วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

เสน่หานาคี : บทที่ 4 ไม่มีตัวตน


นิยายเปิดเช่าและขาย

เสน่หานาคี




 กระติ๊บเธอเห็นธัชหรือเปล่า ตั้งแต่ลงจากรถฉันไม่เห็นเขาเลยนะ” อุรัสยาเอ่ยถามเพื่อนสาว หลังลงจากรถทัวร์มาหยุดยืนรวมกับพงศกรผู้กำกับวัยห้าสิบต้น ๆ ซึ่งยืนเยื้องเขาไปด้านข้างคือดาวร้ายสาวสวยแห่งปี
“แหม เธอสองคนเนี่ย ไม่คนใดคนหนึ่งต้องถามหากัน” ปานเลขากระซิบเบา ๆ เป็นเชิงเตือนว่าอย่าถามถึงกันบ่อยนัก ไม่อยากให้ดาราเพื่อนรักตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น
“เขาเป็นเพื่อนอีกคนนี่” อุรัสยากล่าวเชิงเตือน ว่าชายหนุ่มเป็นเพื่อนด้วยเหมือนกัน
“ยะ เออ แต่ว่าฉันก็ไม่เห็นเขาเลยนะ ตอนลงจากรถไม่ทันสังเกต” ปานเลขาส่ายสายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะได้ยินผู้กำกับพงศกรหันมาถามไถ่ถึงดาราหนุ่มกับเพื่อนสาวเธอเสียงดัง
“อุ้ม เห็นธัชหรือเปล่า ตอนลงจากรถผมไม่ยักจะเห็นเขาเลย” พงศกรยืนเอามือเท้าเอว กวาดตามองหาดาราหนุ่ม
“อุ้มก็กำลังมองหาค่ะ ค่ำลงมากแล้วด้วย ไม่รู้ไปอยู่เสียตรงไหน” พูดไป สายตาก็กวาดมองไปรอบบริเวณ เห็นแต่พนักงานในกองถ่ายกำลังขนสัมภาระลงจากช่องเก็บของ แล้วทยอยมายืนรวมกัน
“เอ ไปไหนของเขา งั้นเราเข้าไปก่อนเถอะ มีคนมายืนคอยหน้าโรงแรมแล้ว” พงศกรบอกทุกคน เขาก้าวเท้ายาวเดินนำ โดยมีเมธิตาเดินตาม สีหน้าสวย ๆ บอกบุญไม่รับ
“อุ้มเดินตามพี่กรไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกระติ๊บไปถามคนอื่นดู เผื่อใครจะเห็นเขาเดินไปตรงไหนบ้าง”
“จ้ะ แต่เจอไม่เจอยังไงกระติ๊บต้องรีบเข้ามารวมกลุ่มกันนะ ผิดถิ่นค่ำมืดแบบนี้มันอันตราย”
แม้จะกล่าวกำชับเพื่อนไปเช่นนั้น แต่ความรู้สึกส่วนลึกของอุรัสยากลับคิดว่าที่นี่ดูอบอุ่นปลอดภัย โดยเฉพาะได้มองเห็นตึกสีน้ำตาลอมแดงขนาดใหญ่โตสามชั้นทอดตัวเหมือนภูเขายาวไปตามลำน้ำ บันไดด้านหน้าเทอเรซเป็นรูปพญานาคแผ่พังพานคล้ายทำหน้าที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือน
หญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีสวมชุดพื้นเมืองเสื้อแขนยาวรัดรูปสีชมพูกลีบบัวกับซิ่นผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้ม เกล้าผมขึ้นกลางกระหม่อมแซมด้วยดอกมะลิสีขาวนวลแล้วไขว้ความยาวเส้นผมดำเงาลงบ่าข้างหนึ่ง ยืนรอต้อนรับพร้อมกล่าวเชื้อเชิญ
“คุณเลขาสร้อยจันทร์ รอพวกคุณอยู่ เชิญด้านในค่ะ”
เสียงเด็กกองถ่ายซุบซิบบ่งบอกความรู้สึกกันไปต่าง ๆ นานา หลังจากหันรีหันขวางกับสถานที่ลักษณะขรึมขลัง พงศกรหันมามองกราด เชิงเตือนให้ทุกคนเก็บอาการหน่อย ก่อนเดินนำเข้าไปก่อน
“บรรยากาศดูพิลึก ๆ ยังไงก็ไม่รู้เนอะ”
เสียงกระซิบกระซาบต่อกันในกลุ่มเด็กกอง ดังมาพอได้ยิน อุรัสยาหยุดฝีเท้า ในความรู้สึกของเธอ ที่แห่งนี้พิลึกไหม? ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่รู้สึกตอนนี้คือทุกก้าวที่ย่างเหยียบเหมือนมันนำพาเธอกลับมายังที่ที่เธอคุ้นเคย
อุรัสยามองไปรอบ ๆ พิศวงความรู้สึกตัวเอง ต่อเมื่อได้ยินเสียงปานเลขาเดินเข้ามายืนใกล้ด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ พร้อมบอกถึงการหายตัวไปของชัชพิมุข เธอจึงเลิกสนใจ
“หาไม่เจอเลย กะจะถามคนขับ ก็ดันไม่เจอทั้งรถทั้งคน คุณธัชนี่แย่จริง ไปไหนของเขานะ” ปานเลขาสาธยายพร้อมบ่นให้ในคราวเดียว สีหน้าแววตาฉายความกังวลใจเด่นชัด ซึ่งผู้จัดการส่วนตัวสาวไม่รู้หรอกว่า ก่อนหน้าที่เธอจะเดินไป รถคันดังกล่าวได้คืนร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลานอันตรธานหายไปกับผืนน้ำแล้ว
“ธัชหายตัวไปจริง ๆ หรือนี่” อุรัสยาอุทานเบา ๆ ด้วยไม่อยากให้เสียงดังเล็ดลอดเข้าไปให้กลุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้าสู่ในห้องโถงใหญ่ต้องตกใจ จังหวะนั้นเองบุคคลที่พวกเธอตามหาก็โผล่มา
“ใครหายตัวไปหรืออุ้ม?”
ดาราหนุ่มเดินตรงเข้ามาหา สีหน้าท่าทางไม่ทุกข์ร้อน
“ธัช/คุณธัช” หญิงสาวทั้งสองอุทานเสียงหลง
“ครับ ผมธัช ชัชพิมุขตัวจริงเสียงจริง” เขายังพูดติดตลก เพราะนึกขำท่าทางตกใจของดาราสาวคู่ขวัญและผู้จัดการส่วนตัว ลึกในใจอดปลื้มไม่ได้ที่ทั้งสองมีท่าทางกำลังรอคอยการมาของเขาอย่างใจจดจ่อ
เสียงอุรัสยาถามอย่างฉงนใจ “ธัชไปไหนมาคะ ถามใครไม่มีใครเห็น กระติ๊บออกตามหาคุณเพิ่งกลับมา” พูดจบ หญิงสาวเพ่งพิศชุดที่ชายหนุ่มสวมใส่ผิดจากเดิม เมื่อเช้าเขาใส่เสื้อแจ็กเก็คสีดำ และมิได้ถือกระเป๋าเดินทางสักใบ แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดลำลองเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสีดำ ในมือถือกระเป๋าเดินทางใบย่อมอีกต่างหาก
ทว่า ความฉงนฉงายถูกความตกใจเข้ามาแทน เมื่อเขาบอกกับเธอว่า
“ผมจะหายไปไหนล่ะครับ ก็รถของโรงแรมเพิ่งไปรับผมมาจากสนามบินอุดร”
“ห๊า/ห๊า” สองสาวอุทานเสียงหลงอีก แต่คราวนี้เบาเสียงลง
“คุณ..คุณธัช กำลังจะบอกเรา..ว่าคุณเพิ่งมาถึงเมื่อตะกี้เนี่ยนะ!” ปานเลขาเอ่ยถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“ครับ นี่ไงตั๋วที่นั่งเครื่องของผม” ชัชพิมุขล้วงหลักฐานที่เขาสอดไว้ด้านหลังกระเป๋ากางเกงให้ทั้งสองดู ซึ่งปานเลขาคว้าไปดู เสร็จจึงเงยหน้าขึ้นสบตาเป็นคำยืนยันคำพูดที่เป็นจริงของชายหนุ่มต่อเพื่อนอีกคน
อุรัสยาชะงักกึก มันเป็นไปได้อย่างไร และถ้าเขาพูดจริงชัชพิมุขที่นั่งรถทัวร์มาพร้อมกันเป็นใครอีกคนหรือ?
เมื่อยังเห็นอาการอึ้งกับหลักฐาน ชัชพิมุขจึงให้เหตุผลเพิ่มเติม
“ตอนเช้าผมขับรถย้อนไปพัทยาเพราะทางกองแจ้งให้เก็บฉากที่ตกค้าง กว่าจะเสร็จก็บ่ายคล้อยแล้ว ผมแจ้งเข้าฝ่ายการจัดการให้จองตั๋วเครื่องบินมาลงอุดร จากนั้นทางโรงแรมก็ส่งรถไปรับเพิ่งมาถึงนี่แหละ ทีนี้ก็ถึงคิวที่พวกคุณต้องอธิบายให้ผมฟังบ้าง เรื่องที่ว่าผมหายตัวไป มันเป็นยังไงกัน”
อุรัสยาเงียบฟังเหตุผลที่เขาพูดมา พร้อมกับตกใจคำถามที่ย้อนมาของเขา ซึ่งคำตอบยังกำกวมระหว่างความจริงกับความเข้าใจผิด จึงบอกเขาว่า “เราอาจจะเข้าใจผิดกัน ไม่มีอะไรหรอก ทุกคนเข้าไปรวมกันอยู่ข้างในแล้ว เข้าไปกันเถอะ”
อุรัสยารีบตัดบท พร้อมกับดีใจอยู่บ้างที่ปานเลขาพลอยพยักพเยิดเห็นด้วย ต่อเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทุกคนในกองยังคิดว่าเขาเดินทางมาโดยรถทัวร์พร้อมกัน ถ้าชัชพิมุขบอกคนอื่น ๆ เหมือนอย่างที่บอกกับเธอและปานเลขา เพียงแค่การมาเยือนเมืองอาถรรพ์ก็ทำให้คนเหล่านั้นตะขิดตะขวงใจพอดูอยู่แล้ว ถ้าเริ่มต้นด้วยคนที่ไม่มีตัวตน ทีมกองถ่ายคงแตกตื่นกันเสียก่อนจะได้เริ่มงาน หญิงสาวจึงต้องรีบเอ่ยกำชับแกมขอร้องชายหนุ่ม
“ถ้าทุกคนถามว่าธัชหายไปไหน ธัชช่วยบอกกับทุกคนนะว่า เออ ไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ”
“อ้าว ทำไมล่ะ” ชัชพิมุขร้องถาม คิ้วดำเข้มเลิกขึ้นฉงน
“เอาเถอะน่า นะ ถ้าธัชไม่อยากนั่งตอบคำถามแปดพันเก้ากับทุกคนทั้งคืน ธัชต้องเชื่ออุ้ม ตกลงนะ”
แม้ชัชพิมุขไม่เข้าใจคำขอร้องของเพื่อนสาวจดนิดเดียว แต่เขาจำต้องพยักหน้า อย่างน้อยประโยคท้ายมันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
อุรัสยาลอบถอนใจแทบจะดังออกมาพร้อมปานเลขา ขณะมองตามหลังคนตัวสูงเดินนำหน้าเข้าสู่ด้านใน ทั้งสองจับมือและตอบรับความเข้าใจ ก่อนจูงมือกันเดินตามหลังชายหนุ่ม
ระหว่างนั้นอะไรบางอย่าง ย้อนกลับมาให้ดาราสาวทบทวน ชัชพิมุขถูกปานเลขาห้ามมาสนิทสนมกันในขณะอยู่บนรถก็จริง แต่เขาไม่น่าจะเชื่อฟังเพื่อนสาวของเธอขนาดไม่ยอมทักทายเธอสักคำ อีกทั้งชายหนุ่มไม่ดื่ม ไม่กินตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะระยะเวลาเดินทางหลายชั่วโมงทุกคนต่างหลับไปหลายตื่น แต่เธอจะเห็นเขาเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่านิ่งขรึมทุกที ที่สำคัญเมื่อรถถึงที่หมายเขากลับหายตัวไป
ลำดับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธอฉงนสนเท่ห์  แต่ไม่ทันเฉลียวใจแล้ว หญิงสาวหยุดกึก..
หรือจะเป็นเขา!’ อุรัสยาอุทานขึ้นในใจ เมื่อใบหน้าชายแปลกประหลาดในความฝันผุดขึ้นมาในความคิด ชายคนนั้นช่างเหมือนชัชพิมุข ทว่าเป็นไปไม่ได้หรอกก็นั่นมันแค่ความฝัน และเขาไม่มีตัวตน

ทั้งสามหยุดยืนในพื้นที่รับรองแขกซึ่งมีกลุ่มคนนั่งอยู่บนโซฟาชุดใหญ่กันก่อนต่างหันมามองเป็นจุดเดียว หนึ่งในนั้นคือพงศกรที่ลุกยืนแนะนำว่าใครเป็นใครบ้าง จากนั้นทั้งสามจึงนั่งลงร่วมวงสนทนา ชัชพิมุขถูกถามเรื่องที่เขาลงจากรถทัวร์แล้วหายไปไหน เขาตอบคำถามด้วยถ้อยคำที่ได้เตรียมกันไว้ เรื่องของเขาจึงไม่เป็นที่ติดใจของใครอีก
อุรัสยานั่งประจันหน้ากับเลขาสาวที่พงศกรแนะนำว่าชื่อสร้อยจันทร์ หญิงสาวร่างเล็กอรชร ผิวเนียนสีน้ำผึ้งใบหน้าสวยคมนัยน์ตาสวยซึ้งอมเศร้า สวมชุดผ้าไหมพื้นเมืองแขนยาวรัดรูปสีชมพูกลีบบัวกับซิ่นผ้าไหมสีดำ มวยผมไว้ท้ายทอยแซมด้วยดอกมะลิสีขาวนวล มิได้ไขว้ความยาวเส้นผมลงบ่าเหมือนพนักงานคนอื่น ซึ่งแม้จะดูบุคลิกเรียบง่ายแต่มีสง่า
อุรัสยามองใบหน้าสวยคมของเลขาสาว พลางรู้สึกแปลก ๆ ต่างฝ่ายต่างเพิ่งรู้จัก ทำไมเธอจึงเกิดความรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า อุรัสยานึกแปลกใจในความรู้สึกขณะลอบมองคนตรงหน้าพร้อมพินิจกับความรู้สึกแปลก ๆ อีกครั้งจังหวะเดียวกันเสียงผู้กำกับพงศกรหันมาบอกกล่าวกับเธอว่า
“คุณเลขาสร้อยจันทร์จะให้เวลาเราได้พักผ่อนเพื่อเตรียมทำงานสองวัน ระหว่างนั้นทางกองจะจัดเตรียมฉากที่จะใช้ ส่วนดารานักแสดงจะได้รับบทไปท่องวันต่อวัน”
อุรัสยาได้รับฟัง นึกแปลกใจจนอดถามไม่ได้ “ไม่ได้ให้บทท่องทีเดียวหรือคะอีกอย่าง อุ้มไม่เห็นเตรียมอุปกรณ์กันมาเลยมีแต่กล้องจับภาพ”
“ท่านให้เราเตรียมแต่ตัวและความพร้อม เพราะทั้งนักแสดงประกอบ สถานที่และอุปกรณ์ ท่านได้จัดเตรียมให้พร้อมแล้ว” พงศกรให้คำตอบไขข้อข้องใจดาราสาวทันที
เสียงฮือดัง แสดงให้เห็นไม่เพียงแต่เธอที่ทึ่งกับการลงทุนของเจ้าของโรงแรม เสียงพงศกรพูดต่อ
“บทบาทที่ทุกคนได้รับจะเกี่ยวข้องกับฉากใต้บาดาล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของพญานาค ฉะนั้นบางฉากอาจจะต้องลงว่ายน้ำกันจริง”
อุรัสยาได้ฟังแล้วตกใจ แต่คนพูดโพล่งออกมาแทนเธอคือปานเลขา
“แต่อุ้มว่ายน้ำไม่เป็น”
ซึ่งเปิดโอกาสให้อีกคนได้พูดแทรกเช่นกัน
“ดารามืออาชีพ ต่อให้ว่ายไม่เป็นก็ต้องถ่ายทอดบทบาทให้สมจริงออกมาได้”
คำพูดในเชิงเหยียดหยันของเมธิตา ทำให้ปานเลขาหันขวับไปเพื่อเอาเรื่อง แต่เสียงชัชพิมุขขัดตาทัพขึ้นเสียก่อน
“อย่าวิตกไปเลยคุณกระติ๊บ ปกติผมกับอุ้มเล่นด้วยกันแทบทุกฉาก เรื่องว่ายน้ำคงพอใช้มุมกล้องช่วยได้” ชัชพิมุขรู้ว่าผู้กำกับแอบฝากความหวังไว้ที่เขา เพราะรู้ดาราสาวไม่สันทัดฉากลงน้ำ ฉะนั้นผู้ที่จะแก้ไขปัญหาก็มีเพียงพระเอกที่เล่นคู่กัน บวกกับการใช้มุมกล้องช่วยอีกสักนิดทุกอย่างน่าจะผ่านไปด้วยดี
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยเรื่องงานที่จะเริ่มต้นในอีกสองวัน สายตาของอุรัสยาใช่จะเมินหนีจากใบหน้าที่เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดใจ จนกระทั่งได้ยินเสียงถามของอีกฝ่าย
“คุณอุ้มมีอะไรจะถามดิฉันอีกหรือเปล่าคะ?” มีแววยิ้มผุดในดวงตาบนใบหน้าของเลขาสร้อยจันทร์ขณะเอ่ยถาม คนถูกจับได้ว่าจ้องมองผู้อื่นไม่วาง ถึงกลับสะดุ้ง รีบบอกเหตุผลไปว่า
“เปล่าค่ะ อุ้มแค่รู้สึก เหมือนเคยเห็นคุณสร้อยจันทร์ที่ไหน แต่นึกไม่ออก”
ใบหน้าเลขาสาวนั้นยังคงยิ้ม ขณะเอ่ยว่าตนก็รู้สึกแบบเดียวกัน ซึ่งความชอบพออัธยาศัยกันและกัน ก่อเกิดความสบายใจมาสู่การงานที่กำลังจะเริ่มต้น เพราะสายใยมิตรภาพที่ดีงามจากผู้อุปถัมภ์ย่อมมีส่วนทำให้การทำงานราบรื่น
มีเพียงคนเดียวคิดต่าง และกังวลว่าตนจะด้อยความสำคัญ จึงได้แสดงท่าทางไม่ยีหระพร้อมเอ่ยถ้อยคำส่อถึงความรำคาญใจ
“โอ้ย จะคุยกันอีกนานไหมเนี่ย ไม่เหนื่อยไม่หิว เนื้อตัวไม่เหนียวเหนอะหนะกันบ้างหรือไง” เมธิตาหงุดหงิดใจที่เห็นคนนั้นคนนี้คุยกันถูกคอ โวยเสร็จ ดาราดาวร้ายทิ้งคำถามเร่งเร้าไปที่เลขาสาวของโรงแรม “ห้องพักฉันอยู่ตรงไหนล่ะคุณเลขา” 
เลขาสร้อยจันทร์ลุกขึ้นยืน ใบหน้าระบายยิ้มอ่อนโยนก่อนผายมือเชื้อเชิญดาราดาวร้ายแสนสวย
“เชิญคุณเมธิตาทางนี้ค่ะ ดิฉันจะพาไป แต่ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ดิฉันขอแจ้งกำหนดการอาหารแต่ละมื้อคือช่วงเช้าห้องอาหารจะเปิดจ่ายอาหารเจ็ดโมงครึ่ง อีกรอบคือสิบโมง จากนั้นจะเป็นอาหารกลางวันและสุดท้ายอาหารค่ำทุ่มครึ่ง นอกเหนือเวลานี้แล้วห้องอาหารจะปิดค่ะ” เลขาสร้อยจันทร์หันมาแจ้งกติกาการพักอาศัยสักเล็กน้อยกับทุกคน  ก่อนเดินนำดาวร้ายแสนสวยไปยังลิฟท์อยู่ติดกับเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีพนักงานสาวยืนรอให้บริการกดหมายเลขชั้น
เมธิตามองแบบทึ่งกึ่งพอใจอยู่ในที นครนาคามีแค่สามชั้นแต่มีลิฟท์กว้างอลังการ ยังแถมมีพนักงานบริการทุกจุด เจ้าของสถานที่แห่งนี้คงร่ำรวยถึงขั้นมหาเศรษฐี ผู้หญิงคนไหนได้ครอบครองเขาคงอยู่กับความร่ำรวยไปทั้งชาติ รอยยิ้มกระหยิ่มจุดขึ้นมุมปาก ขณะดาราสาวตั้งความหวังสวยหรู
“โรงแรมมีแค่สามชั้นแต่มีลิฟท์หรูให้บริการ ดีจังนะคะ” เมธิตาหาเรื่องชวนอีกฝ่ายคุย หลังเข้ามายืนด้วยกันภายในลิฟท์แล้ว
“ลิฟท์เราเป็นแบบไฮดรอลิกเหมาะสมกับอาคารมีน้อยชั้น และโรงแรมเรามีห้าชั้นค่ะ ไม่ใช่สาม” เลขาสร้อยจันทร์แก้ไขข้อมูลให้คู่สนทนาด้วยดวงตาเป็นประกาย ซึ่งคู่สนทนาไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวสนใจแต่เรื่องของตัวเอง
“แต่ฉันเห็นแค่สามชั้นนะคะ” ดาราดาวร้ายแย้งขึ้น ซึ่งตนคงมัวแต่ชวนเลขาสาวสนทนาหวังตีสนิท ไม่ได้สังเกตสักนิดว่าบนแผงควบคุมปรากฏเลขหมายกี่ชั้น ก่อนเหลือบไปมองแผงตัวเลขชั้นจริง ๆ จัง ๆ ก็ให้สะดุดตาปุ่มอักษรตัวบี
 “ตัวบีนี้ชั้นอะไรคะ?”
“ชั้นใต้ดินค่ะ เป็นชั้นที่เราจัดทำเป็นส่วนพิพิธภัณฑ์นาคา พรุ่งนี้ดิฉันจะพาพวกคุณเข้าชม”
“ชักอยากเห็นเร็ว ๆ เสียแล้วสิคะ” คำว่าพิพิธภัณฑ์ก็เหมือนคลังเก็บของเก่าล้ำค่า เรียกความสนใจดาวร้ายสาวสวยได้มากมาย
“ไม่ต้องรีบร้อนค่ะ เพราะห้องต่าง ๆ เหล่านั้นเราจัดใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำความเป็นอยู่ของพญานาคใต้พิภพอยู่แล้ว คุณได้อยู่ในห้องเหล่านั้นจนเบื่อแน่ ส่วนวันนี้คุณพักให้ร่างกายผ่อนคลายก่อนดีกว่า ดึกมากแล้ว อีกสักพักเราก็ปิดโรงแรมแล้วค่ะ”
“เอะ ไม่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือคะ?” เมธิตาแปลกใจ เพราะปกติจะเห็นโรงแรมเปิดรอผู้มาพักตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“โรงแรมเรายังไม่เปิดเป็นทางการค่ะ เราต้องการขายภาพลักษณ์ของโรงแรมทางละครโทรทัศน์ก่อน พูดง่าย ๆ คือเราต้องการโฆษณาโรงแรมล่วงหน้าก่อนค่ะ”
เมธิตาเข้าใจกระจ่างชัดถึงการลงทุนที่จะได้ผลกำไรตอบแทนกลับมามหาศาลของเจ้าของโรมแรม ฉะนั้นไม่มีเวลาไหน ที่เธอจะมีโอกาสสร้างความสำคัญของตัวเองได้มากเท่าเวลานี้อีกแล้ว
“วางแผนการตลาดกันดีจังนะคะ แหม โชคดีจริงที่ฉันได้รับเลือกให้เล่นละครเรื่องนี้ด้วย เหมือนรุ่นบุกเบิกยังไงไม่รู้”
ชั่วอึดใจลิฟท์ก็มาถึงชั้นสาม เมธิตาเดินตามหลังเลขาสาว เธอเพิ่งสังเกตว่าความกว้างของชั้นนั้นมีเพดานสูงพอ ๆ กับโถงกว้างด้านล่าง
ทั้งคู่หยุดฝีเท้าลงด้านหน้าห้องพัก  เมธิตารับคีย์การ์ดรูดเตรียมจะเข้าห้องแล้ว จึงได้ยินอีกฝ่ายพูดจาฝากฝัง ก่อนอำลาจากกันในค่ำคืนนี้
“ฝากโรงแรมเราด้วยนะคะ”
“อุ้ย พูดยังกะฉันเป็นผู้จัด แต่ว่าไม่แน่นะคะ ถ้าลองมีดารามืออาชีพอย่างฉันแสดง ย่อมทำให้ละครเรื่องนี้เป็นละครเด่นละครดังแห่งปีได้ง่าย โรงแรมคุณก็จะพลอยดังเป็นพุไปด้วยเชียวแหละ”
“ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงและสีหน้าเรียบ ๆ ของเลขาสร้อยจันทร์ตอบรับอย่างสุภาพ
เมธิตามองตามหลังเลขาสาว เบ้ปากแอบวิจารณ์สร้อยจันทร์ว่าช่างเป็นผู้หญิงที่ดูเชยเหลือทิ้ง ก่อนดันประตูปิดลง โดยไม่ทันสังเกตเห็นคนถูกวิจารณ์ได้เดินหายไปทางไหน จะฉุกคิดก็แต่เรื่องที่จู่ ๆ ผุดวาบขึ้น
“ลืมถามยัยนั่นถึงอีกชั้นเลย” เท่าที่เมธิตาเห็น ชั้นที่เธอขึ้นมาพักถือเป็นชั้นสูงสุดแล้ว แต่ในเมื่อเลขาสาวเจ้าของโรงแรมบอกตึกนี้มีห้าชั้น จึงเกิดความฉงนสนเท่ห์ว่า..อีกชั้นมันอยู่ตรงไหน?
 
 ราคาขาย: 280 + 40 = 320 บาท 
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
 

 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น