นิยายเปิดเช่าและขาย
เสน่หานาคี
อุรัสยาตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยสีหน้างุนงง
เมื่อได้ยินปานเลขาเขย่าปลุกบอกว่าตำรวจมารอสอบปากคำ หญิงสาวรีบดันตัวลุกกึ่งนั่งกึ่งนอน
แปลกใจอยู่บ้างที่เห็นผ้าห่มคลุมปิดถึงอกทั้งที่เมื่อคืนฝันเรื่องแย่ ๆ ไม่มีทางที่เธอนอนห่มผ้าเรียบร้อยเช่นนี้หรอก
ก่อนสลัดศีรษะขับไล่อาการงัวเงียสักหน่อย แล้วเอ่ยถามเพื่อนระคนแปลกใจ
“เธอมาได้ไงเนี่ยกระติ๊บ
แล้วเสร็จงานที่พัทยาแล้วเหรอ?”
ปานเลขานิ่วหน้า เมื่อเพื่อนเอ่ยถามในสิ่งตรงข้ามกับความร้อนใจของตน
“มามัวห่วงงานคนอื่นอีก
ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ขโมยขึ้นบ้านยังหลับอุตุอยู่ได้ ” ว่าเสร็จ
ผู้จัดการส่วนตัวสาวทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อนที่กำลังส่งสายตาฉงน ก่อนอธิบายต่อ “ก็ฉันได้รับแจ้งจากทางตำรวจว่าเมื่อคืนมีโจรสองคนตกจากกำแพงบ้านเรา
พยายามกดกริ่งเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีคนมาเปิดประตู ตำรวจสันนิษฐานไม่มีใครอยู่
จึงได้โทรเข้าเบอร์ฉัน แล้วคนที่โทรก็ผู้กองภาวินนั่นแหละ
เขาบอกอยู่เวรที่สถานีตำรวจพอดี”
ด้วยความปรารถนาความเป็นส่วนตัวให้กับเพื่อนสาวซึ่งเป็นดาราดัง
ทุกการติดต่อจากภายนอกจึงใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ปานเลขาระบุไว้
ไม่ว่าใครจะติดเพื่อนของเธอด้วยเรื่องอะไร จะต้องผ่านการพิจารณาจากเธอก่อน
ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในความคิดเห็นของเพื่อนดาราเธอเหมือนกัน
“ที่ทางตำรวจระบุว่าสองคนเป็นโจร เพราะสองคนนี่ใส่ชุดดำอำพรางสวมหมวกไหมพรมปิดหน้าปิดตาอีกต่างหาก
พอดีสายตรวจมาเห็นเข้าก็คุมตัวไปสอบปากคำ สองคนนั่นพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย
คนหนึ่งบอกเห็นผี แต่อีกคนบอกเห็นงูหลายหัว ตำรวจเลยควบคุมตัวไว้ รอเจ้าทุกข์ร้องเรียนและลงบันทึก”
พูดจบ ปานเลขาขยับเข้ามากุมมือเพื่อนรัก
ขณะพูดเสียงเครือ “อุ้ม ฉันกลัวมากเลยรู้มั้ย กลัวพวกนั้นจะทำร้ายเธอ”
ปานเลขาไม่ได้เล่าต่อว่าทันทีที่ได้รับแจ้งตนแทบทนรอไม่ไหว
อยากจะขับรถกลับมาเสียตั้งแต่เมื่อคืน แต่หนทางก็แสนอันตราย
อีกทั้งตำรวจบอกควบคุมตัวโจรสองนายไว้แล้ว เธอจึงคลายใจและรอจนกระทั่งตีห้า
รีบเร่งเก็บงานและเดินทางกลับโดยมีชัชพิมุขเป็นผู้ขับ
เธอรู้ว่าดาราหนุ่มเป็นห่วงแม่เพื่อนดาราหวานใจเสียหนักหนาถึงขนาดจะเข้ามาปลอบขวัญ
แต่เธอจำเป็นต้องห้ามเขาไว้เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวตกเป็นข่าว
ที่ตำรวจมาบ้านอยู่นี้ก็ไม่รู้จะหลบหลีกนักข่าวตาไวหูไวได้แค่ไหน
“ขอบใจนะกระติ๊บเธอดีกับฉันที่สุดเลย
แล้วนี่ตำรวจคงรอแย่แล้ว เดี๋ยวฉันอาบน้ำแต่งตัวจะรีบลงไป
วันนี้ต้องออกเดินทางพร้อมกองถ่ายด้วย”
“จริงสิ ดีเลยจะได้หลบนักข่าวด้วย
อีกอย่างฉันจะได้เตรียมตัวไปพร้อมเธอ แต่เดี๋ยวโทรบอกความคืบหน้าให้คู่จิ้นของเธอรู้ก่อนไม่งั้นคงกระวนกระวายไม่เป็นอันอยู่
โผล่มาตอนนี้ยุ่งเข้าไปอีก เธอเตรียมตัวเถอะฉันจะลงไปรอข้างล่าง”
อุรัสยาส่งยิ้ม
นึกขอบคุณในความเอาใส่ใจของเพื่อน ไม่ว่าใครคนใดที่ใกล้ชิดเธอ ปานเลขามักจะให้การดูแลอย่างดี
ทำให้เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าเพื่อนของเธอคนนี้เป็นตัวแทนของเธอได้ทุกเรื่อง เพราะได้รับการต้อนรับจากทุกคนไม่ต่างกัน
เช่นบางเวลาที่เธอป่วยไข้ไม่สามารถเข้าฉากได้
ถ้าเป็นฉากใหญ่ก็ต้องมีการเลื่อนด้วยการตัดฉากของเธอไปก่อน แต่ถ้าเป็นฉากย่อยที่ต้องเก็บมุมใหม่ในบางฉากโดยไม่จำเป็นต้องเห็นใบหน้าของเธอ
ทางผู้กำกับก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้ปานเลขาเข้าฉากแทน
การแสดงของปานเลขาไม่ค่อยติดขัดมากนัก
เป็นผลจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวต้องดูแลเธอในบทบาทของดารามาโดยตลอด ทำให้ปานเลขาซึมซับทักษะการแสดงไปในตัว
ซึ่งถือเป็นเรื่องดี
อุรัสยาอาบน้ำแต่งตัวเพียงชั่วครู่
วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนทะมัดทะแมงเพื่อการเดินทาง จากนั้นลงมาเตรียมพร้อมกับการให้ปากคำต่อตำรวจสองนายซึ่งนั่งรออยู่ยังโต๊ะอาหารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบหกที่นั่ง
เบื้องหน้าพวกเขานอกจากกาแฟคนละถ้วยด้านข้างยังมีแฟ้มงานอีกปึกหนึ่ง ในขณะที่เธอเดินมาถึงปานเลขาก็ลุกชี้ชวนให้เธอนั่งลงข้างกัน
และในจังหวะที่นายตำรวจสองนายกำลังกล่าวแนะนำตัว
เขาทั้งสองก็ต้องลุกพรวดขึ้นเมื่อมีอีกบุคคลหนึ่งเดินเข้ามา
“ผู้กองมาพอดี”
คำกล่าวจากตำรวจหนึ่งในสองนาย
“ผมเพิ่งออกจากเวร
พวกคุณทำงานกันต่อเถอะ ผมขอร่วมฟังงานนี้เท่านั้น” ผู้กองภาวินกล่าวอย่างเป็นทางการ
เขาไม่ลืมก้มศีรษะทักทายปานเลขา และเงยขึ้นส่งยิ้มทักทายเธอ
“ทำตัวตามสบายนะอุ้ม
เมื่อคืนพี่ติดต่ออุ้มไม่ได้ ดีนะครับที่อุ้มทิ้งเบอร์คุณกระติ๊บไว้
ไม่งั้นไม่รู้จะติดต่อกันยังไง เพราะไม่รู้ว่าอุ้มอยู่ในบ้านหรือเปล่าเห็นว่ากดกริ่งตั้งนานบ้านก็ยังเงียบสนิท”
“ขอโทษค่ะพี่ภาวิน
อุ้มหลับเป็นตายเลย” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเอียงอาย
เพราะถึงขนาดกระหน่ำกดเรียกเธอแบบนั้น เธอก็ยังหลับไม่ตื่น
“นอนอย่างนี้ไฟไหม้จะรู้ไหมเนี่ย
ฉันว่าเธอเริ่มพกโทรศัพท์ไว้ให้ฉันคอยกดหาดีกว่า เคราะห์ร้ายจะได้เตือนกันทัน”
คนอดไม่ได้ รีบเสนอแนะตัวช่วยให้เพื่อนทันที
“แหม
กระติ๊บ เหนื่อยและเพลียมากก็หลับอย่างนี้ทุกคน” อุรัสยาแย้งเพื่อน แต่ยังไม่วายหลบสายตาด้วยอายต่อข้อแก้ต่างของตัวเอง
“เอาเถอะ
ตอนนี้คุณตำรวจรอบันทึกปากคำอยู่ เสร็จเรื่องแล้วจะได้รีบออกเดินทาง ก่อนพวกนักข่าวจะแห่กันมาเต็มหน้าบ้าน
ยิ่งมหาชนยิ่งแล้วใหญ่ถึงขั้นปิดถนนกันเชียวนะเธอ
อย่าลืมตำแหน่งขวัญใจมหาชนของเธอเสียล่ะ” ปานเลขารีบตัดบท
เพราะอยากเร่งรีบให้เพื่อนสาวได้หลบหลีกนักข่าวไว ๆ
ตัวเธอเองก็ต้องรีบไปแจ้งงานที่สถานีเพื่อจะขอเดินทางพร้อมกันในวันนี้
ไหนจะพระเอกหนุ่มที่เธอต้องดูแลอีก นั่นก็ยุ่งชะมัด ตั้งท่าจะตามเพื่อนเธอท่าเดียว
ไม่ได้ฉุกคิดเลยว่าตัวเองเป็นดาราขวัญใจสาว ๆ เหมือนกัน
มาตามติดดาราสาวขวัญใจด้วยกัน เพิ่มดีกรีข่าวคู่จิ้นเนียน ๆ เข้าไปอีก
ก็อย่างว่า
เพื่อนสาวของเธอคนนี้สวยไม่พอยังดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง
ตัวเธอเองยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางรูปกาย แต่ดาราเพื่อนรักกลับตรงกันข้าม
เหมือนความสาวเจ้าหล่อนสวนกระแสกาลเวลา
ไม่เป็นไปตามวัยอย่างที่ควรเป็น ดูสิ ทั่วสรรพางค์กายของสาวอายุยี่สิบห้าแต่กลับมีผิวพรรณเปล่งปลั่งลออตาดุจดรุณีรุ่นสิบเจ็ดสิบแปด
ทว่าผู้จัดการส่วนตัวสาวก็ประมาณความเป็นไปได้ว่า
เพื่อนรักเป็นดาราจึงได้เข้าคอร์สบำรุงผิวพรรณอยู่เนือง
ๆจึงทำให้ดูเด็กกว่าอายุจริง
รำพึงรำพันในใจจบ
สายตาเฉียบคมของผู้จัดการสาวชำเลืองไปทางนายตำรวจหนุ่ม ซึ่งกำลังตั้งอกตั้งใจฟังคำให้การของเพื่อนเธอ
คราวนี้ยิ่งถอนใจลึกเร้นเข้าไปใหญ่ เพราะนี่ก็ตัวปัญหาอีกคน
อุรัสยาบอกตำรวจไม่ถูกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
จำได้แค่ยืนชื่นชมถ้อยรางวัลเสร็จก็เข้านอน ไม่ได้รับรู้สิ่งผิดปกติ
ซึ่งเธอไม่ได้เล่าต่อว่าลืมตาขึ้นมาพบชายแปลกหน้า อาจเรียกชายแปลกประหลาดอีกประการ
เพราะสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าต่อตามันเหลือเชื่อเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟัง
โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้นหายตัวได้ ลืมไป กลายเป็นงูให้เห็นก่อนต่างหาก
มันทำให้เธอฉงนสนเท่ห์กับภาพที่เห็นนั้นมันนิมิตฝันหรือเรื่องจริง
คิดไม่ตกกับคำตอบ อุรัสยาจึงอุปาทานว่าตนได้รับบทบาทตัวละครเป็นพญานาคี
จึงเก็บภาพงูใหญ่มาฝันเป็นตุเป็นตะเสียมากกว่า คิดว่าลืม ๆ
มันไปไม่จำเป็นต้องเล่าให้ใครฟัง เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอให้ปากคำไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนโจรสองคนนั้นอีก
การสอบปากคำจบลงอย่างรวดเร็ว
เพราะทุกคำตอบแสดงให้เห็นว่าดาราสาวไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในอาณาเขตบ้านของตนเลย
ทางตำรวจจึงได้แต่ลงบันทึกในความเห็นว่าดาราสาวนอนหลับสนิทจริง ๆ
เสร็จสิ้นคดีโจรขึ้นบ้านแล้ว
ภาวินขอตัวกลับไปพร้อมกับตำรวจสองนาย ก่อนไปเขาขอให้เธอดูแลตัวเองดี ๆ
และให้สัญญาว่าจะคอยปกป้องเธอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ซึ่งถ้อยคำของนายตำรวจหนุ่มไม่พ้นทำให้ปานเลขาเกิดอาการคลื่นไส้
เพื่อนสาวของเธอกระซิบบอกว่านายตำรวจหนุ่มมีแววเจ้าชู คงชอบที่จะแจกขนมหวาน ๆ
กับสาว ๆ ไปทั่ว และไม่วายหันมากำชับกำชาให้เธอระวังอย่าหลงลมปากของเขาเป็นอันขาด
อุรัสยาเดินทางมาถึงสถานที่ทำงานก่อนใคร
ๆ เพราะปานเลขาให้เหตุผลว่าต้องการหลบนักข่าว
เธอและเพื่อนสาวจึงต้องหอบสังขารมากินอาหารเช้ากันที่ทำงาน
ระหว่างนั้นเธอชำเลืองหาใครสักคนซึ่งปานเลขาเดาใจว่าเธอมองหาใครอยู่ จึงสารภาพว่าตนเตือนดาราหนุ่มอยู่ห่างไว้
ถ้าอยากคุยอะไรค่อยไปคุยกันที่บึงกาฬ มิน่าเธอจึงมองไม่เห็นแม้เงาของเขา
พลางนึกชมเพื่อนสาวที่เหมาะสมตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวดาราจริงเชียว
“ฉันยังไม่รู้เลยกระติ๊บว่านายทุนคนนี้ชื่ออะไร”
อุรัสยาลืมคำถามนี้นานแล้ว จู่ ๆ นึกขึ้นได้
หลังจากคุยรอเวลาเดินทางกันเกือบสองชั่วโมง
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน
เห็นผู้ใหญ่ใช้คำว่าท่านแทนตัว พวกเราก็เลยเรียกท่านตาม ๆ กัน ที่มีรู้ก็แค่ชื่อโรงแรม”
“ชื่อโรงแรมอะไร?”
ใบหน้าสวย ๆ ของดาราสาวเจิดจรัสเบิกบานผสมผสานความสนใจใคร่รู้ไปในตัว
แต่ขณะเดียวกันก็ม่อยลงกับน้ำเสียงของหญิงสาวอีกคนที่ดังแทรกขึ้นมา
“นครนาคา”
ทั้งเธอและปานเลขาต่างหันขวับไปมองต้นเสียงพร้อมกัน
ในตอนนั้นเธอได้ยินเสียงแม่เพื่อนสาวร้องถามออกไป ด้วยน้ำเสียงคล้ายว่าการปรากฏตัวของอีกฝ่ายเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์
“คุณเมย์
นี่อย่าบอกนะว่าคุณได้ร่วมงานนี้”
“ละครเรื่องนี้ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญ
จะไม่มีนักแสดงมืออาชีพอย่างฉันได้ยังไง” เมธิตาหลิ่วตาให้คู่ปรับสาว
ก่อนจะคิดไปว่า กว่าเธอจะได้สับเปลี่ยนบทกับนักแสดงผู้ได้รับการคัดเลือก
เธอต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปหลายยก แต่การลงทุนน่าจะคุ้ม เพราะเท่าที่ฟัง ๆ มา นายทุนคนนี้มีอิทธิพลกับผู้บริหารสถานีอยู่พอสมควร
ฉะนั้นการได้ร่วมงานและร่วมเดินทางไปใกล้ชิดสนิทสนมกับนายทุน ที่ทุกคนแทนตัวเขาว่า
‘ท่าน’ ก็น่าจะดีกว่าคอยเป็นที่ระบายอารมณ์ของผู้บริหารหื่น
เมธิตาคิดกระหยิ่มใจ
ถ้างานนี้เธอได้ท่านนายทุนมาเป็นน้ำเลี้ยง เธอจะเล่นตัวงานอื่น ๆ เพื่อเรียกค่าตัวแพง
ๆ เสียให้เข็ด
“เซ็ง!” ปานเลขาบ่นพร้อมทอดถอนใจ
ไม่เกรงใจคนฟังที่จีบปากจีบคอพูดโต้กลับมา
“โอ้ยแม่คุณ
ถ้าไม่อยากร่วมงานกับฉัน ก็ขอถอนตัวสิ”
โดนท้ามาแบบนี้ผู้จัดการส่วนตัวสาวห้าวหาญไม่กลัวใครอย่างปานเลขา
ก็แกล้งจีบปากจีบคอยอกย้อนกลับไปบ้าง
“อยากถอนจะแย่
แต่ท่านนายทุนดันระบุมาเป็นตัวเต็ง ยังบอกอีกว่าตัวละครอื่นจะเป็นใครก็ช่าง
แต่นาคีสาวพราวเสน่ห์เขาเลือกคนเดียวคืออุรัสยา แย่จริง มันถอนตัวไม่ได้ฮ่า..”
ปานเลขายังแถมท้ายด้วยเสียงหัวเราะยียวนกวนประสาท
จนอีกฝ่ายทนไม่ได้สะบัดหน้าขึ้นสีเลือดเดินฮึดฮัดจากไป อุรัสยาเห็นว่าคู่พิพาททิ้งห่างแล้ว
เธอจึงหันมาสะกิดเพื่อนที่หัวเราะค้างให้ระงับสติอารมณ์
“พอแล้วกระติ๊บ
แค่นี้เขาก็ไม่ต้องใช้บลัชออนแล้วล่ะ ดูสิ แก้มแดงยังกะตูดลิง”
“ฮ่า..ช่างเปรียบ
เธอก็ร้ายไม่หนักไม่เบาไปกว่าฉันหรอก” ปานเลขาตบหัวไหล่ของเพื่อนเบา ๆ
อย่างถูกอกถูกใจ
อุรัสยาพลอยหัวเราะไปกับเพื่อนด้วย
จังหวะเดียวกันเธอสังเกตเห็นพนักงานเริ่มขนสัมภาระมากอง
คงรวบรวมเตรียมขึ้นรถตู้ของทางสถานีกันแล้ว
แต่เธอยังไม่เห็นรถตู้ขับมาจอดรอรับสักคัน เธอเอ่ยถามเพื่อน
“ตกลงกำหนดเวลาการเดินทางของเรากี่โมงกันเนี่ย”
“เก้าโมง
อีกสิบนาทีคงมาถึง” ปานเลขาตอบเสียงเรียบ ไม่ได้ยีหระกับการรอคอย
“หมายความว่ายังไงคงมาถึง”
ดาราสาวเลิกคิ้วฉงน
..รถตู้ของสถานีจอดอยู่ในอู่ใต้ตึก
จะต้องใช้คำว่าคงมาถึงเหมือนรถวิ่งมาจากที่ไกลทำไมกัน?
“ทางท่านนายทุนเขาจะส่งรถมารับเอง
เรื่องนี้ฉันรู้มาพร้อมชื่อโรงแรมของเขานั่นล่ะ ฉันเห็นว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร
ก็เลยไม่ได้บอกเล่าให้เธอฟัง เพราะใจจริงแล้วฉันอยากขับรถส่วนตัวไปเองมากกว่า
เธอจะได้สะดวกมากกว่าปล่อยดาราดังอย่างเธอนั่งรถรวม ๆ กันไป”
“เรื่องนี้ฉันไม่ถือหรอก
แต่จะว่าไปท่านคนนี้ลงทุนเยอะนะ ขนาดการเดินทางยังมีรถมารับถึงที่”
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที
รถที่รอคอยก็มาถึง ซึ่งรถที่ทางนายทุนจัดมารับเป็นรถทัวร์สองชั้นระดับวีไอพี
พนักงานต่างฮือฮากับความทันสมัยเมื่อได้เข้าไปนั่งข้างใน ชั้นแรกจะเป็นของพนักงานในกองถ่าย
ส่วนชั้นสองจะเป็นที่นั่งของนักแสดงและผู้กำกับ เธอนั่งคู่กับกระติ๊บในเก้าอี้แถวหน้า
ถัดมาเป็นผู้กำกับ หลังไปนั้นจัดส่วนให้เมธิตาผู้เฉิดฉายตลอด
เพราะเจ้าหล่อนเติมแป้งทาปากทุกหนึ่งชั่วโมง ด้านหลังดาวร้ายสาวคือส่วนของชัชพิมุข
ซึ่งเขานั่งเงียบมาตลอดทาง
นั่นเพราะกระติ๊บสั่งให้อยู่ห่างกันจนกว่าจะถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งมันจะได้ไม่เป็นที่จับตาของคนในกองถ่ายที่ไม่รู้ว่าใครเป็นเหยี่ยวคอยฉกข่าวไปขายให้กับปาปารัสซี่บ้าง
ทีมกองถ่ายพร้อมนักแสดงขึ้นนั่งเบาะตามที่เจ้าหน้าที่ได้จัดให้เสร็จแล้ว
รถทัวร์ก็เคลื่อนตัวออกจากตึกทำการของสถานีโทรทัศน์
ในขณะรถเคลื่อนไปบนท้องถนนอุรัสยารู้สึกว่ารถขับเคลื่อนนิ่มนวลไม่มีการกระเทือนแม้แต่น้อย
เหมือนลอยบนพื้นถนนมากกว่าแล่นไปตามทางธรรมดา
ผ่านไปเก้าชั่วโมงรถทัวร์แล่นเข้าสู่เขตหนองคาย
อุรัสยารู้สึกว่าเมืองนี้เหมือนเมืองพญานาค สังเกตจากป้ายจังหวัดที่โค้งเหนือถนนมีสัตว์กึ่งเทพที่ชาวบ้านให้ความนับถือทอดตัวตามความยาวอยู่บนนั้น
เลยเข้ามาก็เห็นสิ่งนี้มากมายหลายจุด ทั้งสิ่งปลูกสร้างทางศาสนา ป้ายถนน แล้วยังมีธรรมชาติพื้นถิ่นที่เต็มไปด้วยความพิศวงให้เห็นเต็มไปหมด
จึงดูเหมือนสถานที่ของพญานาคมากกว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์
เวลาหัวค่ำ
สิบชั่วโมงกับการเดินทางเข้าสู่เขตบึงกาฬจังหวัดสุดขอบแม่น้ำโขง
สีทึมเทาโรยตัวไปทั่วบริเวณ รถยังคงแล่นฉิวด้วยชำนาญทาง หักเลี้ยวออกเส้นทางหลัก
มุ่งเข้าเส้นทางแคบ ๆ จนในที่สุดมาถึงจุดหมายด้วยผ่านประตูทรงโค้งมีรูปปั้นพญานาคสามเศียรขนดอยู่บนเสาต้นสองข้าง
มาจอดบนลานด้านหน้าอาคารสามชั้น บนป้ายมีสัญลักษณ์พญานาคอยู่เคียงข้างชื่อโรงแรม ‘นครนาคา’
ทุกคนต้องตื่นตะลึงแน่
กับทัศนียภาพโดยรอบในเขตนครนาคา เพราะแม้จะเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นเงาตะคุ่ม แต่ก้อนหินสีดำทะมึนขนาดใหญ่เรียงรายไปตามริมทางท่ามกลางไม้ยืนต้นที่มีใบลักษณะแปลก
ๆ ดึงความตื่นตาตื่นใจทุกคนได้ดี ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เห็นผ่านมาตลอดเส้นทาง รวมทั้งสัญลักษณ์พญานาคที่มีอยู่เต็มนคร
ทำให้ต่างลงความเห็นว่านครแห่งนี้เสมือนเมืองพญานาคจริง ๆ
ราคาขาย: 280 + 40 = 320 บาท
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก คิดค่าส่ง 40 (พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
เช่น
นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้
จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว
จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
สรุปยอดโอนลูกค้า 200 + 40 = 240 บาท หลังจากร้านได้รับหนังสือคืนแล้วจะโอนคืนให้ในยอด 200-20= 180 บาท
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น