือนรางค่อย ๆ เด่นชัด หญิงสาวตะลึงงันกับนางฟ้านางสวรรค์ที่เห็นซุกซนอยู่บนแดนสรวง แต่แล้วจู่ ๆ กลับมานั่งเปลือยกายอยู่แบบนั้น
“ตื่นเสียที อุรัสยาวารี เธอโป๊ะอยู่นะ” เธอลืมตัวตะโกนผ่านผิวน้ำ พร้อมภาวนาขอให้คนที่นั่งหลับรีบลืมตาแล้วหาเสื้อผ้ามาสวมใส่เร็ว ๆ  ในเมื่อนางฟ้าองค์นี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอทุกประการ จึงเหมือนเธอกำลังยืนดูตัวเองนั่งเปลือยกายอยู่บนเตียงนอน ซึ่งโดยรวมคล้ายเตียงของบุรุษมากกว่าเตียงนอนของอิสตรี
เตียงนอนของใคร?  จิตเกิดความสงสัย แต่ไม่รู้จะถามเอาคำตอบกับใคร ได้แต่จ้องเขม็ง
จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทีละน้อย ๆ  ด้วยปรากฏซิ่นไหมลายเขียวสลับทองบนเรือนร่าง คาดเอวด้วยทองเส้น กลัดด้วยหัวพญานาค อวดโฉมหน้าท้องขาวลออ ช่วงบนปรากฏผ้าแถบสีทองพันรอบอกอิ่ม เผยเนินเนื้อและหัวไหล่นวลเนียน ประดับกรองคอพญานาคห้าเศียรคู่ดอกบัวทอง พร้อมรัดแขนและรัดเกล้าพญานาค สุดท้ายกำไลข้อมือ
กำไลข้อมืออันนี้ เป็นแบบเดียวกับที่เธอเคยเห็นเลขาสร้อยจันทร์สวม
อุรัสยาจำกำไลข้อมือพญานาคที่นางฟ้าอุรัสยาวารีคาดคั้นมันมาจากนาคราชนาคินทร์ได้ มันเหมือนกำไลที่อยู่บนข้อมือเลขาสร้อยจันทร์ พลางคิดว่า ถ้ากำไลพญานาคเป็นมรดกตกทอดที่เลขาสร้อยจันทร์ได้รับจากบรรพบุรุษ คงจะเป็นการง่ายที่เธอจะถามถึงเรื่องเล่าเก่าแก่ประจำตระกูลของเลขาสาว
แสงเรืองสะท้อนออกมาจากสิ่งที่วางบนพานบัว..ความคิดหลุดจากภวังค์ เมื่อสายตาหญิงสาวหันเหความสนใจมาที่ดอกบัวแก้ว ซึ่งเธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าหินที่วางอยู่บนบัวบานนั้นมีลักษณะแปลก ๆ บางคราเหมือนหินธรรมดา แต่บางคราคล้ายมีแสงเรืองรองออกมา ทว่าในขณะที่กำลังพินิจก้อนหินอยู่ดี ๆ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมา
“ง่วงจัง” แม้ว่าอุรัสยาพยายามฝืนให้ตื่นตัว แต่ยากจะต้านทานความง่วงที่คืบคลานเข้าครอบคลุมร่างกายของเธอฉับพลัน
ซึ่งร่างกายที่มีความอ่อนเพลียเป็นทุนเดิมอยู่แล้วฝืนต่อต้านได้ไม่นาน ก็ต้องยอมแพ้กับความง่วงงุดทรุดตัวลงนั่งพิงบ่อที่โผล่พ้นพื้นประมาณหนึ่งเมตร ผมยาวสลวยแผ่สยายขณะวางศีรษะอิงบ่อน้ำ เพียงชั่วอึดใจ สมองไร้ความตึงเครียดต่อความนึกคิดใด ๆ นำพาทั่วทั้งร่างหญิงสาวผ่อนคลาย จากนั้นเปลือกตาที่มีขนตางอนงามเรียงเป็นแพค่อย ๆ ปิดสนิทลง
เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่ง กายแกร่งของนาคราชหนุ่มปรากฏในท่านั่งชันเข่า สายตาคมดุจับจ้องใบหน้าสวยใสไร้การแต่งแต้มสีสันแต่ยังคงความงามไร้ที่ติ ริมฝีปากบางเฉียบขบเม้น ด้วยนาคราชหนุ่มกำลังต้านทานความปรารถนาอันลึกล้ำ ที่ไม่เคยมีนาคีตนใดทำให้หัวใจแข็งแกร่งต้องทุกข์ทรมานได้ถึงเพียงนี้
“เจ้าขอพระบิดาของเจ้ามาจุติเป็นพญานาคิณีของเรา เจ้าก็เกิดบนเตียงของเรานะสิ” คำตอบที่มีให้แก่ผู้หลับใหลนั้น แฝงด้วยความหมั่นไส้ผสมปนเปกับความเสน่หา
และเมื่อแรงเสน่หามีพลังเหนือกว่าความรู้สึกอื่นมาก องค์นาคราชจึงมิอาจหักห้ามใจที่จะโน้มกายลงไปหาริมฝีปากนุ่ม ซึ่งผู้เป็นเจ้าของเข้าสู่ห้วงนิทราตามมนตราที่ตนได้ร่ายสะกดไปแล้ว
นาคราชหนุ่มจุมพิตลิ้มรสเสน่หาที่ห่างหายมาร้อย ๆ ปี เพียงครู่ก็คืนสติรีบขยับองค์ออกห่าง พญานาคาบอกไม่ถูกว่าในหัวใจระหว่างความรักกับความแค้นเคืองสิ่งใดมันฝังแน่นมากกว่ากัน รู้แค่ว่านาคราชอย่างตนผู้มีบุญญาบารมีแผ่ไพศาล กำลังทรมานกับการยั้งใจมิให้เข้าใกล้คนตรงหน้าเนิ่นนานไปกว่านี้
มือเรียวงามของบุรุษกึ่งเทพเอื้อมไปสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่ม ทว่าเพียงแตะต้องสัมผัส ความเสน่หาที่มีพลังมหาศาลแล่นจู่โจมหัวใจอีกครั้ง องค์นาคราชหนุ่มรีบชักมือกลับ พร้อมทับถมความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นด้วยถ้อยคำโกรธเคือง
“ข้าเกลียดเจ้า อุรัสยาวารี”
ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าคนหลับสนิทนิ่งนาน  ก่อนหยัดกายขึ้นยืนพร้อมช้อนร่างอรชรไว้ในวงแขน ซึ่งอากัปกิริยานุ่มนวลที่องค์นาคราชแสดงออกมิได้ตรงกับวาจาเกลียดชังสักนิด
ไม่ว่าจะเกิดชาติภพใด เจ้าก็ยังอยู่เหนือจิตใจองค์นาคินทร์ ข้าอดริษยาเจ้าไม่ได้จริง ๆ อุรัสยาวารี คนที่เฝ้ามองเหตุการณ์มาโดยตลอดอย่างนาคีสร้อยจันทร์ ก็ได้แต่เผยยิ้มเจื่อน ๆ เพราะภาพที่เห็นนอกจากจะทำให้นาคีสาวรู้สึกมีความสุข แต่ขณะเดียวกันนางเกิดทุกข์ในใจเช่นกัน
 
 ราคาขาย: 280 + 40 = 320 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)

 


 
 



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น