นิยายเปิดเช่าและขาย
เรื่อง เสน่หานาคี
“นักแสดงนำหญิงประจำปีนี้ได้แก่...คุณอุ้ม
อุรัสยา จากเรื่อง ในหทัยนิรันดร์!”
!!!เสียงปรบมือดังเกรียวกราว พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีระหว่างที่หญิงสาวเดินผ่านขึ้นมาบนเวที
อุ้ม อุรัสยา
นักแสดงสาวผู้กำลังโด่งดังในวงการละครก้าวขึ้นเวทีด้วยท่วงท่างามสง่า
ทุกสายตาต่างตรึงอยู่ที่ร่างสูงหุ่นระหงผมยาวตรงสวมชุดเดรสเกาะอกสีเขียวมรกตทิ้งปลายยาวพลิ้วไหวเมื่อเธอก้าวเดิน
ทรงผมเปิดเผยวงหน้าเรียว นวลแก้มอิ่มเอิบ จมูกโด่ง ดวงตาสีดำกลมโตขนตายาวเรียงเป็นแพถูกดัดให้งอนงามรับกับคิ้วดำเรียว
ริมฝีปากอิ่มสวยคล้ายจะแย้มยิ้มให้กับคนรอบข้างตลอดเวลา
เมื่อร่างงามขึ้นมาหยุดยืนอยู่กลางเวที
พิธีกรชายหญิงที่ประกาศชื่อเธอได้กล่าวเรียนเชิญผู้มอบรางวัลกิตติมศักดิ์
ให้มอบถ้วยรางวัลสำหรับนักแสดงนำหญิงประจำปีพร้อมกับช่อดอกไม้
“เป็นเต็งหนึ่งที่ไม่พลาดรางวัลจริง ๆ สำหรับคุณอุ้ม
อุรัสยานะครับ ขอเชิญคุณอุ้ม กล่าวอะไรกับรางวัลที่ได้สักนิดครับ”
รอยยิ้มระบายบนใบหน้าพิธีกรทั้งสองคนขณะเอ่ยเชิญ
“ขอบคุณค่ะ” อุรัสยาเยื้องกายมายืนตรงจุดที่ผู้ได้รับรางวัลคนอื่น
ๆ ก่อนหน้านั้นได้ยืนก่อนแล้ว ร่างสูงระหงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกกำลังใจ และพยายามเรียบเรียงถ้อยคำเพื่อบอกต่อทุกคนที่ทำให้เธอได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ
“เดิมที อุ้มคิดฝันเพียงแค่ได้เป็นนางรำในโรงละคร
ไม่คิดฝันว่าการเดินทางของอุ้ม จะมาได้ไกลถึงดวงดาว แต่ที่อุ้มก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะอุ้มได้รับไมตรีอันทรงคุณค่าของทุกคนค่ะ
อุ้มขอขอบคุณทุกคนนะคะที่ทำให้อุ้มมีวันนี้ค่ะ”
หญิงสาวชูถ้วยเกียรติยศขึ้น ต้อนรับเสียงปรบมือดังเซ็งแซ่แข่งกับเสียงกรี๊ดของเหล่าบรรดาแฟนคลับ
ก่อนล่นถ้วยรางวัลเกียรติยศมาแนบอก จากนั้นก้าวลงจากเวทีโดยมีเสียงปรบมือดังเกรียวกราวตามมาไม่ขาดสาย
เป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจเสียเหลือเกิน
“ฉันทำสำเร็จแล้วกระติ๊บ”
ร่างสูงระหงเดินพ้นบันไดมาได้ก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของเพื่อนสาว
ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
กระติ๊บ หรือปานเลขา หญิงสาวร่างโปร่งบางความสูงไล่เลี่ยกัน
ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมหน้าม้าสีน้ำตาลประกายแดงยาวประบ่า
ดวงตาเรียวรับกับคิ้วดำเรียวเล็ก จมูกเป็นสันตรง
ผิวขาวเกลี้ยงเกลา
ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มสีสันมีเพียงลิปสติกสีส้มเคลือบเงาบางบนริมฝีปากรูปกระจับ
ปานเลขาดันร่างเพื่อนสาวห่างนิดเพื่อดูถ้วยรางวัลเกียรติยศ
จากคะแนนนิยมที่ต่างเทใจมาให้เพื่อนของเธอนั้นเป็นที่คาดการณ์กันมาแล้ว แม้ไม่ถึงกับปักใจว่าจะได้ครอบครอง
ทว่าในค่ำคืนนี้อุรัสยา สเวนซัน ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นดาวจรัสแสงจริง ๆ
“ดีใจด้วยนะอุ้ม ”
“ขอบใจจ้ะกระติ๊บ” อุรัสยากล่าวและยิ้มตอบรับ
ชั่วขณะดวงตาสวยเป็นประกายหม่นลง ปานเลขาเพื่อนสาวผู้อยู่ดูแลกันและกันและเข้าอกเข้าใจกันมานาน
เดาได้ไม่ยากว่าทางฝ่ายดาราสาวกำลังเศร้าใจกับเรื่องใด
“อยากให้คุณป้าอัญญากับคุณมาร์ตินมางานนี้ด้วยใช่ม้า?”
ปานเลขายังจดจำแววตาชื่นชมของบิดาและมารดาของอุรัสยาได้ดี อุรัสยามักได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงละครเวทีมาตั้งแต่เด็ก
อัญญาและมาร์ตินจึงส่งเสริมการแสดงให้กับลูกสาวมาโดยตลอด จนกระทั่งอุรัสยาเริ่มออกงานตามสื่อต่าง
ๆ และมาเป็นดาราดาวรุ่งอยู่ที่เมืองไทยสามปี แต่ในค่ำคืนนี้ ค่ำคืนที่ดวงดาวอุรัสยาสว่างไสวมาร์ตินก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
ส่วนอัญญาได้ขอลูกสาวเดินทางไปบำเพ็ญศีลยังสถานปฏิบัติธรรมที่ไหนสักแห่งอย่างไม่มีกำหนดกลับ
“ใช่ มาร์ตินและคุณแม่ส่งเสริมเรื่องการแสดงให้กับฉันตลอด
แต่พอฉันได้มาไกลจนถึงจุดนี้ ท่านทั้งสองกลับไม่ได้เห็น” น้ำเสียงสลดกับสีหน้าเศร้า
ๆ พลอยให้เพื่อนผู้อยู่เคียงข้างกันเสมอสะเทือนใจไปด้วย แต่ไม่กล้าแสดงออกเพราะไม่อยากไปเพิ่มความเศร้าให้เพื่อนอีก
“ท่านทั้งสองไม่อยู่ตรงนี้ก็จริง
แต่เธออย่าลืมตอนนี้เธอได้คว้าความสำเร็จมาให้ท่านได้ชื่นใจแล้ว”
คำพูดของปานเลขาทำให้สีหน้าคนฟังดีขึ้น
“ขอบใจมากนะกระติ๊บ ฉันนี่แย่จริง ๆ ทำตัวขี้แยให้เธอต้องปลอบอยู่เรื่อย”
นิ้วเรียวยกขึ้นกรีดน้ำตาที่ปริ่มขอบตาขึ้นมาให้เห็น
“ไม่เป็นไรหรอก แต่อุ้ม ฉันอยากเตือนเธอ
ตอนนี้เธอเป็นดารา เป็นคนของประชาชน ยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอต้องเผชิญ
ฉันจึงอยากให้เธอเข้มแข็งมากกว่านี้”
“กระติ๊บพูดเหมือนฉันจะมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ต้องเผชิญเร็ว
ๆ นี้อย่างนั้นแหละ” อุรัสยามองพินิจ พลางสังเกตเห็นแววกังวลในดวงตาของเพื่อน
“มี แต่ไว้คุยกัน กลับไปนั่งประจำที่ก่อน พิธีกรกำลังประกาศนักแสดงนำฝ่ายชายแล้ว”
ปานเลขาพูดตัดบท เพราะมองเห็นว่าจอภาพซึ่งทยอยฉายบทบาทนักแสดงนำชายที่เข้าชิงจบลง
สองสาวเพื่อนซี้เดินผ่านเหล่านักแสดงคนอื่น ๆ
ทีมงานเบื้องหลังการสร้างงานละคร อีกทั้งเหล่าแฟน ๆ
ที่ได้เข้ามานั่งชมการประกาศรางวัล แต่ถูกกันให้อยู่ในอีกส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่จัดไว้เฉพาะบุคคลทั่วไป
ผู้จัดการสาวเดินตามหลังขณะที่ดาราสาวพยักหน้าพร้อมกับโบกมือขอบคุณบรรดากองเชียร์
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงที่นั่งประจำ
“นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีนี้ได้แก่...คุณธัช
ชัชพิมุข จากเรื่อง..สัมผัสรักที่กลางใจ!
ละครเรื่องนี้นับว่าเป็นละครเด่นแห่งปีเพราะเรียกทั้งเร็ตติ้งและน้ำตาจากคนดูได้ท่วมจอ”
พิธีกรชายพูด สลับกับพิธีกรสาวกล่าวเชิญผู้ที่จะขึ้นมามอบรางวัลระหว่างที่รอนักแสดงชายที่จะขึ้นมารับ
“อ้าว คุณธัชมาถึงแล้วนะคะ
ขอเรียนเชิญคุณธัชรับรางวัลและกล่าวอะไรกับบรรดาแฟน ๆ สักนิดค่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงพิธีกรสาว ธัช ชัชพิมุข ก็ก้าวไปยืนยังจุดที่นักแสดงนำสาวคนล่าสุดเพิ่งก้าวออกไป
พร้อมกล่าว
“ก่อนอื่น
ผมขอขอบคุณทีมงานทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาด้วยกันครับ
และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัลที่ผมได้มานี้จะเป็นรางวัลที่แสดงถึงประสิทธิ์ภาพในการทำงานของทุกคน
เพราะผมจะไม่มีวันนี้เลยถ้าไม่มีทีมงานที่ดีและพวกเราจะไม่มีวันนี้เลยถ้าไม่มีแฟนละครที่น่ารักอย่างคุณทุกคนครับ
ขอบคุณครับ”
ธัช ชัชพิมุข ชายหนุ่มสูงโปร่ง ผิวขาว
หน้าตาหล่อเหลา คิ้วดกนัยน์ตาดำคม มีวาทะในการพูดคุยจนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าบรรดาทีมงานที่ได้ร่วมงานกับเขา
จึงไม่แปลกใจถ้าเรื่องใดมีธัช ชัชพิมุข
เรื่องนั้นทีมงานจะเต็มไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสบายใจ
เพราะแม้เขาจะเป็นดาราหนุ่มมาแรงมีผลงานการแสดงที่เรียกเร็ตติ้งคนดูได้ทุกเรื่อง
แต่ธัช ชัชพิมุขก็ไม่ถือตัว ยังเป็นคนมีวินัย ตรงเวลา และนอบน้อมกับผู้อื่นเสมอ
อุรัสยาโบกมือให้กับดาราหนุ่มขณะที่เขาเดินผ่านไปโดยทิ้งรอยยิ้มให้ก่อนกลับไปนั่งที่ประจำ
เสียงผู้จัดการสาวกระซิบปรามให้อุรัสยาล่นมือลง
“เอามือลงเลยยัยอุ้ม เดี๋ยวตกเป็นข่าวอีกหรอก
แค่เรื่องนายตำรวจนั่นยังไม่เข็ดหรือไง” ข่าวเรื่องคู่รักดาราล้วนเป็นดาบสองคมที่มีทั้งผู้สนับสนุนและผู้ที่คอยสร้างข่าวโจมตี
ซึ่งทั้งสองอย่างล้วนก่อเกิดรายได้ให้กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเหยี่ยวข่าว เฉกเช่นแสงแฟชตจากกล้องจับภาพที่ดาราสาวโบกมือให้ดาราหนุ่มวูบวาบจนปานเลขาแทบกะพริบตาตามไม่ทัน
ผู้จัดการสาวรู้ว่าพวกสื่อมวลชนกำลังจะเล่นข่าวอะไรกันและนั่นทำให้เธอนึกกังวล
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้จัดการให้ทั้งอุรัสยาและชัชพิมุข แต่เธอก็เลือกที่จะห่วงเพื่อนสาวมากกว่า
“กระติ๊บ มันเป็นงานปกติของพี่ ๆ นักข่าวนะ
เรื่องผู้กองภาวินฉันก็แถลงข่าวไปแล้วว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนเขาไปดูงานที่สวีเดน
ส่วนธัชก็เป็นเพื่อนนักแสดงของเรา เล่นละครด้วยกันบ่อยก็สนิทกันเป็นธรรมดา
อย่ากังวลนักเลย ข่าวแค่นี้ไม่สร้างปัญหาให้กับฉันหรอกน่า” ดาราสาวยิ้มเพิ่มความสบายใจให้กับเพื่อนที่ยังไม่เลือนรอยกังวลบนใบหน้าอยู่ดี
อุรัสยารู้ว่าปานเลขาเป็นห่วงกลัวเธอจะตกเป็นข่าวคู่รักแห่งปีกับธัช
ชัชพิมุข พอ ๆ กับที่เธอเคยตกเป็นข่าวกับภาวิน แต่ข่าวนี้ก็นับว่าดังมาต่อเนื่องอยู่แล้ว
จนแทบจะเป็นข่าวรายวัน เธอจึงรู้สึกชินอีกทั้งไม่นึกขุ่นเคืองเหล่านักข่าวแต่อย่างใด
เพราะการทำข่าวก็เป็นอาชีพหนึ่งที่อยู่คู่กับวงการบันเทิงอยู่แล้ว
“จ้า แม่ดาราใจกว้างอย่างกับแม่น้ำโขง อุ้ย!”
ปานเลขาสะดุ้ง เพราะเธอตั้งใจจะพูดเปรียบความใจกว้างของเพื่อนดุจน้ำทะเล แต่ดันพูดชื่อแม่น้ำนั่นออกมา
สงสัยคงเพราะคิดเรื่องงานชิ้นใหม่ของอุรัสยา จนเก็บมาเพ้อ
“ตกใจอะไรเหรอกระติ๊บ?” อุรัสยาย่นคิ้ว จับตามองเพื่อนอย่างจริงจัง
ซึ่งวันนี้เธอจับสังเกตแม่เพื่อนสาวเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ
“ฉันเผลอพูดชื่อแม่น้ำโขงขึ้นมาได้ไงก็ไม่รู้นะซี”
ปานเลขาตอบเหมือนรำพันกับตัวเอง จากนั้นถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แม่น้ำโขง? ถามจริง
เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันต้องเผชิญ อย่างที่เธอพูดค้างไว้หรือเปล่า?” อุรัสยานึกถึงคำพูดชวนให้ค้างคาใจ
ในช่วงที่พวกเธอยืนคุยกันตรงบันไดทางลงเวที
“ใช่
แล้วงานที่เธอจะทำต่อไปก็เกี่ยวกับแม่น้ำโขงนี่ล่ะ”
ปานเลขาตอบอย่างหนักใจแทนเพื่อน เธอและอุรัสยา รู้จักกันที่สวีเดน
ครอบครัวของเธอแตกแยกเพราะพ่อมีภรรยาใหม่ แม่ของเธอได้ร้านเก่าของเพื่อนที่ขายอาหารอยู่ที่สวีเดน
เธอจึงได้เดินทางไปอยู่ที่นั่นกับแม่ตั้งแต่อายุแปดขวบ
และก็ได้รู้จักกับเพื่อนบ้านที่น่ารักอย่างอุรัสยา เพื่อนเด็กในวัยเดียวกัน แม่ของอุรัสยาเป็นคนไทยแต่ไปคลอดลูกและใช้ชีวิตครอบครัวกับสามีที่สวีเดนมาตลอด
ทว่าหลังจากกลับมาซื้อบ้านอยู่เมืองไทยบิดาของเพื่อนสาวอยู่ด้วยปีเดียวก็จากไป ผ่านไปไม่นานมารดาก็มาขอไปบวชชีพราหมณ์เสียอีก
ตอนนี้อุรัสยาจึงเหลือตัวคนเดียว
ส่วนเธอต้องการสานฝันของเพื่อนให้เป็นจริงพร้อมกับได้ทำงานที่ตัวเองชอบ
จึงขอมารดามาอยู่เมืองไทยกับอุรัสยา ในขณะที่อุรัสยาได้ก้าวขึ้นมาเป็นดาราดาวรุ่ง
เธอก็ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวจนมาถึงเดี๋ยวนี้ที่เพื่อนสาวของเธอได้ก้าวมาเป็นดาวจรัสแสงด้วยรางวัลอันทรงเกียรติฐานะนักแสดงนำประจำปี
ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาปานเลขาเห็นอุรัสยาเป็นเจ้าหญิง
อุรัสยาสวยเฉิดฉายดุจแสงดาวบนฟากฟ้า ท่วงท่างามสง่า กิริยาอ่อนน้อม
เป็นเจ้าหญิงน้อยที่น่าทะนุถนอม ไม่ว่าบทบาทใดที่เพื่อนสาวได้รับก็มักได้รับความชื่นชมในฝีมือการแสดง
แต่ทว่าเนื้อเรื่องที่เพิ่งได้รับคำสั่งจากต้นสังกัด ดันเป็นฉากละครที่เพื่อนของเธอต้องไปถ่ายทำที่จังหวัดติดลำน้ำโขง
“เอาล่ะ ฉันรู้เธอรับงานมาด้วยความลำบากใจ
แต่เดี๋ยวเรากลับแล้วค่อยคุยรายละเอียดแล้วกัน ตอนนี้เธอหันไปดูบนเวทีก่อน
ดูซิว่าใครได้รับรางวัลดาวร้ายหญิงแห่งปี” อุรัสยากระซิบบอก พร้อมกับสะกิดแขนเพื่อนให้หันไปมองตาม
เมื่อเพื่อนสาวกล่าวจบ
ปานเลขาก็หันไปสนใจผู้ที่กำลังก้าวขึ้นรับรางวัลบนเวทีในฐานะนักแสดงดาวร้ายฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมปีนี้
“ขอเชิญคุณเมธิตากล่าวอะไรสักนิดกับบรรดาแฟนละครหน่อยนะครับ”
สิ้นเสียงพิธีกรชาย ร่างระหงสวมชุดราตรีเกาะอกยาวสีแดงเพลิง
ผมยาวสลวยสีดำสนิทถูกเกล้าขึ้นเป็นทรงสวยเพื่อเผยลำคอขาวประดับด้วยสร้อยเพชร
ตุ้มหูเพชรเข้าชุด
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายหวานหยดประกอบกับขนตายาวเป็นแพรับกับคิ้วดำเรียว
ริมฝีปากอิ่มย้อยยามยิ้มดูหวานมีเสน่ห์ เธอเดินเฉิดฉายไปหยุดยังตำแหน่งพูดผ่านไมค์ทันที
“เมย์ขอขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เมย์ได้รับรางวัลนี้ค่ะ
ที่จริงเมย์ก็ไม่หวังอะไรมาก ขอแค่ได้สร้างความสุขให้กับคนดูละครก็พอใจแล้วค่ะ
แต่ในเมื่อทุกคนเทคะแนนให้เมย์ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ เมย์ก็ขอขอบคุณมาก ๆ
เลยค่ะ และเมย์จะขอทำงานด้วยความแข็งขัน หมั่นฝึกฝนและพัฒนางานการแสดงของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย
ๆ ค่ะ”
เสียงหวานติดออดอ้อนของดาราสาวเมธิตา หรือ เมย์
ได้สร้างเสียงฮือฮาพร้อมกับเสียงปรบมือดังไม่แพ้ดาราคนอื่น ๆ
จากนั้นร่างระหงในชุดราตรีสีแดงเพลิงก็ก้าวลงเวทีมาด้วยท่วงท่าสง่าราวนางหงส์
“ขอทำงานด้วยความแข็งขัน
หมั่นฝึกฝนและพัฒนางานการแสดงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เฮอะ มาสายตลอด เท็คก็บ่อยจนคนบ่น
พัฒนาการแสดงจากนางร้ายในละครไปเป็นนางร้ายตัวจริงนะสิไม่ว่า”
เสียงกระซิบอุบอิบของเพื่อนด้านข้างทำให้อุรัสยาอดปล่อยเสียงขำออกมาเบา ๆ ไม่ได้
ใครก็รู้ว่าปานเลขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเมธิตา
เพราะทางฝ่ายดาราสาวสวยมักเดินเฉิดฉายผ่านหน้าผ่านตาเพื่อนของเธอโดยไม่วายทิ้งสายตากรีดกรายชวนให้หมั่นไส้ทุกครั้ง
“แต่เขาก็ทำผลงานออกมาดีนะ
ไม่งั้นไม่ได้คะแนนสูงจนได้รับรางวัลอย่างนี้หรอก” อุรัสยากระซิบบอกอย่างขบขันกับแววตาค้อนขวับของเพื่อน
“ผลงานหล่อนน่ะดี แต่ทีมงานน่ะอ่วมเลยล่ะ และรู้
ๆ กันก็คือเจ้าหล่อนมักเอาตัวติดสินบนผู้จัดให้ได้งาน ข้อนี้ใครบ้างไม่รู้เชอะ”
“เอาเถอะน่า หยุดพูดเถอะ
เจ้าหล่อนมองมาทางนี้แล้ว” อุรัสยาสะกิดเตือน เพราะเห็นว่าดาราสาวสวยมองมาทางนี้
พร้อมกับชูถ้วยรางวัลเหมือนจงใจบ่งบอกว่าตนก็ดาวดวงหนึ่งเช่นกัน
“เยาะเย้ยเรอะ เชอะ บทแรง ๆ แบบนี้อุ้มเธอเองก็เล่นได้”
ปานเลขาไม่วายมองค้อนดาราสาวสวยที่ส่งยิ้มเย็นมาให้ “พูดถึงบทแรง เรื่องเสน่หานาคีที่ทางผู้ใหญ่หยิบยื่นมาให้
มันเป็นบทแรงเช่นกัน ไม่แน่นะ ปีหน้าเธออาจได้ขึ้นไปยืนถือถ้วยรางวัลดารานำหญิงสองปีซ้อนก็ได้”
“เรื่องเสน่หานาคีเหรอ
ฉันได้รับบทเป็นพญานาคเหรอกระติ๊บ!”
“ใช่ เป็นนาคนาคี หรือ
พญานาคิณีของพญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มน้ำโขง พูดจริง ๆ นะ ตอนแรกฉันหนักใจมาก
กำลังคิดว่ามันเป็นบทค่อนข้างดราม่าเกินไปสำหรับดาราสาวที่ยังสดใสอย่างเธอ
แต่พอได้เห็นรอยยิ้มยัยนั่น ฉันคิดว่าเธอควรพิสูจน์ฝีมือการแสดงที่ดีขึ้นกับเรื่องนี้
ให้ยัยนั่นได้เห็นว่าเธอไม่ได้เป็นแค่ดาราชั้นธรรมดา
แต่เธอจะเป็นดารานำหญิงที่โดดเด่นแห่งปีตลอดไป ฮ่าๆๆ”
ปานเลขาตั้งความหวังกับเพื่อนสาว
โดยยังไม่ทันได้สังเกตใบหน้าว่าตอนนี้สีหน้าของผู้ที่กำลังจะได้รับบทบาทเป็นพญานาคีนั้นมันเหยเกสักแค่ไหน
เพราะมันหมายถึงบทบาทที่มีสายน้ำโขงเข้ามาเกี่ยวข้อง!
อุรัสยายังจดจำถึงถ้อยคำเตือนของมารดาก่อนที่ท่านจะไปบวชชีถือศีลได้ดี
ว่าเมื่อเธออายุเข้าสู่วัยเบญจเพสห้ามเธอเข้าใกล้สายน้ำโขงเป็นอันขาด
เธอไม่เข้าใจเหตุผลแต่มารดาของเธอก็ไม่มีคำตอบให้ บอกแต่เพียงว่าพระท่านตรวจดวงชะตาให้เมื่อตอนตั้งท้อง
และบอกกับมารดาของเธอว่า เมื่อเธอถึงอายุขัยเธอจะต้องกลับไปพร้อมกับสายน้ำโขงซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอจากมา
ปีนี้อุรัสยาเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว เธอเชื่อฟังมารดาจึงพยายามหลบหลีกที่ไม่เผชิญกับสายน้ำไม่ว่าที่ใด
แต่ดูเหมือนโชคชะตาคงเป็นสิ่งที่เธอหลีกเร้นได้ยาก เพราะ..
“ละครเรื่องนี้นายทุนต้องการเห็นการทำงานอย่างใกล้ชิด
จึงให้ทางทีมงานพร้อมกับเหล่านักแสดงไปพักในโรงแรมของเขาที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขง”
เสียงบอกเล่าของปานเลขายังดังต่อเนื่อง โดยที่ไม่รู้ว่าคนฟังนั้นกำลังจิตตกกับสิ่งที่ตนกำลังต้องเผชิญ
.. ติดกับแม่น้ำโขง!
“อุ้ม เรื่องนี้เธอคงปฏิเสธยาก
เพราะนายทุนระบุชื่อเธอโดยตรง เขาอ้างว่าต้องการนักแสดงนำหญิงที่กำลังโด่งดังที่สุด
และฉันก็คิดว่าเขาต้องมีอิทธิพลต่อทางผู้ใหญ่พอสมควร ถึงได้มีเงื่อนไขให้เหล่านักแสดงทำตามได้ถึงเพียงนี้”
ปานเลขาคาดเดา เพราะเท่าที่เธอรู้คืออุรัสยา มีงานละครที่เตรียมไว้แล้วแต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
เธอพยายามสอบถามถึงนายทุนคนนั้น ก็ได้รับคำตอบเพียง..ไม่รู้
เพราะนายทุนผู้นี้ไม่ต้องการเปิดเผยตัว การดำเนินงานทุกอย่างจะผ่านเลขาส่วนตัวของเขาเท่านั้น
ปานเลขามองสบตาเพื่อนสาว เธอเห็นแววตานิ่งคิดของอุรัสยา ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังคิดถึงนายทุนปริศนาคนนั้นเช่นกัน
‘นายทุนคนนี้คงมีอิทธิพลกับทางผู้ใหญ่มาก
ถึงได้สั่งนั่นสั่งนี้ตามแต่ใจได้ อยากรู้จริง เขาเป็นใคร แล้วทำไมต้องให้ไปอยู่ติดสายน้ำนั่นด้วย’ อุรัสยานิ่งเงียบครุ่นคิดด้วยความหนักใจ
งานแสดงของเธอมีสัญญาผูกพันกับทางต้นสังกัดทำให้เธอต้องรับงานแสดงในบทบาทที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นโอกาสมาให้
เธอเองก็พอเข้าใจ
แต่ไม่เข้าใจทำไมโชคชะตาจะต้องกำหนดให้เธอต้องไปอยู่ใกล้ในสิ่งที่มารดาเพียรเตือนให้ห่างไกลเช่นนี้ด้วย
เสน่หานาคี
ทำมือขาย: 280 + 40 = 320 บาท
ยอดโอนยืม ราคาปก 399 + 40 = 439
(พื้นที่ห่างไกลลงทะเบียน)
ซึ่งร้านรับคืนหนังสือแล้วโอนคืนลูกค้า 399-39=360 บาท
เงื่อนไขราคาเช่า : เช่าเหมา 7 วัน ราคา 10%ของราคาปก ตัวอย่างการยืม
เช่น นิยายราคาปก 200x10%=20 บาทซึ่ง ยอดยืม 20 บาทนี้จะหักจากค่ามัดจำที่ผู้ยืมต้องจ่ายตามราคาปกก่อน เมื่อส่งหนังสือคืนแล้ว
จะโอนคืนส่วนที่หักค่ายืมแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 2 เล่ม ส่งคืนตามวันที่ระบุ ถ้าเลยกำหนดส่งสองวันขอหักยอดที่จะโอนคืนวันละ 2 บาทค่ะ และขอย้ำว่าต้องวางมัดจำตามราคาปกทุกเล่มค่ะ